ปัง!

เมื่อฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนได้มาถึงที่ข้างนอกราชวัง พวกเธอก็เห็นวัตถุขนาดใหญ่ทันที ยานอวกาศลำใหญ่ได้บินเข้ามาจากส่วนลึกของค่ายกลยับยั้ง

ค่ายกลยับยั้งเหล่านี้ปะทุพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวออกมาและระเบิดใส่ยานอย่างต่อเนื่อง เปลวไฟลุกโชนทั่วทั้งหนแห่ง กระหน่ำโจมตีอย่างไม่หยุดยั้ง มีพลังอำนาจที่ไร้ที่สิ้นสุด เทียบได้กับการระเบิดของระเบิดนิวเคลียร์จำนวนมาก

ทว่าพลังอำนาจเหล่านี้สำหรับยานอวกาศลำนั้น มันเป็นเหมือนกับยุงกัดกว่าได้ ยานอวกาศไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ผ่านมาได้อย่างไร้รอยขีดข่วน

ตึบ!

วินาทีต่อมา ยานอวกาศลำนี้ก็ได้ผ่านค่ายกลยับยั้งทั้งหมดเข้ามา มาถึงที่พื้นที่เปิดโล่งข้างนอกโดยตรง ทั่วทั้งลำมีออร่าความศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ออกมา ล้ำลึกและไม่สามารถประเมินค่าได้

“ยานอวกาศลำนี้คืออะไรกัน เป็นยานอวกาศจากนอกจักรวาลอย่างนั้นหรือ?”

ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนต่างก็กระพริบตา มองยานอวกาศลำนี้ด้วยสีหน้าที่สงสัย พวกเธอก็เคยเห็นยานอวกาศจำนวนมากภายในโลกมนุษย์ ทว่าก็ไม่เคยเห็นยานอวกาศลำใดที่จะมีพลังป้องกันที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน

ภายใต้การโจมตีที่ทรงอำนาจโถมกระหน่ำนั้น ไม่คาดคิดว่าจะไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เห็นได้ชัดว่าพลังการป้องกันของยานอวกาศลำนี้ทรงพลังเพียงใด ไม่ใช่สิ่งที่ยานอวกาศของโลกแห่งเมฆาจะเทียบด้วยได้อย่างแน่นอน

ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้มีความรู้เรื่องยานอวกาศมากนัก ทว่าพวกเธอก็รู้ได้ว่ายานอวกาศลำนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

“หวังว่าจะเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู หากเป็นศัตรูล่ะก็ บางทีพวกเราควรที่จะเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ” ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนมองหน้าซึ่งกันและกัน

ในระยะเวลาหนึ่งปีนี้พวกเธอก็ได้ทำการสำรวจพื้นที่เขตหวงห้ามแห่งนี้จนละเอียดทุกซอกมุม ล่วงรู้ว่าสถานที่แห่งนี้มีค่ายกลยับยั้งมากมาย

หากฝ่ายตรงข้ามเป็นศัตรูจริงๆล่ะก็ พวกเธอก็จะกระตุ้นพลังอำนาจของค่ายกลยับยั้งที่นี่ทันที ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเผชิญกับผลลัพธ์ที่ตามมา อย่างมากก็แค่ตายไปและดับสลายไปด้วยกันทั้งหมด

ปัง!

ประตูยานอวกาศเปิดออกมา ภาพเงาได้บินออกมาจากข้างในและลงเหยียบที่พื้นเช่นนี้

“เซี่ยปิง!”

