ตอนที่ 1,448 : หวางเฉิงพึงใจ
“ดูเหมือนว่าเจ้ายังคงจดจำได้!”
เติ้งเหว่ยกล่าวเย้ย “หากมิใช่เพราะเจ้าคงเป็นเรื่องง่ายดายนักที่หลานข้าจะผ่านการทดสอบเข้าร่วมสำนักจันทร์จรัสแสงด้วยพรสวรรค์แต่กำเนิดที่มี! แต่ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณเจ้าที่สะบั้นวาสนาตัดชะตากรรมที่จักเข้าร่วมสำนักจันทร์จรัสแสงนั่นไปเสียสิ้น!!”
“ผู้ดูแลเติ้ง…แทนที่จะมาโทษข้า ทำไมไม่ไปถามหลานชายของท่านดู ว่าทำไมมันถึงไม่มีปัญญาเอาชนะข้าได้?”
หลังจากเหลือบมองเติ้งเหว่ยอีกครั้งอย่างผ่านๆ เขาก็คร้านจะสนใจอะไรเติ้งเหว่ยสืบไป
เขาหันมาสนใจบัตรแก้วในมือเขาแทน
ตอนนี้คะแนนอุทิศในบัตรแก้วเขามีเกือบๆ 2,100,000 แต้มแล้ว หัก 100,000 คะแนนอุทิศที่เป็นของเขา ทั้งหมดก็คือที่เขาได้รับมา
“ด้วยทุนรอนที่ข้ามี…ยังสามารถรับแทงได้อีก 1,000,000 คะแนนอุทิศ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำเบาๆ ค่อยว่ายตาเหลือบมองไปยังเหล่าผู้ดูแลและผู้อาวุโสที่ยืนคุมเชิงอยู่รอบๆ พร้อมครุ่นคิดในใจ ‘ยังจะทำเป็นเข้มกันอยู่อีก ไม่ต้องอายไม่ต้องเขิน รีบๆเดินมาแทงกับข้าได้เลย…’
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนคิด ในที่สุดผู้ดูแลคนหนึ่งก็ก้าวอาดๆออกมา “ในเมื่อเติ้งเหว่ยร่วมสนุกแล้วข้าจะพลาดไปได้อย่างไร เอาล่ะข้าขอเล่นด้วยขำๆสัก 100,000 คะแนนอุทิศแล้วกัน”
“ยินดีๆ”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มร่ายื่นบัตรไปแตะรับโอนคะแนนอุทิศ 100,000 แต้มมาอย่างชำนิชำนาญ ก่อนที่จะหยิบใบสัญญาเดิมพันที่ไปหามาแต่เช้าเพื่อประทับลายนิ้วมือและส่งให้อีกฝ่ายประทับด้วยเช่นกัน และเมื่อเสร็จสิ้นแล้ว เขาก็จงใจกล่าวออกมาเสียงดัง “ตอนนี้ยอดรับเดิมพันของข้าเหลือแค่ 900,000 คะแนนอุทิศแล้ว หากครบยอด…ข้าก็ไม่อาจรับเดิมพันได้แล้ว ช้าอดหมดสิทธิ์!”
สิ้นคำประกาศนี้ของต้วนหลิงเทียน ผู้ดูแลหลายคนถึงกับสูดหายใจดังเฮือก ทั้งหลายไม่อาจทำเป็นเข้มไหวสืบไป ต่างพุ่งร่างฉิวราวลืมแก่มาหยุดหน้าโต๊ะเดิมพันต้วนหลิงเทียนทันที
“ข้าลงเดิมพัน 60,000 คะแนนอุทิศ!”
“ข้าแทง 80,000 คะแนนอุทิศ!”
……
แม้พวกมันจะไม่ได้บ้าคลั่งเหมือนเติ้งเหว่ยที่ทุ่มแทงหมดตัว แต่พวกมันก็ควักคะแนนออกมาทุ่มแทงถึงครึ่งหนึ่งเท่าที่มี!
หลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่เค่อ ยอดรวมคะแนนอุทิศของต้วนหลิงเทียนก็มี 2,600,000 แล้ว
และตอนนี้เหล่าอาวุโสฝ่ายนอกก็เริ่มเดินเข้ามาหาเขาแล้วเช่นกัน
กระทั่งต่งชงที่คิดรับต้วนหลิงเทียนเป็นศิษย์แต่ถูกปฏิเสธมา ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มอาวุโสที่กำลังเดินเข้ามาดังกล่าว
ในขณะที่ผู้อาวุโสกลุ่มนั้นเดินมา ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอุกอาจขุมหนึ่ง ที่กวาดผ่านร่างเขาไปอย่างไร้มารยาท!
ต้นตอของพลังวิญญาณขุมดังกล่าว เป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอกที่รูปร่างอ้วนท้วมผู้หนึ่ง ใบหน้าของมันแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแลดูไม่มีพิษมีภภัย
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนรู้ดีแก่ใจ
อาวุโสอ้วนผู้นี้หาได้จิตใจดีอย่างร้อยยิ้มไม่ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงว่านั่นคือ ‘ยิ้มพยัคฆ์’
คำ ซ่อนดาบในรอยยิ้ม นับว่าเหมาะอธิบายคนเช่นมันได้เป็นอย่างดี…
“ต้วนหลิงเทียน…ดูเหมือนว่าเจ้าจะทะลวงผ่านมายังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบหลังจากผ่านการทดสอบเข้าสำนักดั่งที่คาดไว้จริงๆสินะ…แต่อย่างไรเสียด้วยด่านพลังหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบแต่กลับเอาชนะเซิ่งจื่อกับหลินฟู่มาได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมนัก!!”
‘พยัคฆยิ้ม’ นั่น ไม่นานก็เดินมาถึงต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าววาจาออกมาด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“อาวุโสกล่าวชมข้าเกินไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบออกไปอย่างไม่แยแส เขาไม่ชอบขี้หน้าอาวุโสฝ่ายนอกผู้นี้ตั้งแต่แรกเห็น เพราะอีกฝ่ายกล้าตรวจสอบพลังฝึกปรือเขาอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้
“หลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบงั้นเหรอ!?”
ดั่งคำ ‘คนพูดไม่เจตนา แต่ว่าคนฟังใส่ใจ’ หลังจากได้ยินคำของ ‘พยัคฆ์ยิ้ม’ ต่งชงอดไม่ได้ที่จะตกใจลอบส่งเสียงผ่านปราณแท้กล่าวถามทันที “อาวุโสหวงเฉิง เจ้าตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนแล้วหรือ!?”
หวงเฉิงพยักหน้ารับเบาๆ ขณะเดียวกันไม่ทันที่ต่งชงกับอาวุโสคนอื่นจะทันได้กล่าวอะไร หวงเฉิงก็กล่าวถามออกมาเสียก่อน “ต้วนหลิงเทียนเจ้ายังเหลือยอดรับแทงได้อีกเท่าใด ข้าจะได้ลงเดิมพันให้หมด?”
ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินสองตาก็หรี่ลงเล็กน้อย มุมปากคล้ายมีรอยยิ้มเย้ยหยันยกขึ้นจางๆ
อา! โอ! ซูด!
……
หลังได้ยินคำของหวงเฉิง ต่งชงและอาวุโสฝ่ายนอกคนอื่นๆถึงกับตกใจจนต้องอุทานออกมา บ้างก็สูดลมหายใจเข้าด้วยความกังวล “อาวุโสหวงท่านคงมิคิดอิ่มหนำแต่เพียงผู้เดียวหรอกนะ?”
“ถูกแล้ว! อาวุโสหวงเฉิง คนเราย่อมรู้จักการแบ่งปัน ไหนเลยรับประทานคนเดียวหมดหม้อได้…อย่างน้อยก็ปันน้ำแกงให้พวกเราดื่มสักคนละถ้วยเถอะ!”
“อาวุโสหวง ท่านคงไม่มีจิตใจคับแคบหรอกนะ!”
……
อาวุโสฝ่ายนอกหลายคนเริ่มกล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
คนเดียวที่ไม่คิดแก่งแย่งกับหวงเฉิงคือต่งชง…มันยังคิดจะกล่าวเตือนหวงเฉิงให้ได้รับทราบ ว่าวันที่ต้วนหลิงเทียนเอาชนะหลินฟู่นั้น อีกฝ่ายยังพึ่งมีพลังฝึกปรือเพียงแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญเท่านั้น!
