ตอนที่ 271 งานชุมนุมช่างหลอม

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

งานชุมนุมช่างหลอมถือเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่งในดินแดนอ้างว้างและไม่ยิ่งหย่อนไปกว่างานชุมนุมวายุเมฆา

อย่างไรก็ตาม งานชุมนุมวายุเมฆาเปิดต้อนรับเหล่าจอมยุทธ์จากทั้งดินแดน เพื่อให้ได้อันดับดี ๆ และชิงรางวัลในงานชุมนุมวายุเมฆานั้น นอกเหนือจากพลังความแข็งแกร่ง เหล่าจอมยุทธ์ยังต้องพึ่งพาอาศัยภูมิหลังที่ดีและโชคดวงพอสมควร

สำหรับงานชุมนุมช่างหลอมนี้ มันเป็นที่สนใจของเป้าหมายเฉพาะกลุ่มอย่างบรรดาช่างหลอมทั่วทั้งแผ่นดิน

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วการแข่งขันของช่างหลอมมีกฎเกณฑ์ระเบียบมากกว่าและผู้เข้าร่วมจะต้องเป็นช่างหลอมที่แท้จริงซึ่งมีฝีมือในระดับหนึ่ง

เพื่อความยุติธรรมและเท่าเทียมกันในการแข่งขันชิงรางวัล งานชุมนุมช่างหลอมจึงแบ่งการแข่งขันออกเป็นสามกลุ่มอายุ

นั่นก็คือกลุ่มผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปี กลุ่มผู้ที่มีอายุระหว่างยี่สิบถึงหนึ่งร้อยปีและกลุ่มสุดท้ายคือผู้ที่มีอายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไป

การที่ผู้คนในดินแดนอ้างว้างจะดำเนินชีวิตยาวนานถึงหนึ่งร้อยปีจากการฝึกวรยุทธ์อย่างต่อเนื่องไม่ถือเป็นเรื่องยากหรือแปลกประหลาดแต่อย่างใด

หากจอมยุทธ์ทะลวงระดับพลังจนข้ามพ้นขอบเขตจ้าวสุริยะไปสู่ขอบเขตเซียน พวกเขาเหล่านั้นจะมีโอกาสยืดอายุขัยของตนเองไปอย่างยาวนาน

ประสบการณ์ถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นแง่ของการหลอมอุปกรณ์หรือหลอมโอสถ ช่างหลอมอุปกรณ์และผู้หลอมโอสถมากประสบการณ์จะมีข้อได้เปรียบอย่างมากในงานชุมนุมนี้

สำหรับการเข้าร่วมแข่งขันในงานชุมนุมช่างหลอมนี้ ผู้ที่มีอายุต่ำกว่ายี่สิบปีสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ทั้งสามกลุ่มอายุ ผู้ที่มีอายุระหว่างยี่สิบถึงหนึ่งร้อยปีก็สามารถเข้าร่วมการแข่งขันในกลุ่มอายุหนึ่งร้อยปีขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับการแข่งขันในกลุ่มอายุต่ำกว่ายี่สิบปีนั้นมีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเปิดรับผู้เข้าแข่งขันเฉพาะผู้ที่อายุต่ำกว่ายี่สิบปีเท่านั้น

ด้วยความเป็นงานใหญ่เช่นนี้ รางวัลของงานชุมนุมช่างหลอมจึงเป็นรางวัลที่ล้ำค่าอย่างยิ่งเช่นกัน

ไม่เพียงแต่วัสดุหล่อหลอม เตาหลอม อาวุธและอุปกรณ์ทั่วไปเท่านั้น ทว่ายังมีของแปลกอื่นๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะยุทธ์และข่ายอาคมทรงพลัง รวมถึงแผนที่สมบัติลึกลับ

ด้วยเหตุนั้น งานชุมนุมช่างหลอมแห่งดินแดนอ้างว้างนี้จึงถือเป็นงานใหญ่ที่จอมยุทธ์มากมายให้ความสนใจและหมายจะเข้าร่วมแข่งขันชิงรางวัล

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่เคยรู้รายละเอียดงานชุมนุมช่างหลอมนี้มาก่อน แม้ว่านางเคยได้ยินผ่าน ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์โดยรวมในแผ่นดินนี้ นางก็ไม่เคยสนใจและไม่ใคร่หาข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินในครานี้ ความสนใจของนางก็ค่อยๆเพิ่มสูงขึ้น

