“บริษัท หลัวฝาง ข่มขู่และบังคับนักข่าว เฉิน เจียนไป่ ให้สร้างหลักฐานเท็จเพื่อกู้คืนชื่อเสียงจริงหรือไม่? หรือว่า เฉินเจียน ไป่ เจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงและเผยแพร่ข่าวปลอมเพื่อทำให้ชื่อเสียงของ หลัวฝาง ตกต่ำลงจริงหรือไม่? สถานีโทรทัศน์ เจียงเฉิง กำลังนำการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีสาธารณะให้คุณได้รับทราบ ข้อยุติเรื่องนี้จะเป็นเช่นไรโปรดติดตาม!”

ไม่ใช่แค่เพียงสถานีโทรทัศน์ของ เจียงเฉิง เท่านั้นที่ออกอากาศการพิจารณาคดีสาธารณะ มันยังมีแพลตฟอร์มสื่อข่าวสำคัญอื่นๆ อีกมากมายที่ได้อัปเดตรายการสดสำหรับงานนี้ เรื่องนี้ไม่เพียง แต่แพร่กระจายในเจียงเฉิงเท่านั้น แต่มันยังแพร่กระจายไปทั่วประเทศจีนเหมือนกับลมพายุ คนที่ไม่เคยได้ยินชื่อ บริษัท หลัวฝาง มาก่อน ตอนนี้พวกเขาต่างก็ได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของ บริษัท นี้

การสนทนาบนอินเทอร์เน็ตนั้นร้อนแรงเป็นพิเศษ

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่านักข่าวที่มีนามสกุลเฉิน คนนั้น เขาจงใจสร้างข่าวเท็จมาใส่ร้ายป้ายสี บริษัท หลัวฝาง แน่ๆ ฉันสนับสนุน บริษัท หลัวฝาง!”

“ผายลม! ฉันคิดว่า บริษัท หลัวฝาง ทำสิ่งที่ไม่ดีและตอนนี้พวกเขากำลังพยายามทำกำไรจากมัน นี่มันเป็นเหมือนกับเมื่อตอนนั้นที่ดาราหญิงหลายคนทำเรื่องอื้อฉาว แล้วโดนปาปารัสซี่เอามาแฉ จากนั้นพวกเธอก็แกล้งทำเป็นว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น และใช้คดีฟ้องร้องเพื่อมาปกป้องชื่อเสียงของตัวเอง เรื่องแบบนี้มันน่าขยะแขยงมาก!”

“ไม่เป็นไรที่จะมีการแสดงความเห็นที่ไม่ตรงกันในที่สาธารณะ แต่พวกคุณนักรบคีย์บอร์ดทั้งหลาย แค่หยุดเถียงกันและทำใจให้สบายและดูการถ่ายทอดสดได้หรือไม่”

……

มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับฝ่ายที่เป็นกลางหลายคน จำนวนกระทู้ในส่วนของความเห็นของสำนักข่าว QQ News นั้นมีจำนวนอยู่ในหลักหมื่น การโต้เถียงนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและกลายไปเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดของวัน

[มหาวิทยาลัย หัวเย่]

ฮวาง รั่วหราน ที่อยู่ในห้องในหอพักของเธอกำลังจ้องมองไปที่แล็ปท็อปของเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งของเธอด้วยความประหลาดใจ เพื่อนร่วมห้องของเธอนั้นสนใจสถานการณ์ปัจจุบันเป็นพิเศษ รายการถ่ายทอดสด การพิจารณาคดีสาธารณะของ บริษัท หลัวฝาง กับ เฉิน เจียนไป่ นั้นกำลังฉ่ายอยู่บนหน้าจอขนาด 16 นิ้ว

เธอไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบกับ จาง ซูซาน ที่เป็นเพื่อนของเสี่ยวหลัวในการถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีสาธารณะนี้ ตั้งแต่ที่ เสี่ยวหลัว ออกจาก หัวเย่ ไปโดยที่ไม่พูดอะไรกับใคร ทั้งเธอและชูเยว่หรือเพื่อนร่วมชั้นของพวกเขา ต่างก็พากันเฝ้าดูข่าวกันอย่างกระตือรือร้น การปรากฏตัวของ จาง ซูซาน บนหน้าจอวิดีโอในระหว่างการถ่ายทอดสดนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นกุญแจสำคัญในการค้นหาตัวเสี่ยวหลัว

“หลัว ฝาง? !”