เพราะเดือนที่แล้วมันก็ใช้ทักษะวิญญาณลี้ลับตรวจสอบพลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนมาเช่นกัน!
ทว่าในขณะที่ต่งชงกำลังจะกล่าวเตือน หวงเฉิงพลันกล่าวออกมาสืบต่อ “พวกเจ้าชราจนเชื่องช้าเอง จักให้ทำอย่างไรได้? หรือนี่อายุปูนนี้แล้วแต่พวกเจ้ายังมิรู้จักกฏ ‘ผู้ใดมาก่อนได้ก่อน’ หรือไร?”
ในวาจาของหวงเฉิงนั้นไม่มีความสุภาพแม้แต่น้อย ทำให้สีหน้าอาวุโสชราทั้งหลายมืดดำขึ้นมาทันใด
และทันทีที่หวงเฉิงกล่าวแบบนี้ กระทั่งต่งชงก็บังเกิดความไม่พอใจขึ้นมาเหมือนกัน
ต่อมามันก็เลือกที่จะไม่กล่าวเตือนอะไรหวงเฉิงอีก
“หวงเฉิงการเดิมพันนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะตัดสินใจได้! เพราะเจ้ามิได้เป็นเจ้ามือรับเดิมพัน!!”
“ถูกแล้ว! เจ้ามือรับพนันครั้งนี้คือต้วนหลิงเทียน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขายินดีให้ยอดรับแทงที่เหลือกับเจ้า?”
“หวงเฉิง เจ้าอย่าพึ่งมั่นใจให้มันมากนัก”
……
อาวุโสฝ่ายนอกหลายคนเริ่มกล่าวคำค่อนแคะออกมา
“ต้วนหลิงเทียน เจ้าได้ยินที่ข้ากล่าวแล้วใช่หรือไม่?”
หลังได้ยินคำค่อนแคะเสียดสีของคนอื่น หวงเฉิงไม่สนใจอะไร เพียงหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนเสียงแข็ง
“อืม”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับเบาๆ
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าอย่าได้ไปสนใจอะไรมัน! หากมันข่มขู่หรือทำให้เจ้าลำบากใจอะไรก็มิต้องกลัว พวกเราผู้ชราก็หาใช่ตะเกียงไร้น้ำมันไม่!”
“ถูก! พวกเราจักคุ้มครองเจ้าเอง!!”
“เจ้าไม่ต้องกลัวมัน!”
……
อาวุโสฝ่ายนอกหลายคนมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียน ด้วยใบหน้ามั่นใจรับปากเป็นมั่นเหมาะ
“ขออภัยท่านผู้อาวุโสทั้งหลายด้วย…อย่างที่ว่า ‘มาก่อนได้ก่อน’ ในเมื่ออาวุโสหวงกล่าวมาเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะให้ยอดเดิมพันที่เหลือกับเขา เอาไว้หากมีโอกาสเดิมพันอันใดคราวหน้า ข้าจะให้ท่านอาวุโสทั้งหลายมีสิทธิ์ลงเดิมพันก่อนดีหรือไม่..”
เมื่อเผชิญกับวาจารับรองหลายเสียง ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มรับพร้อมกล่าวขอขมาต่ออาวุโสที่เหลือ
“พวกเจ้าได้ยินชัดเจนแล้วหรือไม่?”
เมื่อได้ยินวาจาเห็นด้วยของต้วนหลิงเทียน หวงเฉิงถึงกับยิ้มแฉ่งหน้าระรื่นขึ้นมาทันใด ยังพยักหน้าให้ต้วนหลิงเทียนอย่างพึงพอใจ “ต้วนหลิงเทียนเจ้านี่ช่างน่ารักยิ่ง…ถ้าหากเจ้าไม่ขึ้นประลองเป็นตายกับเฝิงฟ่านมะรืนนี้ ข้ายังอยากรับเจ้าเป็นลูกศิษย์นัก!”
