ตอนที่ 397 ใครพูดก่อนคนนั้นเป็นหมา (2) / ตอนที่ 398 ใครพูดก่อนคนนั้นเป็นหมา (3)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 397 ใครพูดก่อนคนนั้นเป็นหมา (2)

 

 

“ก็หมายความตามอย่างที่นายเห็น! เซิ่งอี่เจ๋อ ฉันเกลียดนาย คราวนี้ฉันโกรธมาก! โกรธมาก โกรธมากๆ!” อันซย่าซย่าแก้มแดงด้วยความโกรธ แต่สิ่งที่เธอพูดกลับทำให้เซิ่งอี่เจ๋อทำตัวไม่ถูก

 

 

ตอนแรกเขายังคิดจะโอ๋เธอ แต่ผลปรากฏว่าอันซย่าซย่าปิดประตูใส่หน้าเขาอย่างแรงจนเกือบกระแทกกับจมูกโด่งของเขา

 

 

เขานั่งเซื่องซึมอยู่บนม้านั่งด้านนอกด้วยความรู้สึกไม่สบายใจ

 

 

ยัยบ้า! เธอโกรธอะไรเนี่ย!

 

 

ซูเสี่ยวโม่เพิ่งมาถึงโรงพยาบาล เธอเห็นเทพบุตรรูปหล่อกำลังหน้าดำคร่ำเครียด ในความเย็นชายังมีความจองหอง ภายใต้ภาพลักษณ์เข้าถึงยากแฝงไปด้วยความซื่อบื้อ….

 

 

เธอยิ้มหน้าทะเล้นเดินเข้าไป “อ้าว ทะเลาะกับซย่าซย่าเหรอ?”

 

 

“เปล่า” เซิ่งอี่เจ๋อผินหน้าออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

 

 

“อ๋อ~~” ซูเสี่ยวโม่ตบไหล่เขาด้วยท่าทางองอาจ “พ่อหนุ่มเอ๋ย ถึงเวลาที่คนเป็นชายจะต้องยอมอ่อนให้ผู้หญิงแล้วหวนคืนสู่ความเป็นใหญ่ นายอยากให้ฉันบอกจุดอ่อนของซย่าซย่าไหม?”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเลิกคิ้ว เขาไม่เชื่อว่าซูเสี่ยวโม่จะยอมบอกเขาง่ายๆ

 

 

“แหะแหะ…” ซูเสี่ยวโม่ถูนิ้ว “จริงใจหน่อยสิ ดูๆ แล้วฉันว่านายก็ไม่ได้ชอบซย่าซย่ามากมายขนาดนั้น…”

 

 

“ใครบอกว่าฉันไม่ชอบเธอแล้ว!” เซิ่งอี่เจ๋อพูดโพล่งออกไป สีหน้าซูเสี่ยวโม่เปลี่ยนเป็นมีเลศนัย เขาหน้าแดงพลางกระแอมไอ “เธออยากได้อะไร?”

 

 

“ภาพเปลือยของเหอจยาอวี๋”

 

 

“……”

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อถึงกับนิ่งด้วยความช็อกไปชั่วขณะ

 

 

“เปลือย…แบบที่ฉันเข้าใจใช่ไหม?” เซิ่งอี่เจ๋อถามออกมาอย่างลำบากใจ

 

 

“ถูกต้อง เอารูปมาแลกกับจุดอ่อน~” ซูเสี่ยวโม่พูดอย่างอวดดี จากนั้นก็เข้าไปในห้องผู้ป่วย

 

 

อันซย่าซย่ายังนอนอยู่บนเตียงเหมือนกับศพ เมื่อกี้ที่เธอเพิ่งโมโห หน้าอกของเธอก็เริ่มเจ็บอีกครั้งและยังอึดอัดมาก

 

 

ซูเสี่ยวโม่รีบวิ่งเข้าไป “ซย่าซย่า เป็นยังไงบ้าง? ได้ยินมาว่าเธอเป็นลมระหว่างการแข่งขันเมื่อกี้นี้ เธอนี่มันไก่อ่อนชัดๆ! ร่างกายก็อ่อนแอเกินไปแล้ว!”

 

 

เธอยังไม่รู้เลยว่าอันซย่าซย่าถูกวางยา

 

 

อันซย่าซย่าคร่ำครวญและพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “ฉันไม่เป็นไร…เธอเจออะไรดีๆ มาเหรอถึงได้ดูร่าเริงแบบนี้?”

 

 

“แหะแหะ…ฉันหาวิธีลงโทษคนบางคนได้แล้ว…” ซูเสี่ยวโม่ยิ้มอย่างร้ายกาจ

 

 

ในอีกมุมหนึ่ง เหอจยาอวี๋จามอย่างแรง

 

 

เฮ้อ ใครคิดถึงเขาขนาดนี้นะ?

