ตอนที่ 302

Black Tech Internet Cafe System

ผู้เล่นหน้าเก่าอย่างซูเทียนจิและคนอื่นๆ ยังคงเล่นเกมและปลูกผักในคิวโซนเป็นชีวิตประจำวัน ส่วนผู้เล่นเกมหน้าใหม่อย่างเกมเจ้ากระบี่ขั้นเทพยังคงเพิ่มขึ้นทุกวันหลังจากการก่อตั้งสมาคมเกมเชื่อมต่อสวรรค์ หลังจากสมาคมได้ก่อตั้งขึ้นจากนั้นก็มีสมาคมตามขึ้นมาเป็นเครื่อข่ายอย่างเช่น สมาคมราชวงศ์และสมาคมปีศาจดำเป็นต้น

 

พวกเขาหลายกลุ่มวางแผนต่อสู้เพื่อขยายแผนที่จากแหล่งราชาศพไปยังวิหารวิลมะ ตอนนี้สมาชิกจากสมาคมต่างๆ ได้เข้าไปถึงวัดซูมะที่นี่เป็นวัดศักดิ์แห่งเดียวที่ยังคงมีออร์คอยู่

(ผู้แปล : ออร์ค (Orcs) คือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มีหน้าตาอัปลักษณ์)

 

ในกลุ่มพูดคุยโพสต์เรื่องเหตุการหรือเรื่องเล่าของเมืองต่างๆ ที่แต่ละสมาคมได้ค้นเจอ

 

[วิกฤตของวิลมะมีกองกำลังที่ชั่วร้ายซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ต่างๆ ของเมืองตอนนี้พวกมันได้รับการปล่อยตัวโดยกองกำลังลึกลับและมีกองกำลังขนาดใหญ่ของเหล่าสัตว์ประหลาดกำลังเดินทางไปยังบีฉี, เมืองหลวง, หุบเขาไวเปอร์และจังหวัดในเม้งชง พวกเขาเข้าใกล้สถานที่พำนักแห่งสุดท้ายของมนุษย์แถมพวกวิลมะยังได้หยิบอาวุธที่ปกป้องหมู่บ้านติดมือไปด้วย!]

 

[หากกองกำลังของสัตว์ประหลาดสามารถยึดครองเมืองใหญ่และสังหารราชาแห่งบีฉีได้ เราต้องแย่แน่ๆ]

 

[รับอาวุธเพื่อต่อสู้และปกป้องโลกของเรา!]

 

นี่เป็นประกาศล่าสุดของวันนี้ในร้านค้าสองแห่ง

 

“พวกสัตว์ประหลาดจะล้อมเมืองหรือ?”

 

“ท่านเห็นประกาศบนกระดานห้องพูดคุยเกี่ยวกับในเมืองหรือไม่?”

 

“เห็น สัตว์ประหลาดจะโจมตีเรา?”

 

หัวหน้ากลุ่มวิลมะที่ไม่สามารถออกจากถิ่นได้มันก็จะมา ..​ หัวหน้าเผ่าซูมะที่นอนหลับอยู่ก็กำลังตื่นขึ้นและนำทัพมาโจมตีโลกมนุษย์ เหล่าหนอนที่กลายพันธุ์ใต้ดินอันมืดมิดในเมืองแห่งความตายก็กำลังรวมตัวกันภายใต้ผู้นำตะขาบปีศาจ!

 

สัตว์ประหลาดที่น่ากลัวจำนอนมากกำลังตื่นขึ้นในความมืด!

 

“พี่สองท่านเห็นประกาศในช่องพูดคุยหรือไม่?” องค์ชายห้าถามจี๋หยางด้วยความงุนงงเมื่อเปิด QQ “เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ใครรวบรวมกองทัพของเหล่าสัตว์ประหลาด?” องค์ชายสองเองก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ข้าเองก็ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ ราวกับมีพลังที่แข็งแกร่งซ่อนอยู่หลังเรื่องราวทั้งหมดนี้”

 

“นี่มันอะไรกันเนี่ย!?” หัวหน้ายูจิสบถอย่างโกรธแค้น “มันคือการโจมตีครั้งยิ่งใหญ่ของกองกำลังชั่วร้าย!”

