ตอนที่ 399 ใครพูดก่อนคนนั้นเป็นหมา (4)
หน้าสวยๆ ของเธอแดงก่ำ มีเพียงดวงตาสดใสที่ตกตะลึง
ภายในห้องเงียบมาก เสียงสูดน้ำลายของซูเสี่ยวโม่ยิ่งเพิ่มความอ่อนละมุนขึ้นไปอีก….
“แบบนี้ไม่ค่อยดีมั้ง…” หาได้ยากที่ซูเสี่ยวโม่จะสำรวม เหอจยาอวี๋พยักหน้าด้วยสีหน้าปกติ “ดูเหมือนจะไม่เหมาะเท่าไหร่…”
ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่อยู่กับซูเสี่ยวโม่ทีไร เขามักจะทำตัวประหลาดยากจะเข้าใจ…
พอเขาทำท่าจะดึงเสื้อลง ขนตาของซูเสี่ยวโม่ก็กระพือขึ้นและจิ้มนิ้วลงมาที่กล้ามของเขาอย่างรวดเร็วเหมือนเวลาฟ้าผ่าลงมาจนปิดหูแทบไม่ทัน
โลกทั้งใบหยุดนิ่ง
ซูเสี่ยวโม่ชักอุ้งมือของตัวเองออกมาราวกับวัวสันหลังหวะ เธอเหลือบตามองเหอจยาอวี๋ด้วยความหวาดระแวง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้โมโหก็รู้สึกใจหวิว
ว้าววว ดีจังเลย!
เหอจยาอวี๋ยิ้มและจัดแจงเสื้อผ้าราวกับเรื่องเมื่อกี้ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
หลังจากดื่มน้ำก็ลุกขึ้น “งั้นฉันไปก่อนนะ”
ซูเสี่ยวโม่ทำตัวเหมือนแมวขโมยที่เห็นแก่ความสุขของตัวเอง เห็นแก่ได้แตะเนื้อต้องตัวเขา เธอจึงพยักหน้าหงึกๆ “อืม งั้นนายคุกเข่าเถอะ”
เหอจยาอวี๋ “…” ต้องคุกเข่าด้วย?
พรึ่บ—
ซูเสี่ยวโม่พลั้งเผลอไปชั่วขณะ อธิบายอย่างลำบากใจ “ขอโทษด้วยนะ ฉันกับคังเจี้ยนแล้วก็ซย่าซย่าหยอกล้อกันจนเคยชิน ฉันไม่ได้จะให้นายคุกเข่าจริงๆ”
“แบบนี้นี่เอง…” เหอจยาอวี๋ขบกรามพลางยิ้มอ่อนโยนราวกับสายลมฤดูใบไม้ผลิ “เพื่อนนักเรียนซู เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่ไหม?”
คำถามนี้ซูเสี่ยวโม่ผู้ร่าเริงถึงกับหนาวสั่น
ช่วงเวลาแห่งความใกล้ชิดยังคงไม่สามารถเปลี่ยนความสัมพันธ์ของพวกเขาได้
ซูเสี่ยวโม่กระตุกมุมปากพลางหัวเราะให้ตัวเอง “ใช่ เพื่อนที่ดี…”
เมื่อเหอจยาอวี๋จากไป เธอก็นั่งลงบนโซฟาด้วยความงุนงง
ปลายนิ้วของเธอดูเหมือนยังคงหลงเหลืออุณหภูมิในร่างกายของเขาอยู่ แต่ทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา
ยิ่งเธอหนีก็ยิ่งเข้าใกล้ พังไม่เป็นท่า เขาสามารถทำลายล้างทุกสิ่งได้ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
เธอกลับห้องมาด้วยท่าทีฟึดฟัด อันซย่าซย่าคนทึ่มคนนั้นกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง เมื่อเห็นเธอก็ส่งยิ้มให้ “ว้าว…เมื่อกี้พวกเธอสองคนกำลังทำอะไรอยู่น่ะ?”
“ทำอะไรน่ะเหรอ! ฉันตัดสินใจที่จะแก้แค้นเขาไง! วะฮ่าฮ่าฮ่า” เธอหัวเราะท้าวสะเอวอยู่นาน อันซย่าซย่าถึงกับแสดงสีหน้ารังเกียจ “ยัยปัญญาอ่อนคนนี้บ้าไปแล้ว” ซูเสี่ยวโม่เปิดแท็ปแล็ตพร้อมกับร่างเส้นด้วยความรวดเร็ว
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอถือแท็ปเล็ตมาตรงหน้าอันซย่าซย่าพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ฮ่าฮ่า เป็นยังไง?”
อันซย่าซย่ากวาดตามองสักพักก็หน้าแดง!