“ขอบคุณอาวุโสหวงสำหรับความหวังดี”
ใบหน้าต้วนหลิงเทียนฉาบไว้ด้วยรอยยิ้มขณะกล่าวกับหวงเฉิง เขาเลือกที่จะไม่สนใจอาวุโสคนอื่น
อย่างไรก็ตามหางตาเขายังอดไม่ได้ที่จะละออกจากหวงเฉิงไปเหลือบมองต่งชง ‘อาวุโสต่งชงคนนี้ไม่กล่าวอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ ดูท่ามันไม่คิดจะวางเดิมพันอะไรงั้นสินะ’
หางตาต้วนหลิงเทียนแฝงความรังเกียจไม่น้อย
หากเมื่อครู่ต่งชงออกปากจะลงเดิมพันล่ะก็ เขายินดีแบ่งยอดรับพนันให้อีกฝ่ายทุ่มแทงแน่นอน!
เดือนที่แล้วอาวุโสต่งชงก็ตรวจสอบพลังฝึกปรือของเขาอย่างโจ๋งครึ่ม ทำให้เขาไม่พอใจนัก!
หลังจากที่อาวุโสฝ่ายนอกคนอื่นถูกต้วนหลิงเทียนปฏิเสธ หน้าของพวกมันก็เปลี่ยนไปทันใด แต่พวกมันก็ทำอะไรไม่ได้เลย
หรือจะให้พวกมันข่มขู่?
แต่พรุ่งนี้ต้วนหลิงเทียนก็ต้องตายแล้ว คำขู่พวกมันจะมีประโยชน์อะไร!
สำหรับเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนบอกว่า ไว้มีโอกาสครั้งหน้าจะรับแทงจากพวกมันก่อน พวกมันล้วนคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหลนัก ในสายตาของพวกมันต้วนหลิงเทียนยากจะรอดชีวิตอะไรได้ ใกล้ตายวันตายพรุ่งอยู่รอมร่อ!
มีเพียงต่งชงที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกซึ้งแต่ไม่กล่าวอะไรออกมา
มันรู้ดีว่าตอนนี้ถึงให้มันกล่าวเตือนหวงเฉิง แต่หวงเฉิงก็ไม่พ้นคิดว่ามันอยากปันน้ำแกงสักถ้วยแน่แท้
“ต้วนหลิงเทียน แล้วยอดรับเดิมพันของเจ้าเหลืออีกเท่าไรรึ?”
หวงเฉิงหยิบบัตรแก้วออกมา ค่อยถามต้วนหลิงเทียนหน้าระรื่น
“เหลืออีก 360,000 คะแนนอุทิศ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ
พอได้ยิน หวงเฉิงก็ไม่ลังเลอะไร ถ่ายโอนคะแนนอุทิศไปให้ต้วนหลิงเทียนทันที 360,000 แต้ม แน่นอนว่าท่าทางไร้ลังเลใดๆนั้นก็แค่เปลือกนอกผิวเผินเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในใจของมันอดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดแปลบอยู่บ้าง
เพราะทั้งเนื้อทั้งตัวมันมีคะแนนอุทิศอยู่ไม่ถึง 400,000 แต้มด้วยซ้ำ
ครั้งนี้มันจ่ายออกไปคราวเดียวถึง 360,000 แต้ม ทำให้ใจมันรู้สึกหวิวๆ อยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามเมื่อมันปลอบใจตัวเองว่า 360,000 คะแนนอุทิศนี้คือการลงทุนราวกินเปล่า และจะทำให้มันได้กำไรกลับมาถึง 10,000 คะแนนอุทิศในวันมะรืน ก็ทำให้ความเจ็บปวดในใจของมันมลายหายไป
“เอาล่ะ ครบยอด 3,000,000 แล้ว”
ต้วนหลิงเทียนตื่นเต้นนัก แน่นอนว่าแม้ในใจจะลิงโลดเพียงใด แต่สีหน้าท่าทางที่แสดงออกมาของเขายังคงสงบนัก
เขายังเข้าใจวาจาประโยคหนึ่ง เงียบไว้ได้ลาภ!
“เอาล่ะอาวุโสทั้งหลาย ในเมื่อตอนนี้ยอดรับเดิมพันของข้าก็ครบแล้ว ข้าขอตัวกลับไปบ่มเพาะพลังเพื่อเตรียมพร้อมประลองก่อนล่ะ…ขอลา!”
