66 เต๋าสะสมกำลังจะหมดลง มีดบินของลี้น้อย

เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล

Sign in Buddha’s palm 66 เต๋าสะสมกำลังจะหมดลง มีดบินของลี้น้อย!

 

 

“อา…”

 

“ดูเหมือนการฝึกวิทยายุทธของข้า ยังต้องพึ่งพาตนเองไปทีละก้าว ไม่มีทางลัดใด…”

 

การแสดงออกของซูฉินเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก พลันนึกคิดในใจของตนขวดหยกสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา

 

ยามเมื่อขวดหยกสีขาวปรากฏขึ้นพลังฟ้าดินโดยรอบก็สั่นไหวเบาๆ เมื่อซูฉินเปิดจุกขวดแล้วเทเม็ดยาโปร่งใสบริสุทธิ์ลงบนฝ่ามือ พลังแห่งฟ้าดินก็เดือดพล่าน

 

“ หืม?”

 

ซูฉินขมวดคิ้วและใช้จิตสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเขาเข้าตรวจสอบ

 

ในชั่วพริบตาอาการเดือดพล่านของพลังฟ้าดินก็ถูกระงับลง สภาพแวดล้อมกลับมาสงบอีกครั้ง

 

“โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ… ”

 

ซูฉินพึมพำไปพร้อมกับมองเม็ดยาอันบริสุทธิ์และโปร่งใสในมือของเขา

 

‘โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ‘เป็นยาอายุวัฒนะในตำนานของวัดเส้าหลิน มีเพียงศิษย์ในระดับ ‘อรหันต์‘ เท่านั้น ที่มีคุณสมบัติเพียงพอจะปรุงแต่งเม็ดยาขึ้นมาได้

 

ถึงกระนั้นอรหันต์ผู้ทรงศักดิ์ยังต้องใช้เวลาอย่างมหาศาลในการปรุงแต่งโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำให้สำเร็จ ตามข้อมูลที่บันทึก เหล่าอรหันต์ถึงกับต้องใช้แก่นพลังชีวิตบางส่วนของตนเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการปรุงกลั่น

 

ตามปกติแล้ว หากไม่มีเหตุเฉพาะ ก็ไม่มีอรหันต์คนใดเต็มใจจะปรุงโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำขึ้นมาเพราะมันไม่คุ้มค่าเลย

 

ตามประวัติศาสตร์กว่าพันปีของวัดเส้าหลิน มีโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำถูกปรุงขึ้นมาไม่เกินสิบเม็ด

 

ทว่า

 

ที่โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำจะยากที่ปรุงกลั่นขึ้นมาก็เพราะสรรพคุณทางยาน่าหวาดหวั่นจนเกินไป

 

แม้แต่ระดับอรหันต์ที่สูงส่ง เมื่อบริโภคโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำก็ยังผลลดระยะเวลาในการบ่มเพาะอย่างหนักไปได้หลายสิบปี และช่วงที่โอสถออกฤทธิ์ยังช่วยให้รับรู้ถึงพลังฟ้าดินและควบคุมพลังอันยิ่งใหญ่นี้ได้ง่ายมากขึ้น

 

“สงสัยจะต้องเก็บไว้ให้ดีๆ“

 

ซูฉินมองไปที่ขวดโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำในมือของตน ความคิดพลิกกลับไปมาหลายตลบ

 

เขาลงชื่อเข้าใช้อยู่ในวัดเส้าหลินมายี่สิบปีเต็ม แต่เขาได้รับ‘โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ‘เพียงไม่กี่ร้อยเม็ดเท่านั้น ซึ่งน้อยเกินกว่าความต้องการสำหรับใช้งานจริง

 

กรึบ

 

ซูฉินกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำลงไปในคำเดียว

 

โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไม่ได้ละลายในปากเหมือนกับโอสถเสริมศักยภาพขนาดใหญ่ แต่มันกลับแข็งมาก จมลงไปในท้องน้อยของซูฉินแล้วค่อยๆ ปล่อยตัวยาออกมาอย่างช้าๆ

 

“นี่คือ?”

 

ซูฉินรู้สึกว่าความแข็งแกร่งที่เหมือนจะหยุดนิ่งไปแล้ว เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ อีกครั้ง

 

นอกจากนั้นซูฉินยังสังเกตพบอีกว่าหลังจากกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำลงไป เขาสามารถควบคุมพลังของฟ้าดินได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

 

ก่อนที่จะใช้เม็ดยาโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำ ซูฉินสามารถควบคุมพลังฟ้าดินได้เพียงไม่กี่ลี้เท่านั้น

 

แต่ตอนนี้ซูฉินรู้สึกว่าขอบเขตความสามารถมันเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างน้อยก็สองเท่า? !

 

สิ่งนี้มันคืออะไรกัน? !

