ณ ราชวังแห่งหนึ่งภายในพื้นที่เขตหวงห้ามของเทพเจ้ามังกร

“ช่างน่าเบื่อจริงๆ ข้าเบื่อกับการกินโสมพันปีเต็มที ไม่มีอาหารอย่างอื่นให้ข้าได้กินหรือ?” ฉู่หลงนอนอย่างเกียจคร้านอยู่ที่พื้น ขายาวเรียวของเธอกำลังแกว่งไปมาอย่างไม่รู้ตัว ปากของเธอกำลังคาบโสมพันปี ง่ำ ง่ำ กินเข้าไป เป็นเหมือนกับการกินหัวไชเท้าอยู่ก็ว่าได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเอร็ดอร่อย

หลังจากการบ่มเพาะเป็นระยะเวลาหนึ่งปีและได้เลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับราชวังสีม่วงนั้น ร่างกายของเธอก็ได้เปลี่ยนแปลงไปเหมือนกับการเกิดใหม่ ขาเรียวของเธอยาวมากขึ้น เอวบางเพรียว ดูน่าโอบอย่างมาก

โดยเฉพาะผิวหนังของเธอ นุ่มนวลและเรียบเนียน ไม่ได้มีแผลเป็นใดๆ เป็นเหมือนกับผิวของทารกเกิดใหม่ก็ว่าได้

“ในสถานที่บัดซบแห่งนี้จะมีอะไรกินอีก มีเพียงแค่ผักผลไม้ต่างๆ ไม่มีแม้กระทั่งชิ้นเนื้อ” ยวีชีชีพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เธอกำลังนอนอยู่บนเตียงไม้โดยที่ไม่สนใจภาพพจน์ เสื้อผ้าฉีกขาด เผยให้เห็นรูปร่างที่ภาคภูมิใจ รูปร่างนี้เหมือนกับว่าจะเซ็กซี่ขึ้นมามากกว่าเดิม อีกทั้งยังเซ็กซี่จนอยู่ในจุดที่มากเกินไปก็ว่าได้

คาดการณ์ได้ว่าแม้แต่นางแบบระดับประเทศก็ไม่ได้มากไปกว่านี้ สามารถทำให้เลือดลมของผู้ชายทุกคนพลุ่งพล่านขึ้นมาได้

หากเป็นช่วงเวลาปกติ เธอจะไม่มีท่าทางทำพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเช่นนี้อย่างแน่นอน ทว่ารอบๆนั้นมีเพียงแค่ผู้หญิง เธอไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ใดๆ ไม่ได้มีกิริยาท่าทางและภูมิฐานของการเป็นเจ้าหญิงนางเงือกอยู่แม้แต่น้อย

มือของเธอได้ยื่นออกไป ทันใดนั้นก็ได้คว้าผลไม้สีแดงข้างในตะร้าเพื่อกัดกินอย่างตะกละตะกลาม ทันใดนั้นกลิ่นที่หอมหวนก็ได้โชยไปทั่วทั้งอากาศ

หากใครเห็นท่าทางการกินของยวีชีชีในตอนนี้ จะต้องมีสายตาที่กระหายอย่างแน่นอน

เพราะว่าผลไม้วิญญาณสีแดงนี้ ก็คือผลไม้เลือดมังกรที่เลื่องลือ การที่กินไปเพียงหนึ่งผลจะสามารถประหยัดระยะเวลาการบ่มเพาะไปได้ถึงสิบปี อีกทั้งมันยังสามารถที่จะบ่มเพาะร่างกายได้ พัฒนาพรสวรรค์ มีมูลค่าที่น่าอัศจรรย์มาก

ทว่าตอนนี้ดูเป็นเหมือนกับแอปเปิ้ลธรรมดาทั่วไปที่ถูกยวีชีชีกินอย่างไม่ใส่ใจ ดูเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างมาก

ทว่าผลไม้วิญญาณเช่นนี้ในพื้นที่เขตหวงห้ามของเทพเจ้ามังกรนั้น เป็นเพียงแค่ผลไม้วิญญาณธรรมดาทั่วไป ไม่คู่ควรแก่การกล่าวถึง

“ข้าคิดถึงพุดดิ้ง สตรอเบอร์รี่เค้ก ช็อกโกแลต มันฝรั่งทอดและอาหารขบเคี้ยวต่างๆที่เคยกินมาก่อน ทว่าตอนนี้ไม่มีสิ่งเหล่านั้นเลย ท้ายที่สุดแล้วพวกเราจะออกไปจากสถานที่บัดซบแห่งนี้ได้อย่างไรกัน?!”