ต้วนหลิงเทียนเก็บบัตรแก้วกลับไปด้วยใจชื่นมื่น มองกล่าวลากับอาวุโสทั้งหมดค่อยเดินตัวปลิวกลับบ้าน
“ต้วนหลิงเทียนผู้นี้น่ารักยิ่ง…”
มองแผ่นหลังต้วนหลิงเทียนที่ค่อยๆเดินห่างออกไป หวงเฉิงแย้มยิ้มออกมาอย่างพึงใจนัก!
แน่นอนว่าเหตุผลที่มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนน่ารักนั้น เพราะต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะทำตามคำของมันและให้ยอดเดิมพันที่เหลือกับมัน…ในสายตาของมันแล้ว นี่ไม่ต่างอะไรกับต้วนหลิงเทียนเลือกจะมอบคะแนนอุทิศ 12,000 แต้มให้มันเปล่าๆเลย!
สำหรับอาวุโสฝ่ายนอกคนอื่นๆ นอกเหนือจากต่งชงแล้ว หน้าก็เบี้ยวบูดกันหมด
พวกมันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนไม่เพียงแต่จะไม่รับความหวังดี ยังกล้าปฏิเสธไมตรีของพวกมันซึ่งๆหน้าแบบนี้!
“กลับไปบ่มเพาะพลังงั้นเหรอ? นับประสาอะไรกับเหลือเวลาพรุ่งนี้อีกแค่วันเดียว ให้มีเวลาบ่มเพาะอีกสักปีมันก็มิมีทางสู้เฝิงฟ่านได้…!”
“กล้ารับคำท้าประลองเป็นตายจากเฝิงฟ่าน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ท่าทางจักเบื่อชีวิตเต็มทีแล้ว!”
“ข้าจักคอยดู ว่ามะรืนนี้มันจะถูกทุบตีจนตายอย่างไร!”
……
อาวุโสฝ่ายนอกหลายคนบ่นออกมาเป็นหมีกินผึ้ง สีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความไม่พอใจที่ต้วนหลิงเทียนไม่เปิดโอกาสให้พวกมันได้ลาภ
“ฮ่าๆๆๆ…เฒ่าชราไม่ยอมตายทั้งหลาย ข้าลาล่ะ! ไม่ต้องส่งนะ!!”
หวงเฉิงหัวเราะอย่างถูกใจ ค่อยเดินจากไปหน้าระรื่น
“ข้าก็ขอตัวก่อน”
ต่งชงกล่าวเสียงดัง จากไปเช่นกัน
เนื่องจากอาวุโสฝ่ายนอกทั้งหลายกำลังจมอยู่กับเรื่องอดแทง จึงไม่ทันได้เห็นความผิดปกติทางสีหน้าของต่งชง พวกมันยังทำเพียงบ่นงึมงำไม่เลิก
ในขณะที่อาวุโสฝ่ายนอกหลายคนบ่นต้วนหลิงเทียนทั้งยังสาปแช่ง ทางด้านต้วนหลิงเทียนแม้จะได้ยิน กลับไม่ได้ถือสาหาความอะไร
เขาเชื่อว่าหลังผ่านพ้นการประลองวันมะรืนนี้ไป ขี้คร้านอาวุโสเหล่านี้ จะยิ้มหน้าระรื่นขอบคุณเขาด้วยซ้ำ
เฝิงฟ่าน ยอดฝีมือติดอันดับรายนามปฐพี
แล้วไง?
ไม่ใช่ว่ามันจะแข็งแกร่งแค่ไหน ก็ยังเป็นแค่หลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่หรือไง?
“ให้ตายเถอะนี่มันเกือบ 3,100,000 คะแนนอุทิศเชียวนะ…ต่อให้เป็นทั้งสำนักจันทร์จรัสแสง แต่คนที่มีคะแนนอุทิศขนาดนี้ก็ไม่น่าจะมีเยอะหรอกมั้ง!”
หลังจากกลับมาถึงบ้านเดี่ยวแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้เข้าไปบ่มเพาะในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแต่อย่างไร เพียงนั่งมองบัตรแก้วในมืออย่างพอใจ
เมื่อถ่ายปราณแท้ลงไปยังบัตรแก้วใส ตัวเลขบอกคะแนนอุทิศก็ปรากฏขึ้นมา
ขาดแค่ไม่กี่พันคะแนนอุทิศ บัตรนี้ก็จะมีคะแนนอุทิศครบ 3,100,000 ถ้วน