 

ต้องทราบก่อนว่าการต่อสู้กันระหว่างเหล่าอรหันต์นั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวตนของตัวเองอีกต่อไป แต่เทียบเท่ากับการเผชิญหน้าระหว่างพลังฟ้าดินจากสองฝั่ง

 

ในเวลานั้นขอบเขตพลังฟ้าดินที่สามารถควบคุมได้ย่อมสำคัญยิ่ง

 

โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไม่เพียงแต่จะร่นระยะเวลาการบ่มเพาะให้กับซูฉิน แต่ยังเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับซูฉินถึงสองเท่าภายในระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์

 

“ผลของยาจะคงอยู่ไปอีกประมาณหนึ่งถึงสองเดือน”

 

ซูฉินรู้ได้ด้วยความรู้สึก และตอนนี้เขาก็อยู่ในอารมณ์ที่ดีทีเดียว

 

แม้ว่าหลังจากใช้โอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำไปแล้ว เขาจะยังมีความก้าวหน้าไม่ได้เร็วเท่ากับวิทยายุทธทั้งเก้าระดับชั้น แต่มันก็ยังดีกว่าระดับอรหันต์หรือตำนานยุทธคนอื่นๆ

 

เวลาค่อยๆ ผ่านเลยไป

 

เพื่อให้ได้มาซึ่งโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำที่เพียงพอต่อความต้องการ ซูฉินจึงมักไปลงชื่อเข้าใช้ที่ลานโพธิ์

 

แน่นอน

 

ว่าไปลงที่นั่นที่เดียวไม่ได้เด็ดขาด

 

บางครั้งบางคราซูฉินก็จะไปที่หอคอยสะกดมารหรือไม่ก็ศาลาพระคัมภีร์เพื่อลงชื่อเข้าใช้

 

ในวันนี้ซูฉินนั้นเดินผ่านหอคอยสะกดมารและหยุดลงอย่างกะทันหัน

 

“ล่าสุดที่ข้ามาลงชื่อเข้าใช้ที่นี่ก็นับเป็นเวลานานมากแล้วนี่นะ”

 

หัวใจของซูฉินสั่นไหว

 

แม้ว่าสิ่งที่ออกมาจากหอคอยสะกดมารจะเกี่ยวข้องกับวิชามาร แต่ก็ไม่มีอะไรแน่นอนเสมอไป บางทีอาจจะมีอะไรดีๆ ออกมาบ้างก็ได้นี่?

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น ซูฉินก็กล่าวคำในใจอย่างเงียบๆ

 

“ระบบ ลงชื่อเข้าใช้”

 

[ขอแสดงความยินดี โฮสต์ลงชื่อเข้าใช้สำเร็จ ได้รับ ‘ตราประทับสะกดมาร‘]

 

[คำเตือน : เต๋าสะสมในพื้นที่นี้กำลังจะหมดลงและจะกลายเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำได้]

 

เสียงจักรกลเย็นเยียบดังขึ้นติดต่อกันถึงสองครั้งในหูของซูฉิน

 

“ไม่สามารถลงชื่อเข้าใช้ซ้ำที่นี่ได้อีก?”

 

ซูฉินผงะไปชั่วขณะหนึ่ง

 

“เต๋าสะสมใกล้จะหมดลงแล้ว?”

 

สภาวะจิตใจของซูฉินแปรเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาเล็กน้อย

 

จริงๆ แล้ว ซูฉินก็รู้มาตั้งนานแล้วว่าวันนี้คงมาถึง

 

ตั้งแต่วันแรกที่ซูฉินได้ใช้ระบบ เขาก็รู้ว่าการลงชื่อเข้าใช้ถูกกำหนดจำนวนการเข้าใช้ได้ตามเต๋าสะสมในสถานที่นั้นๆ

 

ยิ่งมีเต๋าสะสมอยู่มาก ก็ยิ่งลงชื่อเข้าใช้ได้มาก

 

แต่ไม่ว่าจะมีเต๋าสะสมมากเพียงไหน มันก็ย่อมมีวันหมดลง

 

หอคอยสะกดมารเป็นกรณีตัวอย่าง ทั้งศาลาพระคัมภีร์และลานโพธิ์เองก็คงจะเป็นเช่นเดียวกันในอนาคต

 

“ช่างน่าเสียดายนัก”

 

ซูฉินหมุนตัวเดินจากไป

 

ถึงแม้ว่าปกติแล้วเขาจะไม่ค่อยได้ใช้เคล็ดวิชาจากหอคอยสะกดมารเท่าไหร่ แต่มันก็รู้สึกแย่ไม่น้อยที่สถานที่สำหรับการลงชื่อเข้าใช้ลดลงไปอีกหนึ่งแห่ง

 

“ตราประทับสะกดมาร?”