ผู้ที่พูดขึ้นมานี้ก็คือซู่จี เธอพูดออกมาโดยที่มีลักษณะท่าทางที่อ่อนช้อยนุ่มนวล เหมือนกับว่าจะมีพลังอำนาจที่ลึกลับบางอย่างแอบแฝงอยู่ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตเพศชายใดๆที่ได้ยินเสียงนี้จะต้องรู้สึกว่าร่างกายของตนเองถูกปลุกเร้าขึ้นมา

หลังจากที่ได้อาบเลือดมังกรและได้กินสมุนไพรวิญญาณเข้าไปเป็นจำนวนมหาศาลนั้น มันก็ทำให้เธอพัฒนาขึ้นมาถึงระดับราชวังสีม่วงได้และกระตุ้นสายเลือดในร่างกายขึ้นมาในระดับหนึ่ง พรสวรรค์ก็เพิ่มขึ้นมาจนถึงจุดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

นี่ทำให้ร่างกายของเธอเปลี่ยนแปลงไปราวกับฟ้ากับเหว เหมือนกับจะพัฒนากลายมาเป็นหญิงสาวที่งดงามซึ่งอ่อนช้อยและนุ่มนวล มีความคล้ายคลึงกับปีศาจจิ้งจอกวิญญาณ มีเสน่ห์ยั่วยวนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ทว่ารอบๆเธอก็มีแต่ผู้หญิงงดงามในระดับเดียวกัน ไม่ได้ถูกดึงดูดโดยเสน่ห์ของเธอ คิดว่าความงามระดับนี้เป็นสิ่งที่คุ้นเคยจนเห็นเป็นเรื่องปกติ

ทว่าผู้หญิงที่งดงามคนนี้ เมื่อเธอนึกขึ้นได้ถึงอาหารที่เคยกินมาก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็น้ำลายไหลออกมา ไม่ได้รักษาภาพพจน์ใดๆ เพราะว่าหนึ่งปีที่ผ่านมานี้เธอไม่มีทางที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ ได้แต่กินสมุนไพรวิญญาณต่างๆนาๆทุกประเภทอยู่ในพื้นที่เขตหวงห้ามแห่งนี้

ถึงแม้ว่าสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้จะล้ำค่าอย่างมาก ทว่าเมื่อกินเข้าไปมากเกินไป มันก็จะทำให้รู้สึกเอือมระอากับการกินสิ่งเหล่านี้

ในตอนนี้เธอมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าว่าจะได้กินอาหารอื่นๆอย่างมาก

“ตามสถานการณ์ในตอนนี้ ดูเหมือนว่าพวกเราจะทำได้เพียงพัฒนาตนเองขึ้นไปในระดับที่สูงกว่านี้ จากนั้นก็ทำลายผ่านค่ายกลยับยั้งของที่นี่ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะติดอยู่ในสถานที่แห่งนี้ไปตลอดกาล”

เจียงยารุเดินเข้ามาจากห้องโถงหลัก เธอเพิ่งเสร็จสิ้นจากการบ่มเพาะ ในช่วงเวลานี้ออร่ารอบๆตัวเธอเป็นเหมือนกับแสงศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนกับเป็นนักบุญหญิงของนิกายที่ยิ่งใหญ่ก็ว่าได้

หลังจากการฝึกฝนและบ่มเพาะเป็นระยะเวลาหนึ่งปี มันก็ทำให้เธอพัฒนาจนอยู่ในจุดที่เหนือธรรมชาติ มีความงดงามและโดดเด่นอย่างมาก เหมือนกับเป็นนางฟ้าที่อยู่ในเหนือโลกมนุษย์ มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างมาก