 

ดูเหมือนว่ากองกองทัพของเหล่าออรค์หนึ่งล้านคนกำลังเดินทางมาเพื่อกู้ชื่อเสียงของพวกเขา

 

.. ณ ร้านที่เมืองครึ่ง

 

“ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเมืองถูกเหล่าสัตว์ประหลาดครองขึ้นมา”  กลุ่มปีศาจดำพูดคุยกัน

 

“หากถูกยึดครองโดยสัตว์ประหลาด ..” ตังหยวนแห่งหยวนเฮงกล่าวขณะกินบะหมี่ “ถ้าไม่มีอะไรผิดจากที่คิด ร้านค้าต่างๆ และเหล่าผู้พิทักษ์ในเมืองก็จะหายไปสัตว์ประหลาดยืดครองเมืองเราก็ต้องเดินทางด้วยการวาร์ป หากไม่มีการป้องกันและขาดแคลนเสบียงไปข้ากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยากมากขึ้น”

 

“มันจะเกิดขึ้นจริงหรอ?” ซีเฉินโจวพูดต่อ “จากลักษณะที่ฟังเหมือนเรากำลังถูกบังคัยให้ต่อสู้กับความตายยังไงยังงั้น”

 

หัวหน้าปีศาจดำนั่งนิ่ง “พาข้าไป? ไปเผชิญหน้าต่อสู้กับความตาย!? ฟังดูเป็นเรื่องตลกจากรูปลักษณ์ของข้าข้าต้องต่อสู้กับความตาย?”

 

ตังหยวนพูดต่อว่า “ข้ากำลังแบ่งปันความคิด .. แต่เราก็ต้องทำเพื่อประโยชน์ของเราเช่นกัน ..”

 

“คืนนี้มาหารือกันเถอะ!” ซีเฉินโจวกล่าว “เราต้องช่วยกันประหยัดเวลาเพื่อใช้มันปกป้องเมือง”

 

วัดซูมะที่อยู่นอกเมืองเป็นยจุดอบรมบ่มเพาะยอดนิยมของกองกำลังทั้งหลายเพื่อการต่อสู้ แต่ไม่มีใครมาที่นี่เลยวันนี้ ..

 

“เร็วๆ นี้?”

 

“คืนนี้หรอ!?”

 

วันนี้ผู้เล่นจำนวนมากพุ่งขึ้นทะลุยอดโดยรวมในแต่ละวันอย่างเห็นได้ชัดและผู้เล่นบางคนในทีมอย่างเช่นทีมของซูเทียนจิก็เริ่มมีบทบาทมากขึ้น

 

[ยูจิผู้เป็นอมตะเพื่อนของท่านกำลังออนไลน์]

 

“หืม?” ฟางฉีที่กำลังฆ่าคนอยู่นอกพื้นที่วัดซูมะรู้สึกประหลาดใจจึงส่งข้อความไปหา [ทำไมวันนี้มาเล่นเกมเร็วจัง?]

 

[พวกเขาบอกว่าสัตว์ประหลาดกำลังจะโจมตีเมืองดังนั้นข้าจึงมาที่นี่เพื่อเฝ้าดู] ซูเทียนจิควบคุมตัวละครของเธอในระดับสามสิบเอ็ดอยู่ [การบุกรุกของเมืองครั้งนี้คืออะไร? เจ้าจะไปมั้ย?]

 

[แน่นอน!] ฟางฉีวางแผนและคิดเกี่ยวกับมันเชาตอบกลับ [ไปพร้อมกับพวกอาวุธและสิ่งของระดับต่ำและเก็บของมีค่าไว้ในคลังของท่าน]

 

[ทำไมละ?]

 

 

ขณะที่ฟางฉีและซูเทียนจิกำลังพูดคุยกันเกี่ยวกับสถานการณ์ของสัตว์ประหลาดบุกเมือง เวลาเดียวกันนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น ณ กลุ่มหนานหัว

 

สถานที่ต้องห้ามของหนานหัวเป็นดินแทนที่เต็มไปด้วยมรดกโบราณและศิลาจารึก

 

หน้าผาที่เรียบราวกับกระจกดูเหมือนมันถูกตัดและลับด้วยอาวุธมีคมแผ่นสีดำถูกสลักด้วยตัวอักษรสีแดงเลือดจำนวนมาก วัชพืนที่เหลืองเหี่ยวล้อมรอบทำให้สถานที่นี้ดูไม่มีชีวิตชีวา

 

ไม่มีใครรู้เลยว่าทำไมหนานหัวที่ดูอบอุ่นน่าอยู่และดูเหมือนฤดูใบไม้ผลิตลอดเวลาจะมีสถานที่แปลกๆ แบบนี้อยู่ข้างใน

 

แผ่นศิลาจารึกกสีดำมีความสูงหลายสิบเมตรมันสะท้อนแสงเหมือนกระจก เมื่อมองเข้าไปในศิลานั้นมันดูลึกมาจนสามารถกลืนกลินผู้คนได้!

