ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 274 ศึกแห่งจอมยุทธ์มารศักดิ์สิทธิ์!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

แม้เยี่ยนจ้าวเกอจะเห็นตนเองเป็นคนใจดีมาตลอด ทว่าหากกล่าวถึงจิตใจแล้ว เมื่อมีผู้ใดต้องการต่อกรกับตน เช่นนั้นตนก็ไม่ถึงกับต้องถอยให้

จอมมารหยวนเทียนปรากฏตัว เป็นความกดดันจากภายนอกที่ภาคบึงน้ำไร้ขอบเขตตั้งใจสร้างให้เขากว่างเฉิงอย่างไม่ต้องสงสัย เพื่อดึงดูดความสนใจของทั้งสำนัก ล่อเสือออกจากถ้ำ ฉกฉวยโอกาสในสถานที่อื่น

ต่อให้หนอนบ่อนไส้มีระดับพลังฝึกปรือสูงเพียงใด อยากจะชักนำหยวนเทียนลอบเข้าสู่ศูนย์กลางเขากว่างเฉิง เช่นนั้นทั้งสำนักคงจะเห็นเป็นเรื่องเล็กไม่ได้แล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้เขากว่างเฉินจนใจก็คือ หยวนเทียนปรากฏตัวเช่นนี้ จะไม่สนใจคงไม่ได้

ไม่เช่นนั้นการทำลายล้างที่กำเริบเสิบสาน อีกทั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นในเวลาอันสั้นจากคนผู้นี้ อาจจะรุนแรงเทียบการมาถึงของนพยมโลกไม่ได้

หากถูกคนนอกก่อความวุ่นวายบนพื้นที่ของตนเอง และเขากว่างเฉิงยังคงปิดสนิท เช่นนั้นพวกเขาก็คงเสียหน้าแ

ส่วนการที่หยวนเทียนมายังเขตสัจจเมฆ ถือโอกาสจัดการเยี่ยนจ้าวเกอ นั่นเป็นเรื่องที่อยู่ในแผนการ

ภายในนั้นอาจจะยังมีความคิดบีบบังคับให้เยี่ยนตี๋นำเสื้อคลุมนภาออกจากเขามาด้วยก็เป็นได้

ถึงพวกเยี่ยนจี๋จะไม่ใช่คนขี้ขลาด แต่ช่วงเวลาละเอียดอ่อนเช่นนี้ หยวนเจิ้งเฟิงเข้าณานอยู่ในจุดหัวเลี้ยวหัวต่อ ความคุกคามจากภายในและภายนอกถาโถมเข้ามาพร้อมกัน ไม่แน่ว่าเขากว่างเฉินอาจจะกระทำการที่ขัดกับหลักการของตน อดทนอดกลั้น หลังจากนั้นค่อยคิดบัญชีกับหยวนเทียนอย่างช้าๆ

จับเยี่ยนจ้าวเกอไว้ ก็เพื่อเพิ่มแต้มต่อในการบีบเยี่ยนตี๋ออกจากสำนัก

หยวนเทียนปรากฏตัว ตอนนี้จะหนีก็คงไม่ทันเช่นกัน เยี่ยนจ้าวเกอสงบจิตใจ ทอดสายตามองไกลออกไปอย่างใจเย็น

ตรงเส้นขอบฟ้าแสนไกลนั้น ไอหมอกสีเทาหลายสายปรากฏขึ้นปกคลุมไปทั่ว กำลังโลกสะพัดมาทางเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน

ท้องฟ้าและแสงอาทิตย์ที่เดิมทีส่องสว่าง เวลานี้หายไปไม่เห็นโดยสิ้นเชิง ระหว่างฟ้าดินเหลือเพียงสีเทาขมุกขมัวทั้งผืน

ท่ามกลางทะเลหมอกสีเทากว้างใหญ่ ปรากฏเงาร่างนับไม่ถ้วนขึ้นมาเลือนราง เมฆสีเข้มราวกับกลายเป็นใบหน้าที่เจ็บปวดและปิดเบี้ยวมากมาย มองลงมาจากเบื้องบน พลางส่งเสียงคำรามอย่างไร้เสียงพร้อมๆ กัน

เยี่ยนจ้าวเกอและพวกอาหู่รู้สึกได้ถึงความมืดมิดและหนาวเหน็บเป็นระลอกๆ ได้อย่างชัดเจน

นั่นไม่ใช่ความหนาวเย็นที่เกิดขึ้นจากร่างกายและประสาทสัมผัส แต่เป็นความรู้สึกเย็นที่ก่อตัวขึ้นในจิตใจ เหมือนกำลังเผชิญหน้ากับความน่าประหวั่นพรั่นพรึงที่หมายจะเอาชีวิต

ชายหนุ่มมองเมฆดำนั่น พยักหน้าพลางกล่าวกับตนเอง ‘มีเงาของเผ่ามารที่ไม่แน่นอนในอดีตอยู่หลายส่วนจริงๆ เพียงแต่ไม่รู้ว่าภายในเป็นความคิดที่เริ่มแทรกซึมเข้าสู่ฝ่ายธรรมหรือยัง’