ในหน้าจอ ภาพเหมือนเหอจยาอวี๋ถูกกดอยู่ใต้ร่างชายฉกรรจ์ ทั้งแสดงสีหน้าเจ็บปวดและเพลิดเพลินไปพร้อมๆ กัน ร่างกายของทั้งสองเปลือยเปล่า ในภาพดูลามกไปมาก!
“นายท่าน พาผมขึ้นไปที!” อันซย่าซย่าร้องอุทานออกมา ซูเสี่ยวโม่ทำเสียงเย็นชา “สั่นแล้วล่ะสิ! เหอจยาอวี๋!”
เธอแก้ไขอีกเล็กน้อยและโพสต์ภาพเผยแพร่บนออนไลน์ แท้ที่จริงแล้วไต้เท้าจยาอวี๋จะเป็นรุกหรือรับในเหตุการณ์นองเลือดครั้งนี้
ในเวลาเดียวกันเซิ่งอี่เจ๋อก็ได้รับข้อความจากซูเสี่ยวโม่
“จุดอ่อนของซย่าซย่าไม่มีอะไรมาก เธอเป็นคนใจอ่อนเกินไป ยิ่งนายบังคับ เธอก็จะยิ่งปฏิเสธ แต่ถ้านายแสดงความอ่อนแอ หึๆๆ”
หลังจากวางโทรศัพท์ลง เซิ่งอี่เจ๋อก็กระพริบตาพลางขมวดคิ้วแน่น
แสดงความอ่อนแอ…ต้องทำยังไงนะ…
พอเขาเหลือบมองไปทางห้องน้ำ รอยยิ้มชั่วร้ายก็เผยออกมา
เขาเปิดฝักบัวแล้วปรับเป็นน้ำเย็น เซิ่งอี่เจ๋อพุ่งตัวเข้าไปอย่างที่เรียกได้ว่ามีความสุข
ตอนเย็น อันซย่าซย่าก็ได้ยินเสียงหวีดร้องมาจากฉือหยวนเฟิง “อ๊าาา ซย่าซ่ยา ไม่ดีเลย! พี่อี่เจ๋อไม่สบายแล้ว!”
ตอนที่ 400 ใครพูดก่อนคนนั้นเป็นหมา (5)
อันซย่าซย่ากัดริมฝีปาก ถุงมันฝรั่งทอดที่อยู่ในมือร่วงลงไป
เธออยากถามฉือเหยียนเฟิงว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไรกันแน่ แต่พอคิดว่ายังทะเลาะกับเขาอยู่ เธอจึงทำใจแข็งและถามอย่างไม่สบายใจ “เกิดอะไรขึ้น?”
ฉือหยวนเฟิงคำราม “เขาเป็นไข้สูงถึง 39 องศา ตอนโทรศัพท์มาหาฉันก็ไม่มีเสียง พอฉันมาที่นี่ ฮือออ…ซย่าซย่า ทำยังไงดี? ดูแล้วพี่อี่เจ๋อเหมือนกำลังจะตาย…”
อันซย่าซย่าตื่นตระหนก ฉือหยวนเฟิงใช้ชีวิตเหมือนคนพิการระดับเก้าที่ทำอะไรไม่เป็นเลย เขาจะดูแลคนอื่นได้อย่างไร แล้วอีกอย่างเซิ่งอี่เจ๋อก็ป่วยหนักเสียขนาดนั้น…
ในใจก็ยิ่งกลัวมากขึ้น เธอถือโทรศัพท์ด้วยความร้อนใจ “เฟิงเฟิง นายโทรหาหมอประจำตระกูลเซิ่งก่อน แล้วประคบด้วยผ้าเย็น…นายประคบเป็นไหม? ก็คือเอาผ้าขนหนูมาทำให้เปียก…”
เธอสอนเฟิงเฟิงทุกอย่างอย่างละเอียด จากนั้นก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะออกไป
“ซย่าซย่า เธอจะไปไหน?” ซูเสี่ยวโม่เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอถามในขณะที่กำลังแปรงฟัน
“ฉันจะไปเยี่ยมเซิ่งอี่เจ๋อ!” อันซย่าซย่าพูดเพียงประโยคเดียวแล้วออกจากบ้านตระกูลซู
ซูเสี่ยวโม่แปรงฟันได้สักพักก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
สมกับเป็นหัวหน้าวงอี่เจ๋อจริงๆ หัวหน้าวงอี่เจ๋อ~จุ๊จุ๊ กระต่ายขาวซย่าผู้น่าสงสารจะต้องโดนหมาป่าที่แสนโหดร้ายตัวนี้กินซะแล้ว…
–
อันซย่าซย่าโบกรถแท็กซี่ไปยังบ้านตระกูลเซิ่ง
เพราะจากวิ่งเร็วเกินไป หน้าอกของเธอจึงเริ่มปวดอีกครั้ง เธอหายใจเข้าลึกๆ อยู่สองสามครั้งแล้วรีบก้าวเข้าไปในห้อง
คุณหมอสั่งยาเสร็จแล้ว ส่วนฉือหยวนเฟิงกำลังอยู่ในห้องครัวอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเห็นอันซย่าซย่ามาแล้วก็เผยสีหน้าดีใจ “ซย่าซย่า ต้มน้ำร้อนยังไง?!”