เห็นภาพเงาที่คุ้นเคยนี้ ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนก็เหมือนกับว่าจะตะโกนชื่อของเขาออกมาพร้อมเพรียงกัน เห็นได้ชัดว่าจดจำตัวตนที่แท้จริงของชายคนนี้ได้

ทว่าพวกเธอก็ขยี้ตาตนเอง เหมือนกับจะไม่เชื่อเล็กน้อย

เพราะว่าถึงอย่างไรการที่เซี่ยปิงมาถึงที่พื้นที่เขตหวงห้ามแห่งนี้ ไม่รู้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ต่ำขนาดไหน เป็นเหมือนกับการที่มีเนื้อพายตกลงมาจากท้องฟ้าก็ว่าได้

“ไม่คาดคิดว่าออกมาต้อนรับข้าด้วยการแต่งกายที่มีเสน่ห์เช่นนี้” เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง สายตาของเขามองฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนตั้งแต่หัวจรดเท้า อีกทั้งยังกล่าวชื่นชมออกมา

เขาคิดว่าระยะเวลาหนึ่งปีที่ไม่ได้เจอกันนั้น เหมือนกับจะเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กับผู้หญิงทั้งสี่คนนี้ ขาของฉู่หลงดูเหมือนจะยาวขึ้น รูปร่างของยวีชีชีดูเหมือนจะเซ็กซี่มากขึ้นเช่นกัน ซู่จีก็มีเสน่ห์อย่างมาก เจียงยารุก็ดูบริสุทธิ์และสง่างามเช่นนี้ พวกเธอต่างก็เป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์เย้ายวนซึ่งทำให้ผู้ชายทุกคนน้ำลายไหลได้

พูดได้ว่าบนตัวของพวกเธอนั้นมีเสน่ห์ที่ไร้ที่สิ้นสุดแผ่ออกมา

“เจ้าอันธพาล!”

“เจ้าคนหื่นกาม!”

“เจ้าคนป่าเถื่อน!”

“เจ้าอสูร!”

ใบหน้าที่งดงามของฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนแดงขึ้นมาอย่างกะทันหัน อดใจที่จะต่อว่าเซี่ยปิงไม่ได้ ในช่วงเวลานี้พวกเธอก็สังเกตเห็นการแต่งตัวของตนเองเช่นกัน

แต่ละคนต่างก็ตื่นตกใจขึ้นมา มือทั้งสองพยายามปิดส่วนต่างๆของร่างกาย แต่ไม่ว่าจะปกปิดอย่างไร ก็ไม่สามารถที่จะปกปิดได้ทั้งหมด นี่ทำให้พวกเธอโมโหและเขินอายอย่างมาก

เพราะพวกเธอไม่คาดคิดว่าในเวลานี้จะมาพบเจอกับชายคนนี้ในสถานที่แห่งนี้ได้

“จะเขินอายอะไรกัน ทำเหมือนกับว่าข้าไม่เคยเห็น”

เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างไม่สนใจ

ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนมีสีหน้าที่แดงขึ้นกว่าเดิม ปรารถนาที่จะกัดเจ้าคนป่าเถื่อนนี้จนตาย

ทว่าเมื่อพวกเธอลองคิดดูดีๆ ก็เหมือนกับว่าชายคนนี้จะได้เห็นส่วนต่างๆของร่างกายพวกเธอไม่มากก็น้อย

ฉู่หลงนึกขึ้นได้ไปถึงเหตุการณ์ครั้งแรกที่เธอได้พบเจอกับเซี่ยปิง มันคือการต่อสู้กันในสำนัก ในตอนนั้นเจ้าชายคนนี้ได้โอบกอดร่างเปลือยของเธอ อีกทั้งยังถูกเขาลักพาตัวออกไปต่อหน้าทุกๆคน

ซู่จีก็กัดฟันอย่างแน่น เดิมทีช่วงเวลาในเทือกเขาซากศพนั้น เจ้าคนป่าเถื่อนนี่ได้แอบถ้ำมองตนเอง มองดูร่างกายของเธอตั้งแต่หัวจรดเท้ารวมถึงกลุ่มเพื่อนสาวของเธอเช่นกัน

