ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 273 จอมมารมาจู่โจม!

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ได้ยินคำตอบของลู่เวิ่นแล้ว สวีเฟยสูดลมหายใจเข้าลึกคำหนึ่ง “คนผู้นั้นเป็นใคร?”

เขารู้สึกไม่ปลอดภัยลึกๆ ในใจ

ลู่เวิ่นกลับส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้ว่าคนคนนั้นเป็นผู้ใด เสียงของเขาคล้ายกับผ่านการปลอมเสียง ข้าไม่อาจแยกแยะ หากแต่พลังฝึกปรือของเขาสูงอย่างยิ่ง”

หลังจากได้ยินคำตอบของลู่เวิ่น ในใจสวีเฟยหาได้ผ่อนคลายลงไม่

ถึงแม้ว่าลู่เวิ่นจะไม่ได้เอ่ยนามกรที่ทำให้คนตื่นตกใจ ทว่าคนที่สามารถเข้าออกสถานที่เข้าฌานของลู่เวิ่นได้อย่างอิสระ ภาระหน้าที่ล้วนไม่เบา

อาจารย์ของเขาฟางจุ่น สามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระ เพียงแต่โดยปกติแล้วสถานการณ์ที่ไม่มีอะไรพิเศษ ฟางจุ่นจะไม่ทำเช่นนั้น

นอกจากฟางจุ่นแล้ว ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณคนอื่นๆ ก็มีความสามารถเข้ามาที่นี่โดยไร้ทิ้งร่องรอย ไร้สุ้มเสียงได้เช่นกัน

ต่อให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์เช่นเขากว่างเฉิงนี้ มหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณก็มีอยู่จำกัดเช่นกัน ทั้งหมดล้วนเป็นผู้กุมอำนาจระดับสูงในสำนักทั้งสิ้น

สถานการณ์แบบสุดท้าย ค่อนข้างสัมพันธ์กัน นั่นก็คือจอมยุทธ์กว่างเฉิงระดับผู้อาวุโสคุมการณ์ ที่รับผิดชอบหน้าที่ในตำหนักสืบวิชาเหมือนเช่นสวีเฟย

กระนั้นแม้จะเป็นสถานการณ์แบบสุดท้าย ก็ไม่ใช่ข่าวคราวที่ทำให้ผู้คนมองในแง่ดีเท่าใดนักเช่นกัน

สวีเฟยเอ่ยถามอย่างสุขุม “จากตอนที่คนผู้นั้นเข้ามาหาเจ้า นานเท่าใดแล้ว?”

หลังลู่เวิ่นไตร่ตรองในใจครู่หนึ่ง จึงกล่าวตอบ “ประมาณสิบวันก่อน”

สวีเฟยพยักหน้าอย่างไร้สุ้มเสียง ในใจกลับรู้สึกหนักอึ้ง

สิบวันก่อน นับเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นระยะนี้เช่นกัน ห่างจากเหตุการณ์ที่กลุ่มผู้อาวุโสหลิวถูกจับนานยิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นไส้ศึกภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตเหล่านั้น ที่ถูกเปิดโปงไปแล้วอย่างแน่นอน

นี่หมายความว่า ภายในสำนักเขากว่างเฉิงยังคงมีคนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตอยู่จริง อีกทั้งตำแหน่งและพลังฝึกปรือค่อนข้างสูงเป็นแน่

หลังจากสวีเฟยรอให้ลู่เวิ่นปรับลมปราณครู่ใหญ่ จึงเอ่ย “ศิษย์น้องลู่ ถ้าหากตอนนี้สภาพร่างกายเจ้าไม่มีปัญหาล่ะก็ พวกเราไปพบท่านผู้อาวุโสสำนักด้วยกันเถอะ”

ถึงแม้สภาพจิตใจของลู่เวิ่นจะเซื่องซึมอยู่บ้าง ทว่าก็ยังคงผุดลุกขึ้น “ตกลง”

ทั้งสองพบสทอเถี่ย อาจารย์ของสวีเฟยเป็นอันดับแรก

สีหน้าท่าทางสือเถี่ยสงบเย็นสุขุม ไม่เห็นความแปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย หลังจากสอบถามสวีเฟยและลู่เวิ่นอย่างละเอียด เขาก็กล่าวด้วยความลังเลว่า “ไปพบศิษย์น้องฟางก่อนค่อยว่ากันเถิด”

พวกเขามุ่งหน้าไปยังตำหนักปฏบัติกิจ กลับได้รับแจ้งว่าฟางจุ่นออกไปข้างนอกก่อนหน้าไม่นาน

ที่พำนักของฟางจุ่น เขาก็ไม่ได้กลับมาเช่นกัน

พวกสือเถี่ยค้นพบด้วยความงงงัน ชั่วเวลาหนึ่งหาร่องรอยของฟางจุ่นไม่พบอย่างคาดไม่ถึง