ฉินอวี้โม่มิได้สนใจวัสดุหล่อหลอม อาวุธและอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมถึงทักษะยุทธ์เท่าใดนัก ทว่าข่ายอาคมและแผนที่สมบัติลึกลับกระตุ้นความสนใจของนางได้ไม่น้อย

บัดนี้นางอยู่ในช่วงหยุดพักจากการศึกษาด้านข่ายอาคม ด้วยระดับที่สูงเกินไปของข่ายอาคมเก้ามังกรทลายพิภพ นางจึงไม่สามารถฝึกฝนมันได้ในตอนนี้ หากนางได้รับวิชาข่ายอาคมอื่นก็คงจะเป็นเรื่องดี งานชุมนุมช่างหลอมที่จะกำลังเกิดขึ้นนี้ถือเป็นโอกาสทองของนาง

ไม่ต้องกล่าวเลยว่าคุณค่าของแผนที่สมบัติล้ำค่านั้นสูงเพียงใด ก่อนหน้านี้ในดินแดนหวนหลิง สมบัติที่หลงเหลือของราชินีเหมันต์ในปราสาทของราชินีเหมันต์และในถ้ำของเทพมายานั้น นางก็ได้รับผลประโยชน์ดีๆมากมาย

หากแผนที่สมบัติเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากบุคคลที่ทรงพลัง หากว่าจอมยุทธ์ผู้ใดมีโอกาสได้สิ่งเหล่านั้นมาครอบครอง พวกเขาก็จะได้รับประโยชน์มากมายเช่นกัน

หลังจากคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ฉินอวี้โม่ก็ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมที่ว่านี้ ด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่นเหนือผู้คนส่วนใหญ่ นางเชื่อว่ามันจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่น่าพอใจอย่างแน่นอน

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง หากท่านได้อันดับดีๆในงานชุมนุมช่างหลอมนี้ ท่านจะเป็นเป้าสนใจของบรรดาขุมกำลังใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นคือท่านจะได้เข้าร่วมกับสมาคมช่างหลอมและกลายเป็นผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติของสมาคม เช่นนี้แล้วท่านจะไม่ต้องกังวลเรื่องใดในดินแดนอ้างว้างนี้อีกเลยในอนาคตข้างหน้า”

เมื่อเห็นสีหน้าที่ครุ่นคิดของฉินอวี้โม่ เถ้าแก่โรงประมูลก็ยิ้มอย่างอบอุ่นและกล่าวเสริม

เขามองออกว่าฉินอวี้โม่ไม่ใช่บุคคลธรรมดา อีกทั้งยังรู้สึกได้ว่าอนาคตของนางไร้ขีดจำกัดและสามารถแผ่อิทธิพลมาถึงโรงประมูลของเขา เขาจึงแจ้งข้อมูลทั้งหมดให้ฉินอวี้โม่ได้ทราบอย่างไม่ปิดบังซ่อนเร้นใดๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมองฉินอวี้โม่ตรงหน้า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ทว่าเขารู้สึกได้ว่าบุรุษผู้นี้จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่สั่นคลอนแผ่นดินและสะท้านแผ่นฟ้าในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้อย่างแน่นอน

ฉินอวี้โม่พยักหน้าเล็กน้อยและเอ่ยถามเพิ่มเติม “ขอทราบได้รึไม่ว่างานชุมนุมช่างหลอมที่ว่านี้จะเริ่มเมื่อใดและจัดขึ้นที่เมืองใด?”

“แต่เดิมงานชุมนุมช่างหลอมจะจัดขึ้นในทุกๆห้าปี บังเอิญเหลือเกินที่ปีนี้เป็นปีที่ห้าพอดิบพอดี หากข้าเดาไม่ผิด งานชุมนุมช่างหลอมครานี้น่าจะจัดขึ้นหลังเดือนหนึ่ง ณ เมืองไป๋อวี้ มันป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของสมาคมช่างหลอมซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองเฟิงอวิ๋น”

เถ้าแก่โรงประมูลไม่ปิดบังข้อมูลใด ๆ และบอกฉินอวี้โม่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่จัดงานชุมนุมช่างหลอมด้วยสีหน้าที่เป็นมิตร