ในตอนนี้เธอก็สวมใส่ผ้าเพียงไม่กี่ชิ้น ทุกๆที่มีรอยฉีกขาด เผยส่วนลับต่างๆของร่างกายออกมา หากมีชายใดที่เข้ามาเห็นสภาพเช่นนี้ คาดการณ์ได้ว่าเลือดกำเดาคงจะพุ่งออกมาทันที

อย่างไรก็ตาม เหตุผลที่เธออยู่ในสภาพเช่นนี้นั้น ไม่ใช่แปลว่าเธอเป็นพวกอนาจารที่ชอบโชว์ส่วนต่างๆของร่างกาย

การที่พวกเธอหลงเข้ามาในรังมังกรแห่งนี้นั้น พวกเธอไม่ได้นำสิ่งใดๆติดตัวมาด้วยเลย แน่นอนว่านั่นรวมถึงเสื้อผ้าเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าระยะเวลาหนึ่งปีนี้ พวกเธอมีเสื้อผ้าแค่เพียงชุดเดียวเท่านั้น ไม่สามารถที่จะหาเสื้อผ้าอื่นๆมาได้

ซึ่งหลังจากที่ได้ผ่านไปหนึ่งปี มันก็ส่งผลให้เสื้อผ้าของพวกเธออยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมเช่นนี้ มีรอยฉีกขาดมากมาย

ยิ่งไปกว่านั้น หากพวกเธอไม่ได้ระมัดระวังและหวงแหนดูแลเสื้อผ้าเหล่านี้เป็นอย่างดีล่ะก็ บางทีตอนนี้พวกเธออาจจะกลายเป็นผู้ชายในยุคก่อนประวัติศาสตร์ก็เป็นได้ ต้องปกคลุมร่างกายด้วยใบบัว

“บัดซบ เห็นได้ชัดว่าเลื่อนขั้นมาในระดับราชวังสีม่วง กลายเป็นราชัน วางแผนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าบัดซบเซี่ยปิงนั่น ทำให้เขาต้องเงยหน้าอ้าปากค้าง เพลิดเพลินกับการถูกผู้คนในโลกแห่งเมฆายกย่องสรรเสริญเป็นระยะเวลาหมื่นปี”

ยวีชีชีกัดฟันพูดออกมา รู้สึกไม่พึงพอใจอย่างมาก “ไม่คาดคิดว่าตอนนี้จะถูกกักขังอยู่ในสถานที่บัดซบแห่งนี้ ไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อออกไปได้ หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าสวรรค์อิจฉาผู้คนที่มีพรสวรรค์โดดเด่น?”

เหตุการณ์เช่นนี้มีความคล้ายคลึงกับผู้คนที่ร่ำรวยและมีเกียรติจะไม่ได้กลับไปที่บ้าน ต้องออกหากินในเวลากลางคืน

การที่ได้กลายเป็นราชัน ทว่าไม่ได้กลับไปที่โลกแห่งเมฆาเพื่อโอ้อวดนั้น นี่ทำให้เธอคิดว่าตนเองได้ทำการบ่มเพาะอย่างหนักและขยันขันแข็งเพื่ออะไร

แน่นอนว่าเธอก็ต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการทำให้เจ้ามนุษย์เซี่ยปิงนั่นตกใจกับพัฒนาการของเธอ ทำให้ชายคนนั้นที่เอาแต่วางมาดใหญ่โตได้ตกอกตกใจกับพรสวรรค์ของเธอ เป็นดั่งอัจฉริยะที่หนึ่งพันปีมีครั้งเดียว

ตอนนี้เธอก็ประสบความสำเร็จ เธอยวีชีชีก็ได้เลื่อนขั้นมาในระดับราชวังสีม่วงและกลายเป็นราชัน มีพลังอำนาจที่เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก สามารถตามรอยเท้าของเจ้ามนุษย์นั่นได้ทัน ไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับเจ้ามนุษย์นั่นแม้แต่น้อย