แม้จะบอกว่าด้วยพลังฝึกปรือของฟางจุ่น หากต้องการอำพรางตัว ทั่วทั้งสำนักเขากว่างเฉิงมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถค้นพบ ทว่าถ้าหากไม่มีเหตุผลเป็นพิเศษ ก็ชัดเจนว่าฟางจุ่นไม่ต้องทำเช่นนี้

อยู่ในช่วงปีที่เกิดเรื่องมากมายพอดี ปฏิกิริยาไวทุกขณะ แน่นอนทำให้ผู้คนผุดความคิดเชื่อมโยง

สวีเฟยและลู่เวิ่นมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่ไรดวงหน้าของลู่เวิ่นก็ไม่มีเลือดฝาด บัดนี้ยิ่งซีดเผือดทวีคุณ

มีเพียงสือเถี่ยที่ยังสงบนิ่งดังเดิม เขาเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “เรื่องนี้ผิดปกติ แต่ก่อนที่จะเข้าใจสถานการณ์ ก็อย่าคิดมาก”

“ลองหาดูเกิดเถอะ แต่ไม่ต้องกระโตกกระตากไป แจ้งแค่เพียงพวกศิษย์น้องเยี่ยนและท่านอาจารย์อาไม่กี่คน รายงานเตรียมเอาไว้ก่อนก็พอ”

ครั้นสือเถี่ยพูดจบ เขากวาดสายตาผ่านสวีเฟย แล้วมองไปยังลู่เวิ่น “ตัวข้า ยินดีเชื่อใจศิษย์น้องฟาง”

สวีเฟยและลู่เวิ่นต่างผงกศีรษะตอบรับ ทว่าในสายตาของทั้งสองคนยังคงมีแววกลัดกลุ้มปรากฏอย่างไม่อาจระงับอยู่

ถ้าหากฟางจุ่นไม่ใช่คนในภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต กระนั้นตอนนี้เขาหายตัวไป เกรงว่าสถานการณ์เห็นท่าไม่ดีนัก เป็นไปได้ว่าค้นพบเรื่องอะไรจวนตัว ถูกมัดแขนขาหมดทางปลีกกาย

…ทว่าก็มีความเป็นไปได้ที่จะประสบหายนะแล้วเช่นกัน แม้ว่าพลังความสามารถฟางจุ่นจะล้ำเหนือคนทั่วไปก็ตาม

ถ้าแม้แต่ฟางจุ่นล้วนไม่อาจตอบโต้ เช่นนั้นความโหดเหี้ยมรุนแรงในการโจมตีครั้งนี้ของอีกฝ่าย ครุ่นคิดก็พอรู้ได้

แท้จริงแล้วนี่ยังคงเป็นการคิดในแง่ดี

ส่วนในแง่ร้าย หากฟางจุ่นเข้าร่วมกับนพยมโลกกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต…

สวีเฟยกับลู่เวิ่นต่างนิ่งเงียบด้วยกันทั้งคู่ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดต่อไปอีกหน่อย

สือเถี่ยเอ่ย “สุดท้ายแล้วศิษย์น้องฟางเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ยังคงไม่รู้ได้ หากแต่เชื่อมโยงกับเรื่องตระกูลศิษย์น้องเยี่ยน กับการประสบของเจ้าลู่เวิ่น อีกทั้งการหายตัวไปอย่างผิดปกติของศิษย์น้องฟาง สามารถยืนยันได้ว่าอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเตรียมจะก่อการแล้ว”

“ไม่แพร่งพรายเรื่องค้นหาศิษย์น้องฟาง แต่ทั่วทั้งสำนักในตอนนี้ ต่างก็กำลังเตรียมการโต้ตอบการโจมตีของศัตรูภายนอก รวมถึงการโต้ตอบกับไส้ศึกที่อาจมีอยู่ภายใน ต้องยกระดับการระมัดระวังขึ้นอีกขั้น เตรียมป้องกันเต็มกำลัง หากอีกฝ่ายจะลงมือ ก็ตอนนี้แหละ”

ระหว่างไปหาหาสือเถี่ยเมื่อครู่ ลู่เวิ่นได้ฟังสวีเฟยเล่าเรื่องใหญ่ภายนอกแต่ละเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ซึ่งเกิดขึ้นตอนที่เขาเข้าฌานอยู่แล้วเช่นกัน

ขณะนี้เขาและสวีเฟยกล่าวตอบอย่างเคร่งครัดพร้อมกัน “ขอรับ ศิษย์เข้าใจ เรื่องนี้แจ้งศิษย์ในสำนักคนอื่นๆ ”

สวีเฟยเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่พยับเมฆปกคลุมหนาแน่น สายตานิ่งงัน “ดูเหมือนว่ามรสุมหนนี้คงไม่น้อยจริงๆ”

เขตสัจจเมฆาแห่งเกาะนภากลาง ภายในเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยน ในขณะนี้เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่กลางลาน กำลังแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเช่นกันเดียวกัน

ที่นี่ปลอดโปร่งเป็นหมื่นลี้ แสงอาทิตย์ดาษดื่นงามวิจิตร

ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่ได้ผ่อนคลาย ครุ่นคิดในใจตลอดเวลา ‘หากข้าเป็นอีกฝ่าย ข้าจะทำเช่นไร?’