ฮวาง รั่วหราน พึมพำประทับสองคำนี้ลงไปในใจของเธอ

[ฉางชาน พาวิลเลี่ยน]

ชู หยุนเชียง และ จี เซินเจิ้น กำลังนั่งอยู่บนโซฟาและจิบชาในขณะที่กำลังดูช่องโทรทัศน์ เจียงเฉิง

ชู หยุนเชียง หันหน้ามาแล้วถามว่า“เซินเจิ้น อยากรู้ไหมว่าทำไม เสี่ยวหลัว ถึงจัดการกับกลุ่มนักข่าวที่ทำให้เขาเดือดร้อนได้”

จี เซินเจิ้น จิบชาเล็กน้อยแล้ววางถ้วยน้ำชาของเขาลง “มันจะดีมาก ถ้าฉันได้ทราบรายละเอียด!”

“เขาตอบรับคำขอสัมภาษณ์และรวบรวมนักข่าวทั้งหมดเข้าไปไว้ในห้องประชุม จากนั้นเขาก็ทิ้งพวกนัักข่าวไว้ที่นั่นตลอดทั้งวัน ในช่วงเวลานั้นเนื่องจากพวกนักข่าวนั้นไม่ใช่พนักงานของ หลัวฝาง พวกนัักข่าวจึงถูกกันไม่ให้เข้าหรือออกจากห้องประชุมและถูกบังคับให้ต้องรอด้วยความวิตกกังวล คุณไม่คิดว่านั่นมันผิดศีลธรรมเหรอ?”

ในขณะที่ ชู หยุนเชียง พูดเกี่ยวกับขั้นตอนที่เสี่ยวหลัวทำกับผู้สื่อข่าว ชู หยุนเชียง ก็ไม่สามารถที่จะยับยั้งเสียงหัวเราะของเขาได้ เขาไม่คิดเลยว่าเสี่ยวหลัวจะมีความกล้าที่จะใช้มาตรการที่รุนแรงเช่นนี้ แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นวิธีการที่มีเสน่ห์ แต่มันก็มีประสิทธิภาพอย่างปฏิเสธไม่ได้

“เขาทำเกินไปหรือเปล่า” จี เซินเจิ้น ตอบด้วยความตกใจ “แต่ฉันก็อยากรู้ ว่าทำไมพวกนักข่าวถึงไม่ฟ้องร้องเขา เรื่องละเมิดเสรีภาพเมื่อตอนที่พวกเขาออกมา”

ชู หยุนเชียง ตอบด้วยรอยยิ้ม“ก่อนที่เขาจะปล่อยให้พวกนักข่าวเป็นอิสระ หลัวฝาง นั้นได้ทำการตรวจสอบประวัติที่สมบูรณ์เกี่ยวกับที่อยู่และสมาชิกในครอบครัวของพวกเขาแล้ว และเขายังได้อ่านข้อมูลทั้งหมดนี้ต่อหน้าพวกเขาด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะเขียนอะไรที่เป็นลบเกี่ยวกับ บริษัท หลัวฝาง เพราะฉะนั้นเรื่องการฟ้องร้อง มันไม่ต้องคิดเลย”

“เสี่ยวหลัวกำลังใช้การข่มขู่ คุณรู้ไหมว่านั่นมันผิดกฎหมาย” จี เซินเจิ้น บนใบหน้าของเขาบ่งชี้ให้เห็นถึงรอยย่นบนหน้าผาก