ถึงแม้ว่าระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา บางทีเจ้ามนุษย์นั่นอาจจะพัฒนาตนเองไปได้ไม่มากก็น้อย ทว่าพัฒนาการนั้นก็คาดการณ์ได้ว่ามีขีดจำกัดเช่นกัน จะต้องติดอยู่ในระดับราชวังสีม่วงอยู่ ไม่มีทางที่จะเลื่อนขั้นไปในระดับที่สูงกว่านั้นได้

ในความเป็นจริง การที่ราชันปีศาจในระดับราชวังสีม่วงจะติดอยู่ในระดับนี้โดยที่ไม่สามารถเลื่อนขั้นไปได้ในระยะเวลากว่าหลายร้อยปีนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก

“มันเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปข้างนอก”

ฉู่หลงถอนหายใจออกมา “มีเพียงแค่การที่เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับพื้นที่เขตหวงห้ามแห่งนี้เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงต้องอาศัยอยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่อไป”

ในความเป็นจริง ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนี้ พวกเธอก็ได้ออกไปทำการสำรวจบริเวณรอบๆอย่างต่อเนื่อง ทว่าต่อให้จะใช้ทุกวิธีทางและพยายามอย่างหนัก พวกเธอก็ไม่ค้นพบวิธีการที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้

แน่นอนว่าท้ายที่สุดพวกเธอก็ต้องยอมแพ้

“เป็นจริงอย่างที่ว่า พื้นที่เขตหวงห้ามแห่งนี้ลึกลับจริงๆ นี่เป็นสถานที่ที่มังกรที่แท้จริงเคยอาศัยอยู่ ด้วยพลังอำนาจของพวกเราในตอนนี้นั้น การที่ต้องการจะถอดรหัสค่ายกลของที่นี่ นั่นเป็นเรืองที่เป็นไปไม่ได้ พวกเรายังอ่อนแอเกินไป”

ซู่จีพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม

พวกเธอรู้ว่ารอบๆสถานที่แห่งนี้นั้นมีค่ายกลยับยั้งอยู่ทุกหนแห่ง มีพลังอำนาจที่สามารถบดทำลายราชันให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้อย่างกะทันหัน นี่คือค่ายกลที่สร้างขึ้นมาโดยยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

ตัวตนเช่นนี้ พวกเธอไม่สามารถที่จะเทียบด้วยได้

“เดี๋ยว พวกเจ้าได้ยืนเสียงอะไรหรือไม่?”

ทันใดนั้นเจียงยารุก็มองออกไปข้างนอก สีหน้าของเธอเคร่งขรึมขึ้นมาทันที

“ใช่ มีเสียงจริงๆด้วย”

“มันดูเหมือนเสียงคำราม มีสิ่งใดที่ผ่านเข้ามาในค่ายกลยับยั้งนี้หรือ?”

“ไม่ บางทีอาจจะมีบางคนที่เดินทางมาที่นี่”

“ตลกสิ้นดี เจ้าไม่รู้หรือว่าค่ายกลยับยั้งของที่นี่น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน? เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีใครเดินทางเข้ามาที่นี่?”

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ในเมื่อยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่นั่นได้จัดตั้งค่ายกลยับยั้งเช่นนี้ขึ้นมา บางทีก็อาจจะเพื่อขัดขวางการรุกรานของศัตรูที่ทรงพลัง ซึ่งนี่แสดงว่าจะต้องมีผู้ที่ทรงอำนาจอื่นๆที่สามารถฝ่าค่ายกลยับยั้งของที่นี่เข้ามาได้”

“หากมีใครบางคนเข้ามาที่นี่จริงๆ บางทีพวกเราก็อาจจะมีโอกาสในการออกไปจากสถานที่แห่งนี้”

“ระมัดระวังตัวไว้ก็ดี ไม่รู้ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามานี้เป็นมิตรหรือว่าศัตรู หากเป็นศัตรูล่ะก็ พวกเราอาจจะต้องตายได้”

“ไม่ว่าอย่างไรก็ไปดูเถอะ ไม่อย่างนั้นพวกเราก็จะต้องติดอยู่ที่นี่ต่อไป แก่ชราและตายไปในสถานที่บัดซบแห่งนี้”

ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนได้มองหน้าซึ่งกันและกัน จากนั้นก็ได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เดินออกไปข้างนอกราชวังแห่งนี้