บทที่ 196 ณ คฤหาสน์บ้านสวน

Throne of Magical Arcana ศึกบัลลังก์เวทอาร์คานา

“ชื่อของเจ้าคือ ลูเซียน  อีวานส์ ใช่หรือไม่” ชายหนุ่มผมดำที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและเสื้อกั๊กสีดำยิ้มขึ้น “เค พูดเสมอว่าเป็นชื่อที่ธรรมดามาก แต่ข้าไม่เชื่อเขา ตอนนี้ข้าเห็นแล้ว… ฮ่าฮ่า”

ชายหนุ่มคนนี้คือ ร็อค นักเวทระดับสอง ร็อค เก่งเรื่องธาตุและคณิตศาสตร์ เขาเป็นคนหนุ่มที่ร่าเริงและรักในการเล่นมุขมากๆ

ก่อนที่ลูเซียนจะตอบกลับ ร็อคก็พูดต่อว่า “ข้าจะแนะนำเจ้ากับเคให้ไม่ต้องกังวล เคเป็นคนง่ายๆ แม้ว่าเขาจะค่อนข้างเก็บตัวก็ตาม ไม่เหมือนบางคนที่มาจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า เคเป็นคนขยัน มีพรสวรรค์และเขาเต็มใจช่วยเหลือเสมอ!”

เมื่อลูเซียนกำลังจะเปิดปากพูดอะไรบางอย่างร็อคก็ตัดบทเขาอีกครั้งหนึ่ง “ข้ารู้ว่าเจ้าต้องสงสัยว่าทำไมข้าถึงบอกว่าบางคนจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้า นั้นค่อนข้างหยิ่ง เชื่อใจข้าเถอะ ลูเซียน ข้าไม่อคติหรือกนะในวารสารอาร์คานาฉบับล่าสุดที่บรูคได้พิสูจน์ว่า แสงเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดพิเศษ คนจากสำนักแม่เหล็กไฟฟ้าพวกนั้นก็อ้างว่าพลังทางจิตวิญญาณก็เป็นคลื่นชนิดหนึ่ง และก็มาหัวเราะเยาะพวกเราทุกวันเพราะพวกเรายืนยันในทฤษฎีของอนุภาค! มาเถอะ…  ยังมีการทดลองเวทมนตร์อีกมากที่คลื่นไม่สามารถอธิบายได้ และผู้อำนวยการก็ยังไม่แสดงปฏิกิริยาใดใดต่อทฤษฎีของบรูค”

ลูเซียนรู้สึกขบขันและเขาก็เหลือบมองไปที่ลาซาร์อย่างรวดเร็ว ลูเซียนคิดว่าลาซาร์เป็นคนช่างพูดไปแล้วนะ แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าลาซาร์ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของร็อคด้วยซ้ำ ลูเซียนได้รู้เกี่ยวกับแนวโน้มด้านการวิจัยใหม่ๆ ในสภาจากคำพูดของร็อค ดังนั้นเขาจึงตั้งใจฟังอย่างอดทน

ลาซาร์แสดงความคิดเห็นว่า “ร็อคเป็นแบบนี้เสมอ ตั้งแต่วารสารอาร์คานาฉบับล่าสุดออกมานักเวทอย่างร็อคที่อาศัยอยู่ในอัลลินตลอดเวลา และเป็นคนที่ยืนยันที่จะใช้ทฤษฎีอนุภาคในการค้นพบพลังทางจิตวิญญาณจะรู้สึกกดดัน และมีความเครียดจากทฤษฎีใหม่ ส่วนข้ามีความรู้สึกที่ทั้งเสียใจและภูมิใจในเวลาเดียวกัน มันเป็นความรู้สึกที่ผสมปนเปกันอยู่กับทฤษฎีใหม่และเก่า”

เจอโรมและภรรยาคนสวยของเขากำลังฟังและยิ้มไปด้วย

ดูเหมือนว่าตามปกตินักเวทจะเป็นผู้สนับสนุนทฤษฎีอนุภาค นอกจากแรงกดดันมหาศาลจากศาสนจักรแล้วก็ยังมีความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรงในหมู่ผู้สนับสนุนทฤษฎีต่างๆ

เมื่อลาซาร์ และร็อคจบการสนทนาของพวกเขาลง ลูเซียนและเจอโรมที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาและกำลังดื่มชาดำที่เวร่าเป็นผู้ชง แม้ว่าชายผมสีน้ำตาลท่าทางดูธรรมดาคนนี้จะดูไม่ใช่คนที่เก่งกาจ แต่เราก็สามารถพบความสุขในแววตาของเจอโรมได้เวร่าภรรยาของเขาเป็นเด็กสาวที่มีอายุราวยี่สิบสามปี นางมีผมสีแดงพร้อมกับใบหน้าที่น่ารัก

“ท่านอีวานส์ ขอให้เพลิดเพลินกับการดื่มชา ข้าจะไปเตรียมอาหารเย็น” เวร่ากล่าวอย่างสุภาพและออกจากห้องนั่งเล่น