 

 

 

 

อันซย่าซย่าไม่ชอบบรรยากาศโรงพยาบาล เธอจึงโทรศัพท์หาที่บ้านและหาข้ออ้างไปพักที่บ้านซูเสี่ยวโม่

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อกำลังจะขับรถไปส่งเธออย่างเงียบๆ แต่อันซย่าซย่ากลับปฏิเสธ “ฉันไม่ต้องการให้นายไปส่ง!”

 

 

ดวงตาสีเข้มล้ำลึกมองไปที่เธอด้วยความจนใจ

 

 

“ซย่าซย่า…เธออย่าโมโหสิ…” เป็นครั้งแรกที่เขายอมรับผิดก่อน แต่อันซย่าซย่ากลับทำเสียงเย็นชา “ก่อนที่ฉันจะยกโทษให้นาย ไม่ต้องมาพูดกับฉัน! ใครพูดก่อนคนนั้นเป็นหมา!”

 

 

ซูเสี่ยวโม่เอามือปิดปากกลั้นขำ นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเทพบุตรถูกไล่ต้อน เจ๋งสุดๆ

 

 

“งั้นให้ฉันไปส่งพวกเธอเถอะ” เหอจยาอวี๋ยิ้มอ่อนโยน ทันใดนั้นซูเสี่ยวโม่ก็ตกใจจนสติหลุด

 

 

“ไม่ต้อง…” หรอก ประโยคนี้ยังไม่ทันพูดจบ อันซย่าซย่าก็พยักหน้า “อืม ขอบใจ”

 

 

ซูเสี่ยวโม่อยากจะโยนอันซย่าซย่าลงในมหาสมุทรแปซิฟิก

 

 

เหอจยาอวี๋หันไปยิ้มให้เซิ่งอี่เจ๋อ จากนั้นก็พาทั้งสองไปส่งถึงบ้านตระกูลซู

 

 

ซูเสี่ยวโม่กล่าวอย่างมีมารยาท “จะขึ้นไปดื่มชาหน่อยไหม?”

 

 

เหอจยาอวี๋ไม่ปฏิเสธและสาวเท้าก้าวขึ้นไปชั้นบนพลางมองซูเสี่ยวโม่กระอักเลือด

 

 

เธอเดินไปชงชาอย่างไม่เต็มใจ เหอจยาอวี๋นั่งบนโซฟาและเห็นเพียงหนังสือการ์ตูนกระจัดกระจายอยู่เต็มโซฟา ในขณะที่เขาหยิบขึ้นมาหนึ่งเล่มก็ได้ยินเสียงคำรามของซูเสี่ยวโม่ดังเข้ามากะทันหัน “ชายชาตรี วางลงอย่าขยับ!”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 398 ใครพูดก่อนคนนั้นเป็นหมา (3)

 

 

“เอ่อ…” เขาผงะไปชั่วขณะ หนังสือการ์ตูนร่วงลงจากง่ามนิ้วและกางออก เผยให้เห็นรูปวาดสกปรกที่ไม่น่าดู…

 

 

เงียบฉี่…

 

 

เงียบปางตาย…

 

 

ซูเสี่ยวโม่ทำหน้าเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนหญิงพลีชีพ เธอหวังว่ากาน้ำชาที่อยู่ในมือจะกลายเป็นระเบิดที่ระเบิดป้อมปราการอย่างเหอจยาอวี๋ซะที!

 

 

ไม่…นี่เป็นความคิดเดียวที่อยู่ลึกๆ ในใจของเธอ

 

 

เมื่ออันซย่าซย่าเห็นสถานการณ์ดังกล่าวก็ยกมือแตะหน้าผาก “นั่น ฉันไม่สบายนิดหน่อยน่ะ…ขอตัวไปนอนก่อนนะ…” ช่วงเวลาแบบนี้ เธอจะรออยู่ไปทำไม!

 

 

พอเห็นอันซย่าซย่ารอดตัวไปแล้ว ซูเสี่ยวโม่ก็อ้าปากค้างและคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไรก็ไม่พ้นข้อกล่าวหา

 

 

เหอจยาอวี๋หยิบหนังสือขึ้นมาด้วยท่าทีเฉื่อยชาและกล่าวชม “วาดได้ไม่เลวนี่”

 

 

“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นคนวาด?” ซูเสี่ยวโม่เพิ่งเอ่ยปากถามออกไป พอตอนนี้นึกอยากจะตบหน้าตัวเอง!

 

 

ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่ว่ารับสารภาพแล้วหรอกเหรอ!

 

 

“แคกแคก…ไม่ๆ ฉันไม่ได้วาดเอง ฉันซื้อมาน่ะ…เฮ้ย ฉันพูดผิด ฉันแค่ยืมมาเรียนน่ะ ยืมมาใช้เพื่อการเรียนรู้ นายเข้าใจไหม? นี่ไม่ใช่ของสกปรกลามกอะไร นี่…นี่มันแฝงไปด้วยศิลปะ!” ซูเสี่ยวโม่อธิบายอย่างหน้าด้านๆ หน้าเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ เพราะความอาย

 

 

เธอเป็นหญิงแกร่งนั้นไม่ผิด ชีวิตจึงมีทั้งด้านหยาบกระด้างและรุนแรง แต่เมื่อถูกผู้ชายที่ตัวเองชอบเห็นการ์ตูนทะลึ่งที่เธอวาด เธอก็อายจะแย่อยู่แล้ว!