ชู หยุนเชียง ส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย “คุณเข้มงวดเกินไป บ้างครั้งคุณก็ควรที่จะยืดหยุ่นบ้าง บางครั้งเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์บางอย่าง คุณก็ต้องใช้มาตรการที่รุนแรงเหล่านี้ คุณก็เห็นแล้วหนิว่า ถึงแม้ว่าวิกฤตของ บริษัท จะยังไม่ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ แต่มันก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น”

“ฉันไม่คิดว่า บริษัท หลัวฝาง จะได้รับชัยชนะ” จี เซินเจิ้น กล่าวอย่างจริงจัง “ฉันเคยปะทะกับ ฝู เฮ่ย มาก่อน เขาเก่งมากด้วยคำพูดและความสามารถของเขาในการเปลี่ยนความจริงเป็นเท็จนั้นมันเป็นสิ่งที่ฉันไม่สามารถจับคู่ต่อสู้กับเขาได้เลย ตอนนี้ บริษัท หลัวฝาง ไม่มีแม้แต่ทนายความที่เหมาะสมพวกเขาจะแพ้คดีนี้อย่างแน่นอน”

ชู หยุนเชียง ยิ้มเมื่อเขาหยิบชาร้อนขึ้นมาจิบแล้วพูดว่า“คุณ รู้สึกเสียใจงั้นเหรอที่ เสี่ยวหลัว ไม่ได้เลือกคุณให้ไปเป็นทนายของ บริษัท หลัวฝาง?”

จี เซินเจิ้น หน้าแดงเมื่อถูกพูดถึง เขาทำการบ้านมาอย่างหนักและกำลังรอให้ เสี่ยวหลัว มาตามหาเขา ท้ายที่สุดแล้วเสี่ยวหลัวก็เป็นชายหนุ่มที่ ชู หยุนเชียง มองเห็นคุณค่า ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ เขาก็จะตอบรับ และที่ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็จะได้จัดการกับความขุ่นเคืองส่วนตัวกับ ฝู เฮ่ย ซึ่งนี่มันสามารถอธิบายได้ว่า “ทุกอย่างเตรียมพร้อมเอาไว้แล้วรอเพียงลมตะวันออกเท่านั้น” แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ถูกเชิญ มันจึงอดไม่ได้ที่จะทำให้เขารู้สึกหดหู่

“มาดูการต่อสู้ของเสือกับภูเขากันเถอะ!” ชู หยุนเชียง ถอนหายใจอย่างลึกซึ้งขณะที่เขาวางถ้วยน้ำชาของเขาลง

……

ในขณะนี้ เสี่ยวหลัว เขากำลังนั่งอยู่ในร้านกาแฟไม่ไกลจากศาลมากนัก เขาสั่งกาแฟมาถ้วยหนึ่ง พร้อมกับเปิดโน๊ตบุ๊คของเขาออกมาดูและเข้าสู่หน้าเว็บถ่ายทอดสดสาธารณะ เสี่ยวหลัวสวมสูทสีขาวที่เพรียวบาง และนั่งตัวตรงบนเก้าอี้ของเขา มันมีชุดหูฟังห้อยอยู่รอบคอของเขาตอนนี้เขากำลังรอเวลาที่จะเชื่อมต่อกับ จาง ซูซาน ตามเวลาที่ได้นัดหมายเอาไว้

“เจ้าหน้าที่ กู่ คุณช่วยอย่างมอง ผม ด้วยสีหน้าแบบนั้นได้ไหม?” เสี่ยวหลัว ปรับคุณภาพวิดีโอและระดับเสียงของชุดหูฟัง จากนั้นเขาก็ยกศีรษะของเขาขึ้นมาเพื่อมองผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา

ผู้หญิงคนนั้นมีผมสั้นสีดำและเงาที่มีสไตล์ที่เรียบร้อย เธอมีคุณสมบัติของสาวงาม ดวงตาของเธอ กระพริบ เล็กน้อยและนั่นมันทำให้ขนตาของเธอสั่นไหวเบาๆ เมื่อเธอกระพริบตาเธอเกือบจะดูเหมือนกับภาพวาดของความงามที่น่าตื่นเต้น

ผู้หญิงก็คือ กู่ กุ้ยหลิน!