 

ตัวละครที่ถูกจารึกไว้นั้นพวกเขาดูโบราณและผุพัง ตัวละครมีลักษะแปลกๆ เหมือนว่าพวกเขากำลังแหวกว่ายอยู่บนศิลาจารึกนี้

 

แผ่นศิลาจารึกทั้งหลายวางอยู่เป็นชุดใหญ่ ตรงกลางแถวมีช่องเว้นว่างในการเติบโตของวัชพืช บางกลายเป็นขี้เถ้าสีดำนอกจากศิลาจารึกแล้วยังปรากฎหญิงผมขาวในชุดขาวกำลังนั่งไขว้ห้าง เธอดูเหมือนรูปปั้นที่ทำจากไม้ที่ใกล้ผุรอบรูปปั้นที่เสื่อมโทรมนั้นเปล่งรัศมีที่ดูลึกซึ้งชวนค้นหา ตัวละครในศิลาจาลึกดูจะสว่างขึ้นเล็กน้อย

 

.. ทันใดนั้นจารึกก็ค่อยๆ สว่าวงขึ้น!

 

ดินแดนทั้งหมดดูเหมือนจะสั่นคลอนจนน่าประหลาดใจ แต่ผู้ฝึกฝนที่ประจำการอยู่นอกหุบเขากลับไม่รู้สึกอะไร

 

หมอกสีดำนั้นพุ่งออกมาจากชั้นใต้ดินและรวมตัวกันในอากาศ มันมีรูปร่างคลุมเครื่อคล้ายกับใบหน้าของมนุษย์

 

ผู้หญิงคนนั้นลืมตาขึ้นทันทีและสายตาของไม้ที่ดูผุพังได้หายไปแล้วในเวลานี้ สถานการณ์ที่ปรากฏขึ้นนั้นน่ากลัว เธอสดมนตร์คาถาอย่างรวดเร็ว พลังงานจิตวิญญาณพุ่งขึ้นทันทีความรุนแรงของมันก่อให้เกิดพายุทอร์นาโด

 

เวลาเดียวกันหมอสีดำยังคงทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าท้องฟ้าอันกว้างใหญ่กำลังพึมพำด้วยเสียงก้องกังวานราวเสียงครวญคราง

 

“ยอมแพ้”

 

“ปล่อยข้า”

 

“เจ้าต้องหยุด!”

 

“ข้าจะให้เจ้าได้มากกว่าที่เขาทำ!”

 

“พลังของเจ้าอ่อนแอ แต่พลังของข้านั้นแข่งแกร่งขึ้น!”

 

“เปิดใจยอมรับพลังของข้า!”

 

“…”

 

เสียงพึมพำที่ดูว่าจะไม่มีที่สิ้นสุดพร้อมด้วยเสียงสวดมนตร์ที่ดังก้องชัดเจนและยาวเปล่งออกมา ชวนให้ท้องฟ้าที่มืดมนหรี่ลงและเริ่มสว่างขึ้น แสงสีทองจากอาทิตย์พุ่งลงมาจากท้องฟ้าความมืดมืดได้จางหายไป

 

เสียงพึมพำยังคงดังไม่หยุด ..​ หญิงสาวคนนั้นถอนหายใจด้วยความโง่อก

 

ขณะนี้ผู้คุมได้ประจำการอยู่นอกหุบเขาเริ่มสัมผัสได้กับความแปลกประหลาดที่เกินขึ้น “เกิดอะไรขึ้น?” ผู้ฝึกฝนสองคนเอ่ย

 

“ทุกอย่างปกติดี” หญิงสาวดูเหนื่อยล้า เธอกำลังจะนั่งลงแต่แล้วกลับชะงัก สายลมที่หนาวเย็นพัดพาไปทำให้พบว่าหุบที่ค้นพบกำลังหายไป ดินแดนที่บิดเบี้ยวราวกับมันมีชีวิตพร้อมเหล่าสาวกที่เพิ่งเดินทางมาที่หุบเขาถูกดินแดนแห่งนี้กลืนกิน

 

“เลือดและเนื้อสัตว์ช่างสดใหม่อะไรเช่นนี้!” หญิงสาวทำท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย ทั้งหุบเขากำลังถูกผนึกและเหมือนว่ามันกำลังถูกพันด้วยรังไหมสีแดงเลือด

 

“เป็นไปไม่ได้!” หญิงสาวกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

 

“หัวใจของเจ้าเรียกข้า”

 

“เจ้าเป็นของข้า ..”

 

“เจ้าไม่พอใจหรือ?”

 

“ขมขืนใจ?”

 

“ด้วความสามารถของเจ้าเจ้าอยากอยู่คนเดียวหรือไม่?”

 

“ไม่ .. ไม่!”

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมาดวงตาของหญิงสาวผมขาวก็เผยในเห็นแสงสีแดงแปลกๆ รัศมีที่เคยดูโบราณลึกลับได้เปลี่ยนไปทันตามันทั้งสดใส ร่างของเธอได้แปรเปลี่ยนไป เธอเลียริมฝีปากสีแดงเลือดของเธออีกครั้ง .. เธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคน เธอสดใสและเย้ายวนเหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน!

 

“โลกทั้งใบจะต้องเป็นทาสของเรา!”