 

 

เหอจยาอวี๋ยิ้มและเปลี่ยนเรื่อง “เธออยู่บ้านคนเดียวเหรอ?”

 

 

รอยยิ้มของเขาดูเหมือนจะเยียวยาทุกอย่าง ทำให้ซูเสี่ยวโม่สงบสติอารมณ์ลงได้โดยไม่รู้ตัว เธอตอบอย่างคลุมเครือพลางรินน้ำให้เหอจยาอวี๋และรอให้เขาดื่มเสร็จแล้วจากไป

 

 

อาจเป็นเพราะสายตาดูร้อนรนเกินไปจึงทำให้เหอจยาอวี๋ซึ่งเป็นคนสบายๆ รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย “อย่ามองฉันแบบนี้”

 

 

ซูเสี่ยวโม่สะบัดหน้าและหน้าก็กลับมาแดงอีกครั้ง เธอยิ้มแห้งพลางหยิบโทรศัพท์ออกมา “เพื่อน นายดื่มสิ ฉันขอเล่นฮาร์ทสโตนก่อน”

 

 

“เธอเป็นเด็กสาวที่ยังเล่นเกมโทรศัพท์อยู่สินะ” เหอจยาอวี๋โน้มตัวมาดูเธอเล่นเกม ทว่าโทรศัพท์ของซูเสี่ยวโม่สั่นแรงๆ อยู่สองครั้งและแสดงข้อความหนึ่งขึ้นมา

 

 

พอคลิกเปิดดู บรรยากาศภายในห้องก็เงียบสงัดอีกครั้ง

 

 

ผู้ส่ง : เซิ่งอี่เจ๋อ

 

 

เนื้อหาข้อความ : รูปถ่ายที่เธออยากได้

 

 

รูปถ่ายดังกล่าวเป็นรูปถ่ายของเหอจยาอวี๋ยืนอยู่ริมชายหาด สวมเพียงกางเกงว่ายน้ำ รูปร่างดีไม่มีที่ติ แทบจะเป็นรูปเปลือย…

 

 

พรึ่บ—-

 

 

น่าอับอาย! มีคำว่าอับอายเขียนตัวโตๆ!

 

 

เทพบุตรเซิ่งอี่เจ๋อ นายจะส่งมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ทำไมต้องส่งมาในเวลานี้!

 

 

เธอกลืนน้ำลายพลางเค้นสมองอย่างหนักว่าจะอธิบายอย่างไรดี

 

 

เหอจยาอวี๋เงียบไปสักพัก แววตาที่มองซูเสี่ยวโม่ก็ยิ่งล้ำลึก

 

 

ในหัวของซูเสี่ยวโม่สว่างวาบขึ้นมา เธอตบบนต้นขา “ฉันอธิบายนายได้ พ่อหนุ่ม ที่จริงแล้วฉันแค่อยากเห็นว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องของผู้ชายมันเป็นยังไง เซิ่งอี่เจ๋อก็เลยยินดีช่วยฉันโดยการส่งรูปมาให้ฉันหนึ่งรูป อืม เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ อัยหยา นายดูสิหน้านายหล่อชะมัดเลย ซิกแพคนี่อีก แล้วยังมีเมอร์เมดไลน์ตรงนี้อีก ถ้าได้ลูบแล้วคงให้ความรู้สึกที่ดีมากแน่ๆ …”

 

 

“ฉันพูดอะไรได้ไหม?” เหอจยาอวี๋ถามเบาๆ ซูเสี่ยวโม่พยักหน้าด้วยความงุนงงเล็กน้อยก็เห็นเขากระแอม “อย่างแรกก็คือ ที่เธอเพิ่งตบไป มันคือต้นขาฉัน…แค่กแค่ก เพื่อนนักเรียนซู แรงเธอยังเยอะเหมือนเดิมเลยนะ…จะพูดยังไงดีล่ะ…”

 

 

ซูเสี่ยวโม่แทบจะกระอักเลือด อ๊าอ๊าอ๊า น่าขายหน้าชะมัด!

 

 

“ส่วนเรื่องที่สอง ถ้าเธออยากลูบ ตอนนี้ก็ได้นะ” เขาพูดจบอย่างใจเย็นแล้วเลิกเสื้อขึ้น เผยให้เห็นซิกแพค กล้ามเนื้อและเมอร์เมดไลน์วับๆ แวมๆ

 

 

ซูเสี่ยวโม่ “!!!”

 

 

เมื่อความงดงามมาอยู่ตรงหน้า ลูบ? หรือไม่ลูบ!