ยวีชีชีก็มีใบหน้าที่แดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเธอนึกขึ้นได้ถึงช่วงเวลาในราชวังของราชันปีศาจฉลาม เจ้าบัดซบที่ไร้ยางอายนี่ได้บุกรุกเข้ามาในบ่อน้ำวิญญาณที่เธอกำลังแช่ตัวอยู่ ถ้ำมองเธอที่กำลังอาบน้ำ

เจียงยารุก็รู้สึกอับอายจนจนจมูกแดงขึ้นมา เธอและเซี่ยปิงนั้นเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กๆ ในสมัยเด็กนั้นมีความสัมพันธ์ที่สนิทสนมกันอย่างมากรวมถึงอาบน้ำด้วยกัน เป็นช่วงที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของวัยเด็ก ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเรื่องในสมัยเด็กๆ ทว่าเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ คำพูดของเขาก็ถูกเช่นกัน

“อย่าพูดจาไร้สาระ เจ้าคนป่าเถื่อน เจ้านำเสื้อผ้าติดตัวมาด้วยใช่หรือไม่ รีบส่งมาให้พวกเราซะ” ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนต่างก็จ้องมองเซี่ยปิงอย่างดุร้าย

“ไม่มี เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะพกพาสิ่งเหล่านั้นมาด้วย”

เซี่ยปิงกลอกลูกตาไปมา เขาก็ต้องการที่จะชมภาพตรงหน้าต่อไป เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะมอบเสื้อผ้าให้กับพวกเธออย่างโง่เขลา

“เจ้าคนโกหก!”

“รีบส่งเสื้อผ้ามาเดี๋ยวนี้!”

มีที่ไหนที่ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนจะหลงเชื่อคำพูดของชายคนนี้ นี่จะต้องเป็นความตั้งใจของเจ้าหื่นกามนี่อย่างแน่นอน เป้าหมายก็เพื่อที่จะมองดูเรือนร่างของพวกเธอต่อไป

หลังจากที่พูดจบ พวกเธอก็เริ่มลงมือทันที ต้องการที่จะจับตัวเซี่ยปิง

“หืมม? ไม่คาดคิดว่าจะลงมือกับข้า ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แค่หน้าอกของพวกเจ้าเท่านั้นที่ใหญ่โต แม้แต่ความกล้าหาญก็ใหญ่โตเช่นกัน”

เซี่ยปิงพูดออกมาพร้อมกับเผยรอยยิ้ม

“เหอะ เจ้าคนหื่นกาม”

“เมื่อได้จับตัวเจ้า ดูสิว่าเจ้าจะยังวางมาดใหญ่โตเช่นนี้ได้อีกหรือไม่”

“ใช่ ในตอนนี้พวกเราไม่ได้เป็นเหมือนกับเมื่อก่อน”

“ใช่ เจ้าไม่ใช่คู่มือของพวกเรา รีบมัดมือมัดเท้าและยอมจำนนซะ”

ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนต่างก็มีความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม หลังจากที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาในระดับราชวังสีม่วงนั้น พวกเธอก็คิดว่าต่อให้เซี่ยปิงจะมีพรสวรรค์ดั่งปีศาจแค่ไหน ก็ไม่สามารถที่จะต่อกรกับพวกเธอทั้งสี่คนที่ร่วมมือกันได้

ร่างของพวกเธอได้กระพริบหายไป หลงเหลือภาพติดตาไว้ที่จุดๆเดิม มีความเร็วที่รวดเร็วอย่างสุดขีด

ภาพเงาเหล่านี้เป็นเหมือนจิ้งจอก เป็นเหมือนกับเสือดาว เป็นเหมือนกับเหยี่ยวและเป็นเหมือนกับกระต่าย มีออร่าที่ทรงอำนาจแผ่ออกมา

เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่พวกเขาเธอได้กินสมุนไพรวิญญาณเข้าไปเป็นจำนวนมหาศาลและได้บ่มเพาะร่างกายด้วยเลือดมังกรนั้น พลังเวทมนตร์ภายในร่างกายของพวกเธอก็อยู่ในจุดที่เหนือกว่าคนปกติธรรมดาถึงสิบเท่า พลังอำนาจที่ปะทุออกมานั้นไม่ใช่สิ่งที่จะเพิกเฉยได้อย่างแน่นอน

ทว่าความเร็วเช่นนี้ในสายตาของเซี่ยปิงนั้น ไม่ได้แตกต่างไปจากความเร็วของเต่า เขายืนอยู่ที่จุดๆเดิม ไม่ได้ก้าวเท้าออกไปแต่อย่างใด เพียงแค่ชูนิ้วขึ้นมาเท่านั้น

ผู้หญิงทั้งสี่ได้แสดงความสามารถทั้งหมดของตนเองออกมา ทั้งหมัดและเท้ามีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ เป็นเหมือนกับปืนใหญ่ที่ยิงออกมา ดูเหมือนเป็นกลุ่มมังกรที่กำลังกระหน่ำจู่โจม มีพลังอำนาจที่ไร้ที่สิ้นสุด

ตึบ ตึบ ตึบ!!!

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าพวกเธอจะโจมตีอย่างไรและแสดงทักษะวิทยายุทธใดๆก็ถูกเซี่ยปิงต้านทานไว้ด้วยนิ้วนี้ทั้งหมด พลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ได้เปลี่ยนกลายเป็นความว่างเปล่า เป็นเหมือนกับหยดน้ำที่ผสมผสานเข้ากับท้องทะเล ไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายใดๆได้

หลังจากต่อสู้เป็นระยะเวลาสิบนาที เซี่ยปิงก็ยังคงนิ่งเฉย ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

ทว่าฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จั้งสี่คนกลับหอบหายใจและล้มลงไป เหงื่อโชกทั่วทั้งร่างกาย

การที่ใช้พลังอำนาจอย่างเต็มกำลังเป็นระยะเวลาสิบนาทีนั้น มันได้ดูดกลืนพลังเวทมนตร์ในร่างกายของพวกเธอจนหมดไป พวกเธอไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ได้อีก

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ระยะเวลาเพียงแค่หนึ่งปี ทำไมความแตกต่างถึงได้เพิ่มขึ้นมามากเช่นนี้?”

“ใช่ เจ้าอยู่เพียงระดับราชวังสีม่วงไม่ใช่หรือ?”

“พวกเราทั้งสี่คนที่ร่วมมือกัน ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะใช้เพียงแค่นิ้วเดียว นี่มันล้ำเส้นเกินไป”

“นี่เป็นการที่เจ้ารังแกพวกเราอย่างเห็นได้ชัด ช่างไม่มีความละอายใจ”

ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนต่างก็ไม่อยากเชื่อเรื่องนี้ พวกเธอคิดว่าการที่ตนเองได้บ่มเพาะเป็นระยะเวลาหนึ่งปีนั้น แม้ว่าจะเทียบกับเซี่ยปิงไม่ได้ ทว่าความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายก็จะต้องลดลงไปมาก ไม่คาดคิดว่ามันจะเพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิมเช่นนี้

เพียงแค่นิ้วมือเดียว ก็สามารถที่จะเอาชนะพวกเธอทั้งสี่คนได้ การกระทำที่ดูถูกพวกเธอเช่นนี้ ทำให้พวกเธอโมโหอย่างมาก

“ระดับราชวังสีม่วง? นั่นมันเป็นเรื่องในอดีต ตอนนี้ข้าได้เลื่อนขั้นขึ้นมาในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว”

เซี่ยปิงยิ้มออกมาเล็กน้อย

อะไรนะ?!

ฉู่หลง เจียงยารุ ยวีชีชีและซู่จีทั้งสี่คนต่างก็ตกตะลึง ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เจ้าสัตว์ประหลาดนี่!