เท่าที่เยี่ยนจ้าวเกอรู้ เผ่ามารที่ไม่แน่นอนก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่เคยพบเจอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตั้งแต่แก่นของหลักการ จนถึงการสืบทอดของยอดฝีมือในสำนัก ล้วนมีการโต้เถียงและเปลี่ยนถ่ายอย่างช้าๆ

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงระหว่างนั้น เยี่ยนจ้าวเกอไม่รู้ เพียงแค่ได้ยินข่าวลือมาบ้างก็เท่านั้น

ทว่าภายในเผ่ามารที่ไม่แน่นอนยังไม่มีการกำหนด จึงกลับคืนสู่ฝุ่นละอองเช่นเดียวกับฟ้าดิน คล้ายกับตามการมาถึงของวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่

บัดนี้เห็นเมฆดำมืดฟ้ามัวดิน ความรู้สึกของเยี่ยนจ้าวเกอเกิดความไม่ชัดเจนขึ้นมาบ้างอย่างอดไม่อยู่ ในหัวปรากฏความทรงจำในอดีตขึ้นมามากมาย

เมฆดำปกคลุมทั่วทั้งฟ้าดินในพริบตา ปิดบังแสงตะวัน ทำให้เขตสัจจเมฆาราวกับจมดิ่งสู่รัตติกาล

หยวนเทียนมาถึงแล้วก็ไม่พูดมา เจตจำนงหมัดวรยุทธ์ที่แก่กล้ากดอัดลงมา แม้จะเป็นเพียงเจตจำนงหมัดลวงตา แต่ก็แข็งตัวราวกับจะจับต้องได้

ค่ายกลคุ้มกันของเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน ราวกับแท้จริงแล้วไม่มีอยู่ เมื่ออยู่เบื้องหน้าของหยวนเทียน

มังกรแสงหลายสายยังคงเริงระบำ ทว่าไร้ประโยชน์ ไม่อาจป้องกันหยวนเทียนไว้ได้โดยสิ้นเชิง

ราวกับว่าไม่จำเป็นต้องแยกแยะ เจตจำนงหมัดของหยวนเทียนก็กำหนดเป้าหมายไว้ที่เยี่ยนจ้าวเกอแล้ว

ร่างกายของเยี่ยนจ้าวเกอเริ่มลอยขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้

ส่วนอาหู่ พวกเยี่ยนเหวินเจิน และคนที่อยู่ในเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน ต่างก็รู้สึกร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาโดยทั่วกัน

จากนั้นพวกเขาเพียงรู้สึกว่าอวัยวะภายในร่างกายของตนเองทั้งหมด คล้ายกับถูกคนใช้มือจับไว้ แล้วออกแรงบีบ

กระดูทั้งสรรพางค์กายส่งเสียงกรอบแรบดังขึ้น ทั้งร่างราวกับจะเบิดออกมา เส้นเลือดแตกสลาย โลหิตพ่นออกมาจากทุกรูขุมขนทั่วร่าง!

ผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ รวมถึงเยี่ยนเหวินเจินที่มีระดับพลังฝึกปรือสูงที่สุด ก็อยู่เพียงระดับมหาปรมาจารย์ขั้นสี่ ขั้นกำเนิดญาณระยะต้น

หยวนเทียนไม่จำเป็นต้องปรากฏตัว ก็จัดการผู้คนในที่ตรงนี้ได้แล้ว เขาต้องการจับเป็นเยี่ยนจ้าวเกอ ขณะเดียวกันก็ต้องการพังราบเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนด้วย

แม้ตนเองจะเป็นเป้าหมาย ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอที่เผชิญหน้ากับความสามารถของหยวนเทียน กลับยังมีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด ยิ่งใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจพิจารณาเจตจำนงหมัดวงรยุทธ์ของหยวนเทียนด้วยซ้ำไป

จอมมารหยวนเทียนอาจจะสังเกตเห็นความผิดปกติของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไร เพียงแค่เดินหน้าทำตามแผนการของตนเองต่อไป

ในฐานะที่เห็นหนึ่งในจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกของยุคปัจจุบัน เขามีพลังและความมั่นใจนัก

น่าเสียดาย ความคิดของเขาไม่มีทางเป็นจริงได้

ฟ้าดินพลันสั่นสะเทือนระลอกหนึ่ง ปราณบริสุทธิ์หลายสายปรากฏ เจือจางเมฆดำเต็มท้องฟ้าในพริบตา แสงอาทิตย์เหนือท้องนภาส่องสว่างรำไร ทะลุผ่านชั้นเมฆ พาให้ผืนดินไม่มืดมนอีกครั้ง

เจตจำนงดาบทรงพลังผ่าขอบฟ้า ฟัรเจตจำนงหมัดที่หยวนเทียนสร้างขึ้นเหนือเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน

กลางเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน เยี่ยนจ้าวเกอเพิ่งจะลอยตัวขึ้ยสองหรือสามหมี่เท่านั้น ก็ตกลงมาบนพื้นอีกครั้งแล้ว

อาหู่และพวกเยี่ยนเหวินเจินถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างพร้อมเพรียง ไม่ได้รู้สึกกดดันจนร่างแทบจะระเบิดอีกต่อไป

เมฆดำกลางท้องฟ้าเกลือกกลิ้ง กระจายออกไปทางสองด้าน เผยให้เห็นคนผู้หนึ่ง เป็นบุรุษวัยกลางคนใบหน้าซีดเซียว แต่งกายราวกับบัณฑิต

นั่นก็คือจอมมารหยวนเทียน ผู้มีชื่อเสียงลือเลื่องไปทั่วทั้งโลกแปดพิภพ!

หยวนเทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสื้อคลุมนภาและเยี่ยนตี๋เล่า?”

ลมและเมฆระหว่างฟ้าดินพัดกระพือ บุรุษผู้ผ่าเผยและห้าวหาญ ดูแล้วอายุไม่เกินสามสิบปีต้นๆ ทว่าไรผมกลับมีเส้นผมสีดอกเลาเล็กน้อยปรากฏตัวขึ้น เขาคือบิดาของเยี่ยนจ้าวเกอ ผู้รับตำแหน่งเจ้าสำนักแห่งเขากว่างเฉิงในบัดนี้ เยี่ยนตี๋

เมื่อเห็นเยี่ยนตี๋ปรากฏตัว พวกเยี่ยนเหวินเจินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกอย่างพร้อมเพรียง

หยวนเทียนจับจ้องเยี่ยนตี๋ หรือจะพูดว่าความสนใจของเขารวมศูนย์อยู่ที่ชุดคลุมสีขาวที่พาดอยู่บนไหล่ของอีกฝ่ายมากกว่า

ชุดคลุมสีขาวตัวใหญ่ แขนเสื้อกว้างคลุมอยู่บนตัวของเยี่ยนตี๋ ราวกับว่าทำให้ความว่างเปล่าโดยรอบบิดเบี้ยว เต็มไปด้วยความน่าอัศจรรย์ เปลี่ยนระหว่างฟ้าดินให้กลายเป็นท่อนบนของชุดคลุม

ปราณบริสุทธิ์หลายสายแผ่ขยายออกไปทั้งสี่ทิศแปดทางจากชุดคลุมสีขาวนี้ ยิ่งราวกับเก็บโลกที่อลหม่านเอาไว้ภายใน

“เสื้อคลุมนภา” หยวนเทียนพยักหน้า พลางมองเยี่ยนตี๋ “เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะนำเสื้อคลุมนภาออกจากเขากว่างเฉิงด้วยตนเอง หรือว่ามาหาข้าโดยเฉพาะ? เจ้ารู้ว่าข้าจะต้องปรากฏตัวอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?”

สองมือของเยี่ยนตี๋ไพล่อยู่ด้านหลัง เขามองหยวนเทียน จอมมารศักดิ์สิทธิ์อย่างสงบนิ่ง ไม่ตอบคำถาม กลับย้อนถามว่า “หยวนเทียน ด้วยพลังและตำแหน่งของเจ้า เหตุใดต้องอุทิศตนให้นพยมโลกด้วย พวกมันให้อะไรกับเจ้า หรือว่าต้องการให้อายุยืนยาว จึงทอดทิ้งความดีงามทั้งสิ้นไป?

หยวนเทียนส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก เดิมคิดเพียงบีบเจ้าออกจากเขากว่างเฉิง บัดนี้เจ้าออกมาเองแล้ว ข้านับว่าสมดังใจหวัง”

“ความคิดของพวกเจ้า ข้าพอจะเดาได้อยู่บ้าง คงจะพยายามไหลไปตามน้ำก่อน โจมตีข้าจนรับมือไม่ไหว แล้วเจ้าก็ช่วยบุตรชายของเจ้าไป จากนั้นค่อยเร่งรุดกลับไปที่เขากว่างเฉิง เช่นนี้คนของพวกข้าอาจจะตอบโต้ไม่ทัน และลงมือที่เขากว่างเฉินทันกาล”

เยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ด้านล่าง มุมปากยกโค้งขึ้นเล็กน้อย

บิดาของตนและหยวนเทียนไม่ได้ตั้งใจจะตอบคำถามของอีกฝ่าย แม้น้ำเสียงจะเรียบเฉย แต่ก็เชือดเฉือนถากถางกันอยู่ตลอด

พลังอันน่าหวาดหวั่นของยอดฝีมือทั้งสองเริ่มปะทะกันรุนแรงขึ้นตั้งแต่พบหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างกดอัดกัน ทำให้ฟ้าดินโดยรอบสั่นสะเทือนตามไปด้วย

หยวนเทียนมองเยี่ยนตี๋ แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “แต่เจ้าคิดจะพาบุตรชายหนีไปต่อหน้าข้า คิดว่าง่ายเช่นนั้นเลยหรือ?”

เขาพูดพลางยกมือขึ้น กำเป็นหมัด

พลังน่าครั่นคร้ามจับตัวกันในพริบตา

หมัดหนึ่งจู่โจม พลังรุนแรงสะท้านฟ้า!