อันซย่าซย่า “…” ถอนหายใจอย่างจนปัญญา เธอเดินเข้าไปต้มน้ำร้อนและรีบเดินเข้าไปในห้อง
ดวงตาของเซิ่งอี่เจ๋อพับลง ขนตาสั่นไหวเป็นครั้งคราว เหงื่อที่หน้าผากซึมออกมา คิ้วขมวดแน่น ดูออกได้ว่าไม่สบายมาก
“เซิ่งอี่เจ๋อ…” อันซย่าซย่ารีบเข้าไปหา พอเซิ่งอี่เจ๋อได้ยินเสียงก็หรี่ตาลงแล้วพูดว่า “ซย่าซย่า เธอใช่ไหม?”
“ฉันเอง!” อันซย่าซย่าถามเขาด้วยความกลัดกลุ้ม “ไม่สบายมากเหรอ? นายรอฉันแป๊บนึงนะ กินยาแล้วเดี๋ยวก็ดีขึ้น”
เดิมทีเซิ่งอี่เจ๋อกำลังจะตอบว่ายังโอเค แต่พอนึกถึงข้อความของซูเสี่ยวโม่ คำพูดที่ติดปากก็เปลี่ยนเป็นคำพูดที่ดูอ่อนแอ “อืม ไม่สบายมาก”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแสดงด้านอ่อนแอเช่นนี้ แม้ว่าอันซย่าซย่าจะยังโกรธ แต่เธอก็ยังเปลี่ยนผ้าเย็นให้เขา ฉือหยวนเฟิงยกน้ำร้อนขึ้นมาพอดี เธอประคองเซิ่งอี่เจ๋อขึ้นมา “กินยาได้แล้ว”
เซิ่งอี่เจ๋อสูดจมูก “ฉันกลัวขม”
อะไรนะ? ผู้ชายอกสามศอกกลัวขมเนี่ยนะ? อันซย่าซย่าไม่เข้าใจ
แต่พอเห็นสภาพที่น่าสงสารของเซิ่งอี่เจ๋อแบบนี้แล้ว เธอก็ปวดหัวอย่างช่วยไม่ได้ “นายไม่กินยา อาการก็จะไม่ดีขึ้นนะ…”
ยัยทึ่ม…เซิ่งอี่เจ๋อด่าในใจเบาๆ แต่หัวกลับถูบนไหล่อันซย่าซย่า “ฉันอยากให้เธอป้อน”
เสียงทุ้มต่ำนั้นมีความแหบปนอยู่หน่อยๆ เหมือนหมาตัวใหญ่ที่กำลังออดอ้อน
อันซย่าซย่าหน้าแดง “ป่วยแล้วยังจะทะลึ่งอีก! ฉัน ฉันไม่ป้อน!” ปากต่อปากมันน่าเกลียดเกินไป!
ใบหน้าเซิ่งอี่เจ๋อเรียบเฉย “ฉันก็แค่ให้เธอใช้มือป้อนฉัน ผิดตรงไหน…”
เขาก้มหน้าทำท่าเหมือนไม่พอใจ
อันซย่าซย่ากระวนกระวาย แท้ที่จริงแล้วเธอคิดเลยเถิดไปเอง/ (ㄒoㄒ) /~~
มือเล็กขาวๆ หยิบยาขึ้นมาแล้วป้อนให้เซิ่งอี่เจ๋อ
หลังจากดื่มน้ำเสร็จ อันซย่าซย่าก็ประคองเขานอนลงไป แต่เซิ่งอี่เจ๋อกลับกระตุกแขนเสื้อเธอไว้ “บ๊อกบ๊อกบ๊อก…”
——
“นายเป็นไข้จนเสียสติไปแล้วหรือไง! ทำไมต้องเลียนเสียงหมา!” อันซย่าซย่าถลึงตาใส่เขา จู่ๆ ก็เหมือนมีไฟแลบเข้ามาในหัว พลันนึกถึงคำพูดนั้นที่เธอเคยพูดเอาไว้ตอนโมโห
ใครพูดก่อนคนนั้นเป็นหมา