ฉินอวี้โม่ใคร่ครวญกับตัวเอง นางรู้สึกสนใจเมืองไป๋อวี้ไม่น้อยและเมืองนั้นตั้งอยู่ในทางตะวันตกของเมืองเฟิงอวิ๋นซึ่งห่างออกไปประมาณสามวัน

เมื่อเป็นเช่นนี้ นางสามารถเดินทางไปที่เมืองไป๋อวี้เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอมก่อนและมุ่งหน้ากลับมาที่เมืองเฟิงอวิ๋นเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมวายุเมฆาทีหลัง นับว่านางจะได้เข้าร่วมงานใหญ่ของดินแดนอ้างว้างถึงสองงานด้วยกัน ดูเหมือนว่าการเดินทางมาดินแดนอ้างว้างในครานี้คุ้มค่าโดยแท้

หากโชคเข้าข้าง นางอาจได้พบหานโม่ฉือ บุรุษน้ำแข็งที่คะนึงหา ฉินเทียนและคนอื่นๆในงานชุมนุมช่างหลอมนี้

“ขอบคุณเถ้าแก่มาก”

หลังจากเก็บวัสดุทั้งหมดลงในแหวนมิติ ฉินอวี้โม่ก็ลุกขึ้นพร้อมส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรและกล่าวขอบคุณเถ้าแก่โรงประมูลอย่างนอบน้อม

“ฮ่า ฮ่า ท่านจอมยุทธ์สุภาพเกินไปแล้ว”

เถ้าแก่เพียงยิ้มน้อยๆและไม่ได้เอ่ยอะไรให้มากความ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อน หากว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับโรงประมูลในอนาคตข้างหน้า ข้าจะไม่อยู่เฉยเป็นแน่”

ฉินอวี้โม่ยิ้มให้และล่ำลาเถ้าแก่ จากนั้นนางก็เดินออกจากโรงประมูลของเมืองเยี่ยหลายแห่งนี้

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ เถ้าแก่โรงประมูลก็มั่นใจในคำมั่นของนางและอดคาดหวังในใจไม่ได้

แม้ได้สนทนาพาทีกันเนิ่นนาน เขาก็ยังไม่รู้ว่าจอมยุทธ์ลึกลับผู้นี้คือใคร ทว่าจู่ๆเขาก็ตั้งตารอความเจริญรุ่งเรืองของจอมยุทธ์ผู้นี้ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเจิดจรัสเกรียงไกรอย่างไร้ผู้ใดเทียบเทียม…

หลังออกจากโรงประมูลของเมืองเยี่ยหลาย ฉินอวี้โม่ก็ไม่ลังเลที่จะกลับไปที่โรงเตี๊ยมที่นางจองห้องพักไว้ก่อนหน้านี้

ทันทีที่มาถึงโรงเตี๊ยม ฉินอวี้โม่ก็ได้พบกับกลุ่มคนคุ้นหน้าคุ้นตา

คนเหล่านี้ก็คือฉีอวิ๋นเหล่ยบุรุษผู้อ่อนโยน ซูเสี่ยวจวิ้นสตรีสาวผู้งดงามและทรงเสน่ห์ รวมถึงชายหนุ่มรูปงามผู้เย็นชาและได้ชื่อว่าเป็นบุรุษยิ้มยาก เหวินซื่อชู่

“พี่อวี้โม่ ท่านกลับมาแล้ว”

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ ซูเสี่ยวจวิ้นก็ยิ้มกว้างและปรี่เข้ามาอย่างเร็ว อีกทั้งยังเกาะแขนของนางไว้แน่น

“เสี่ยวจวิ้นเอ๋อร์ เจ้าไม่กระตือรือร้นเกินไปหน่อยรึ ?”

ฉินอวี้โม่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆกับท่าทางตื่นเต้นของเด็กสาวผู้นี้

ใบหน้างดงามได้รูปของซูเสี่ยวจวิ้นแดงเรื่อขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ ทว่านางไม่ได้เอ่ยทักท้วงสิ่งใดแต่กลับเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยแววตาใสชัดและส่งยิ้มสดใส “เรามาถึงที่นี่และได้รู้ข่าวว่าท่านพักอยู่ที่นี่ พี่ฉีจึงเสนอให้พวกเรารอพบท่าน”