 

ซูฉินเพ่งจิตไปที่คลังเก็บของของระบบ

 

เห็นตราประทับสี่เหลี่ยมอันเล็กๆ ลอยอยู่ที่มุมหนึ่งของพื้นที่ว่าง

 

ตราประทับมีสีดำสนิทผิวของมันมีรอยสีเลือดจางๆ ติดอยู่ นอกจากนี้ซูฉินยังรู้สึกได้ถึงพลังในการสะกดปราบปรามอันรุนแรงยิ่งจากตราประทับอันเล็กๆ อันนี้

 

ไม่ว่าจะเหล่ามารร้ายในยุทธภพคนไหน ก็ถูกสยบลงได้

 

ซูฉินมีความรู้สึกว่าหากจอมมารยังมีชีวิตอยู่ พลังของเขาอาจจะถูกยับยั้งไปมากถึงเก้าในสิบส่วนหากต้องพบเจอกับตราประทับอันนี้

 

ตราประทับอันเล็กที่มีรอยเลือดเปื้อนชิ้นนี้ เป็นภัยร้ายของเหล่าผู้ฝึกตนสายมารเลยก็ว่าได้

 

“ไม่เลว ไม่เลว”

 

ซูฉินพอใจมาก

 

แม้ว่าจอมมารจะตกตาย พรรคมารล่มสลาย แต่ซูฉินก็รู้ได้จากแผ่นหนังสัตว์ผืนนั้นว่าตำนานยุทธจากพรรคมารอาจจะยังเหลือรอดอยู่นอกโพ้นทะเลอันกว้างไกล นอกผืนแผ่นดินใหญ่ที่ซูฉินยืนอยู่

 

ตอนนี้เขาก็ได้ตราประทับสะกดมารอันจิ๋วนี้มาแล้ว ความมั่นใจของซูฉินก็เพิ่มมากขึ้นอย่างมาก

 

เวลาต่อมา นอกเหนือจากไปลงชื่อเข้าใช้แล้วซูฉินก็ใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่พื้นที่ต้องห้ามภูเขาด้านหลัง

 

เวลาที่ยาออกฤทธิ์อย่างทรงประสิทธิภาพที่สุดอยู่ราวๆ หนึ่งถึงสองเดือน ปกติแล้วซูฉินจะกลืนโอสถอายุวัฒนะเคลือบทองคำทุกครั้งก่อนที่ผลของโอสถเม็ดก่อนหน้าจะหมดลง

 

“ตามบันทึกโบราณที่เหลืออยู่ของวัดเส้าหลิน จำแนกระดับของอรหันต์เป็นระดับนภาทั้งเก้าชั้น”

 

“เมื่อเริ่มแรกสู่ระดับอรหันต์ จะกลายมาเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่หนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่สอง อรหันต์ระดับนภาชั้นที่สาม…เรื่อยไปจนถึงอรหันต์ระดับนภาชั้นที่เก้า”

 

ซูฉินนั่งลงขัดสมาธิ ขบคิดอย่างฉับไวเกี่ยวกับขอบเขตของผู้บ่มเพาะระดับอรหันต์

 

ระดับอรหันต์มีการจำแนกไว้เช่นนี้ ส่วนระดับตำนานยุทธก็จำแนกเอาไว้ในลักษณะคล้ายๆ กัน

 

“เก้าร้อยปีก่อน ‘ถัวอา‘ คงเป็นอรหันต์ระดับนภาชั้นที่หนึ่ง เขาได้ใช้ฝ่ามือยูไลและทำได้เพียงสะกดมารพุทธะเอาไว้ แสดงให้เห็นว่าความแข็งแกร่งของมารพุทธะนั้นแกร่งกว่า‘อรหันต์ถัว‘ ใช่หรือไม่?”

 

ซูฉินคิดคาดเดาในใจ

 

 

ในขณะเดียวกัน

 

ที่โรงเตี๊ยมเล็กๆ แห่งหนึ่ง

 

นักเล่าเรื่องพูดจาอย่างฉะฉาน

 

“กล่าวได้อีกอย่างว่าจอมมารผู้พลานุภาพคับสวรรค์ กรีธาทัพเหล่ามารเข้าโจมตีวัดเส้าหลิน หวังจะทำลายวัดที่เก่าแก่กว่าพันปีแห่งนี้ลง”

 

“ในขณะนั้นเอง ‘อรหันต์‘ ผู้สูงส่งก็ก้าวเดินออกมา ส่งจอมมารให้กลายเป็นผงธุลีด้วยน้ำมือของท่าน…”

 

ผู้ที่มานั่งพักรับประทานอาหารรับฟังอย่างเพลิดเพลินอิ่มอร่อย

 

ยามนี้ข่าวที่จอมมารตกตายในวัดเส้าหลินถูกแพร่กระจายออกไปจนหมดแล้ว มีข่าวลือออกมาหลากหลายเช่นว่า วัดเส้าหลินมีอรหันต์มาหลายร้อยปีแล้ว บ้างก็ว่ามีตำนานยุทธที่ผ่านทางมาแล้วบังเอิญสังหารจอมมารเข้า นอกจากนี้ก็ยังมีข่าวลืออื่นๆ อีกมากมาย

 

สักแห่งหนึ่งภายในโรงเตี๊ยม

 

ชายในชุดสีขาวมีรอยประทับจางๆ รูปมีดบินอยู่บนหน้าผาก เขาเงยหน้าขึ้นเหม่อมองไปทางวัดเส้าหลิน

 

“สงฆ์ระดับอรหันต์?”