วันนี้เธอไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจของเธอ เธอสวมชุดสีขาวล้วนและกางเกงยีนส์สีดำสนิท เธอสวมจี้รอบคอของเธอ และนั่นมันทำให้กระดูกคอที่บอบบางของเธอมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น

เธอเริ่มตั้งคำถามกับเขาว่า“เสี่ยวหลัวตอบฉันมาตามความจริง คุณอยู่ที่ไหนในคืนที่สิบสองของเดือนนี้ตั้งแต่เวลา 10 โมงเช้าจนถึงเที่ยงคืน และคุณได้ทำอะไรในช่วงเวลานั้น”

วันที่สิบสองนั้นมันเป็นวันแห่งเหตุการณ์นองเลือดที่ท่าเรือ เจียงเฉิง ซึ่งในปัจจุบันเหตุการณ์นั้นมันเรียกว่า“เก้าหนึ่งสอง” เมื่อตรวจสอบระบบเฝ้าระวัง Skynet เธอได้ค้นพบรูปที่น่าสงสัยในพื้นที่เฝ้าระวังห่างออกไปจากท่าเรือไม่เกินสองร้อยหลา อย่างไรก็ตามเธอก็ไม่สามารถแยกแยะคุณลักษณะใบหน้าใดๆได้ เนื่องจากภาพมันเบลอเกินไป

ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงรูปที่น่าสงสัยที่เธอเห็นในภาพ เมื่อเธอเจอกับเสี่ยวหลัวเมื่อวันก่อน ไม่ว่าจะเป็นความสูงหรือรูปร่าง ทั้งสองนั้นมันดูเหมือนว่าจะสอดคล้องกันกับเสี่ยวหลัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เสี่ยวหลัวยังเป็นคนที่มีความสามารถที่สูงมาก ดังนั้นเธอจึงสงสัยอย่างจริงจังว่าภาพในวิดีโอคือเสี่ยวหลัว ในคืนวันนั้นตำรวจได้ถูกบังคับให้ฆ่าผู้คนจำนวนหนึ่ง ซึ่งเธอสันนิษฐานว่าคนคนนั้น น่าจะเป็นคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอ

“เมื่อสิบสองวันก่อน มันก็ค่อนข้างที่จะผ่านมานานแล้ว ฉันต้องคิดเกี่ยวกับมันก่อน” เสี่ยวหลัว หลับตาลงและคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ตอบอย่างจริงจังและมั่นใจว่า“ฉันนอนหลับอยู่ที่บ้าน!”

“มีใครสามารถเป็นพยานให้กับคุณได้บ้างไหม?”

ฉันเป็นโสดและถึงแม้ว่าฉันจะมีเพื่อนที่อาศัยอยู่ด้วยกันกับฉัน แต่ฉันคิดว่าในวันนั้นเขาน่าจะออกไปดื่มที่บาร์ตลอดทั้งคืน ดังนั้นฉันจึงไม่คิดว่าจะมีใครที่พิสูจน์ได้ว่าฉันอยู่ที่นั่น” เสี่ยวหลัว กล่าว พร้อมกับส่ายหัว

กู่ กุ้ยหลิน รู้สึกโกรธเคืองอยู่เล็กน้อย เธอไม่เชื่อในสิ่งที่เสี่ยวหลัวพูด แต่เธอก็ไม่สามารถตรวจพบร่องรอยใดๆ จากการแสดงออกของเขาว่าเขากำลังโกหก เธอไม่สามารถจับพิรุธของผู้ชายคนนี้ได้เลยตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรก

“ฉันยังมีงานที่ต้องทำ เจ้าหน้าที่ กู่ โปรดช่วยตัวเอง!”

เสี่ยวหลัวพูดด้วยรอบยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบหูฟังขึ้นมาใส่ เพราะการพิจารณาคดีนั้นได้เริ่มขึ้นแล้ว