‘ท่านอาจารย์ปู่ที่เข้าฌานอยู่ ถ้าเหยียบย่างขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้สำเร็จ ก็เป็นความหวังและหลักประกันอีกขั้นในอนาคตอันใกล้นี้ของสำนัก’

‘ในอีกแง่หนึ่ง ท่านอาจารย์ปู่กำลังอยู่ในสภาวะที่ตัวเองอ่อนแอที่สุด ถ้าหากมีศัตรูตีขนาบทั้งนอกและในล่ะก็ ช่างเป็นเป้าและจุดหมายที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยจริงๆ ที่กล่าวว่าตัดไฟแต่ต้นลม ไม่ผิดไปจากนี้’

‘ท่านพ่อควบคุมเสื้อคลุมนภากับมหาค่ายกลคุ้มกันภูเขา เป็นจุดแกร่งที่สุดของสำนักในตอนนี้จุดหนึ่ง แต่ในทางกลับกัน หากท่านพ่อพลั้งพลาด สำนักก็จะพังพินาศทันที’

‘ท่านอาจารย์ลุงใหญ่กับข้า ล้วนมีรอยประทับมารอยู่บนร่าง ยังไม่ได้ขจัดให้หมดไป พวกเราทั้งสองดับสิ้น ก็เป็นไปได้ที่ประตูนพยมโลกเกาะทรายจะเปิดออกอีกครั้ง สำหรับสำนักแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่อาจไม่ป้องกันเช่นกัน’

‘เดิมทีท่านอาจารย์ลุงใหญ่พลังพลังฝึกปรือสูง แต่ข้าทำลายมหาค่ายกลแดนมารและแผนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่าจะดึงความสนใจพวกเขา ให้ลอบสังหารหนักยิ่งขึ้น’

เยี่ยนจ้าวเกอนวดขมับตนเอง ‘ประเด็นสำคัญคือ ไม่รู้ว่าในระดับสูงของสำนักยังมีคนของภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตอยู่หรือไม่ แผนการมามายไม่อาจเผย หาไม่แล้วหากรั่วไหล อีกฝ่ายอาจซ้อนแผน ถึงเวลาพ่ายแพ้ย่อยยับยิ่งกว่าเดิม’

‘เพราะเช่นนั้น ป้องกันทั้งวันทั้งคืน คนร้ายในบ้านยากป้องกัน…’

ขณะเยี่ยนจ้าวเกอกำลังใคร่ครวญอยู่นั้น อาหู่กุลีกุจอเข้ามา “คุณชายขอรับ ทางผู้อาวุโสคุมการณ์เขตเชื่อมทะเลสาบมีรายงานด่วนส่งมา มีคนวางค่ายกลที่นั่น ต้องการชักนำนพยมโลกมาย่างกราย!”

“จิ๊ ครั้งนี้ไม่ต้องเดาว่ามีหรือไส้ศึกหรือไม่แล้ว มีเป็นแน่แท้ ปัญหาอยู่เพียงแค่ว่าผู้ใด” เยี่ยนจ้าวเกอกลอกตาครั้งหนึ่ง

เขตเชื่อมทะเลสาบเหมือนเช่นเขตสัจจเมฆา ต่างอยู่ในเขตแดนเกาะนภากลาง เป็นดินแดนใจกลางของเขากว่างเฉิง

สถานที่แห่งนี้ถูกคนลอบเข้ามาลับๆ ตั้งค่ายกลพยายามเปิดประตูนพยมโลก หากไม่มีไส้ศึกคอยประสานภายใน กระนั้นก็เรียกว่าเห็นภูตผีแล้ว

อีกทั้ง ยังต้องเป็นตัวประสานที่ฐานะและตำแหน่งไม่ต่ำต้อย

หลังจากกลุ่มเยี่ยนเหวินเจินได้รับข่าว ล้วนสงบอารมณ์ลง เยี่ยนจ้าวเกอกล่าว “ไม่ง่ายเช่นนั้น จุดไฟที่ประตูสำนัก สาดน้ำไปเสียกระถางหนึ่งก็ดับแล้ว คิดอยากให้ไฟลุกไหม้ขึ้นมาจริงๆ ต้องมีคนที่ใช้อุบายขัดขวางพวกเราไม่ให้ดับไปเหล่านี้เป็นแน่”

ระหว่างที่เอ่ยอยู่นั้น พลังกดดันมหาศาลกลุ่มหนึ่งที่ทำให้จิตใจเยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกสั่นและชา พลันผงาดขึ้นบริเวณไกลออกไป ชั่วพริบตาปกคลุมฟ้าดินหมื่นลี้!

“เวร!” อาหู่ได้สติ พลันสบถออกเสียง “จอมยุทธ์ศักดิ์?”

เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจยาวครั้งหนึ่ง “มาแล้วดังคาด จอมมารหยวนเทียน”

———————————