ถึงแม้นางไม่รู้ว่าฉินอวี้โม่เดินทางไปที่ไหนหรือทำสิ่งใดก่อนหน้านี้ ซูเสี่ยวจวิ้นก็รู้ว่าพี่สาวลึกลับผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา

ซูเสี่ยวจวิ้น ฉีอวิ๋นเหล่ยและเหวินซื่อชู่รู้สึกถูกชะตากับฉินอวี้โม่มาก และฉีอวิ๋นเหล่ยก็รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของนาง เช่นนั้นเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึงเมืองเยี่ยหลายแห่งนี้ ทั้งสามจึงตามหาโรงเตี๊ยมที่ฉินอวี้โม่พักอยู่และจองห้องพักอยู่ที่นี่เช่นกัน

หลังจากตัดสินใจและจัดการจับจองห้องพักเสร็จสิ้น พวกเขาก็ไม่มีอะไรให้ทำอีก ทั้งสามจึงนั่งสนทนากันบริเวณทางเข้าโรงเตี๊ยมเพื่อรอพบฉินอวี้โม่ในตอนที่นางกลับมา

หลังจากรอเป็นเวลาครึ่งชั่วยามและยังคงไร้วี่แววของสตรีลึกลับ พวกเขาจึงตัดสินใจว่าจะรอต่ออีกเพียงหนึ่งก้านธูปก่อนแยกย้ายกันไป หากถึงเวลานั้นแล้วไม่เห็นวี่แววของฉินอวี้โม่เช่นเดิม พวกเขาจะกลับไปพักผ่อน และในตอนนั้นเองที่ฉินอวี้โม่ปรากฏตัวขึ้นมาพอดี

ฉินอวี้โม่พยักหน้าขณะลูบศีรษะน้อยของซูเสี่ยวจวิ้นอย่างเอ็นดูและกล่าว “ขอโทษด้วย พวกท่านต้องรอข้านานทีเดียว”

นางทราบดีว่าเมื่อฉีเหล่ยอวิ๋นรู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง เขาจะไม่มีทางยอมอยู่เฉยอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรบิดาของเขาก็ฝากฝังมา การรอพบนางอยู่ที่นี่เฉยๆคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ด้วยเหตุนั้น ฉีอวิ๋นเหล่ยก็น่าจะเข้าใจเหตุผลในการขอโทษขอโพยของนาง

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พี่อวี้โม่ พวกเราเต็มใจรอท่าน ท่านไม่จำเป็นต้องกล่าวขอโทษเลย”

ซูเสี่ยวจวิ้นยิ้มกว้างด้วยความไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงต้องขอโทษเช่นนี้

“เอาล่ะ เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”

ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวแทรกซูเสี่ยวจวิ้นโดยไม่รีรอให้นางเกิดความสงสัยไปมากกว่านี้

ซูเสี่ยวจวิ้นพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรอีก นางลากแขนฉินอวี้โม่เข้าไปข้างในโรงเตี๊ยมด้วยท่าทางที่อารมณ์ดี

แม้ว่าเป็นเวลาดึกมากแล้ว ทว่าก็ยังคงมีผู้คนมากหน้าหลายตารับประทานอาหารอยู่ในห้องรับรองของโรงเตี๊ยม

เมื่อเห็นฉีอวิ๋นเหล่ยและคณะ พวกเขาเหล่านั้นก็ยิ้มทักทายตามมารยาท

ไม่ว่าจะเป็นฉีอวิ๋นเหล่ย เหวินซื่อชู่หรือซูเสี่ยวจวิ้น ทั้งสามล้วนเป็นผู้เยาว์จากขุมกำลังใหญ่และมีชื่อเสียงในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้ การได้สร้างความสัมพันธ์กับคนทั้งสามย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับคนเหล่านั้น

ฉีอวิ๋นเหล่ยพยักหน้าตอบรับคำทักทายและทักทายกลับอย่างสุภาพ

ฉินอวี้โม่เดินตรงไปที่โต๊ะและทำการสั่งอาหารเพื่อรับประทานก่อนที่พวกเขาทั้งสี่จะนั่งลงเพื่อพูดคุยกัน

“พี่อวี้โม่ ท่านจะมุ่งหน้าไปที่ไหนต่อรึ?”

ซูเสี่ยวจวิ้นกระตือรือร้นอย่างเก็บอาการไม่ได้และถามสิ่งที่นางกังวลใจที่สุดออกไปโดยไม่รีรอ

ฉินอวี้โม่ยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของซูเสี่ยวจวิ้น ก่อนตอบ “ข้าจะไปที่เมืองไป๋อวี้เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมช่างหลอม”

ฉินอวี้โม่ไม่คิดที่จะปกปิดข้อมูลใดๆ แม้ว่าเพิ่งได้รู้จักและใช้เวลาร่วมกันเพียงระยะสั้นๆ นางก็รู้สึกถูกชะตากับซูเสี่ยวจวิ้นและเหวินซื้อชู่เป็นอย่างมาก

อีกทั้งฉีอวิ๋นเหล่ยก็มีความเกี่ยวข้องกับนาง นางจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังสิ่งใด

“จริงรึ !? บังเอิญจริงเชียว”

ซูเสี่ยวจวิ้นหัวเราะชอบใจเมื่อได้ยินคำตอบของฉินอวี้โม่

“พี่ชู่ก็เป็นช่างหลอมและเขาจะไปร่วมงานชุมนุมช่างหลอมครั้งนี้อยู่แล้ว ถ้าพี่อวี้โม่ไม่อึดอัดใจล่ะก็ ไปกับพวกเราเถอะ”

เหวินซื่อชู่เป็นช่างหลอมระดับสูงเช่นกัน และครานี้เขาวางแผนที่จะเดินทางไปเข้าร่วมแข่งขันในงานชุมนุมช่างหลอมที่จะเกิดขึ้นที่เมืองไป๋อวี้

ตัวตนของฉินอวี้โม่ในเวลานี้ยังคงละเอียดอ่อนมากและนางกังวลว่าการเดินทางร่วมกันคนหลายคนจะไม่สะดวกเท่าใดนัก นางกำลังจะเอ่ยปฏิเสธคำชักชวน ทว่าถูกขัดจังหวะโดยคำพูดของฉีอวิ๋นเหล่ยเสียก่อน

“อวี๋โม่ ข้าว่าเราไปด้วยกันก็ดี ถึงอย่างไรเจ้าก็อยู่เพียงลำพังและไม่คุ้นชินกับถนนหนทางของที่นี่เท่าไหร่นัก หากเจ้าไปกับพวกข้า เจ้าจะได้มีคนคอยช่วย และหากมีเรื่องอะไร เจ้าจะไม่ต้องกังวลมากเกินไป”

ฉีอวิ๋นเหล่ยได้รับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฉินอวี้โม่มาก่อนและได้รับคำฝากฝังจากบิดาให้ดูแลนางเป็นอย่างดีเมื่อได้พบกัน ยิ่งไปกว่านั้น บิดาเขายังกล่าวอีกว่าหากมีโอกาสก็ให้ทำความรู้จักสนิทสนมกับฉินอวี้โม่เข้าไว้

แม้ว่าในตอนแรก ฉีอวิ๋นเหล่ยจะยังรู้สึกคัดค้านอยู่ในใจ ทว่าการใช้เวลาร่วมกับฉินอวี้โม่เพียงระยะสั้นๆก็ทำให้เขารู้สึกชื่นชมนางอย่างมาก

ถึงแม้เขายังไม่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ เขาก็มั่นใจอย่างเต็มอกว่านางจะต้องเป็นโฉมงามสะท้านเมืองอย่างแน่นอน

การได้มีโอกาสสนิทสนมกับสตรีเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ไม่ยาก

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่มิอาจล่วงรู้ความคิดของฉีอวิ๋นเหล่ย หากนางได้รู้ว่าอีกฝ่ายมีความคิดเช่นไร นางคงตกใจไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวเช่นนี้ ฉินอวี้โม่จึงไตร่ตรองครู่หนึ่งและตอบตกลง

นางไม่คุ้นชินกับดินแดนนี้ หากมีฉีอวิ๋นเหล่ยและคณะเดินทาง การเดินทางจะต้องสะดวกมากขึ้นอย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น ฉีอวิ๋นเหล่ยรู้ว่านางเป็นใคร ไม่ว่านางทำสิ่งใด ฉีอวิ๋นเหล่ยจะต้องยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างไม่ต้องสงสัย

และการที่มีเขาอยู่ข้างกาย อันตรายที่นางจะต้องเผชิญก็คงจะลดน้อยลงไปมาก แม้แต่กลุ่มพญายมก็คงจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิด

.