ร็อคถอนหายใจด้วยความขมขื่น “เจ้าไปพบผู้หญิงที่ดีเช่นนี้ได้อย่างไรเจอโรม ผู้หญิงหลายคนที่ข้ารู้จักพวกนางยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นภรรยาที่ดีได้อย่างไร…”

เจอโรมยิ้มอย่างอายๆ

“ร็อค โครงการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ลาซาร์ ถาม

“ถูกปฏิเสธ คณะกรรมการคิดว่าข้าล้อเล่น” ร็อค พูดด้วยความหดหู่เล็กน้อย

“โครงการอะไร?” ลูเซียนถามอย่างสงสัย

“โครงการที่ยอดเยี่ยม!” ร็อคอธิบายอย่างตื่นเต้น “ในฐานะนักเวทจากหอคอย ข้าคิดว่าทุกอย่างสามารถแสดงออกมาได้ด้วยตัวเลขได้สิ่งที่เราทำได้คือการคิดระบบตัวเลขมาตรฐาน เพื่อแสดงว่าเวทมนตร์มีประสิทธิภาพมากขนาดไหนหรือวัดระดับพลังป้องกันของนักเวท ในอนาคตเมื่อนักเวทสองคนต้องการต่อสู้กัน ตัวเลขจะสามารถวัด บันทึก และแสดงผลลัพธ์ได้โดยตรงและจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ”

“แล้วถ้าหากนักเวททั้งสองมีทั้งข้อเสียและข้อดีล่ะ” ลูเซียนถามอย่างสับสน

“ใช่” ร็อคหยิบกระดาษกองหนึ่งออกมาและเริ่มเขียน “ตัวอย่างเช่นจำนวนพลังวิญญาณทั้งหมดของข้าคือ… 105 และลาซาร์คือ 96 …”

“เฮ้… ทำไมของข้าถึงต่ำกว่าของเจ้าล่ะ” ลาซาร์ไม่พอใจกับค่าตัวเลขที่ตั้งไว้

จากนั้นพวกเขาก็เริ่มโต้เถียงกัน

“พวกเขาเป็นแบบนี้ เหมือนเด็กๆ “ เจอโรมยิ้มให้ลูเซียน

“เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงเป็นเพื่อนที่ดี” ลูเซียนพยักหน้า คำที่ “ไม่ดี” เหล่านั้นที่ลาซาร์เคยอธิบายถึงตัวร็อคก็เหมาะกับตัวเขาเช่นกัน

ลูเซียนและเจอโรมไม่สนใจทั้งลาซาร์และร็อค พวกเขาเริ่มถกกันเรื่องสำนักโหราศาสตร์และธาตุ และพวกเขาก็สนุกกับการสนทนาอย่างมาก พวกเขาสองคนรู้สึกเสียใจที่ไม่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้

“อาหารเย็นพร้อมแล้ว” เวร่ากลับมาที่ห้องนั่งเล่นตามด้วยคนรับใช้ที่กำลังเข็นรถเข็นอาหารเข้ามา

ลูเซียนวางถ้วยชาลงแล้วก็หันไปเห็นว่าลาซาร์ และร็อคยังคงเล่นเกมไพ่อยู่

“กระสุนระเบิดเวท พลังโจมตีระดับห้า” ร็อควางไพ่หนึ่งใบ

“โล่เพลิง พลังป้องกันระดับเจ็ด” ลาซาร์ดึงไพ่ออกมาอย่างจริงจัง

“พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไรกัน?” เจอโรมถามอย่างสงสัย

“ข้าต้องยอมรับว่าโครงการของข้ายังไม่ดีพอ” ร็อคขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วยิ้มขึ้น “แต่มันสามารถกลายเป็นเกมไพ่ที่ยอดเยี่ยมได้! เดี๋ยวก่อน… ข้าต้องทิ้งไพ่”

ลูเซียนถึงกับพูดไม่ออก เขาไม่เข้าใจวิธีคิดของร็อคเลย

อย่างไรก็ตามตอนนี้ร็อคก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “สเต็กและปลาย่าง… กลิ่นที่หอมหวาน… เวร่าทำไมเจ้าถึงเลือกที่จะอยู่กับเจอโรม”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้นักเวททั้งสามกำลังรู้สึกอิจฉาการแต่งงานอันแสนหวานของพวกเขา

หลังอาหารค่ำลูเซียน และร็อคก็กล่าวคำอำลากับลาซาร์ และเดินทางกลับไปที่บ้านพักรวมของพวกเขา

แม้จะมีอาจารย์ไม่กี่คนในสำนักแต่ก็มีเพียงอาจารย์ที่แต่งงานแล้วเท่านั้นที่จะมีคฤหาสน์ในสำนักเวทมนตร์ ก่อนที่ลาซาร์จะกลับ ร็อคก็ได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมห้องของลูเซียน และขอแลกเปลี่ยนที่อยู่เพื่ออยู่ร่วมกันกับลูเซียน

ที่จริงคืนนี้ลูเซียนวางแผนที่จะปรุงน้ำยาเวทมนตร์ที่เรียกว่า ‘หิน’ เพื่อช่วยให้ตัวเองยกระดับเป็นนักเวทระดับสอง แต่วันนี้เขาเหนื่อยมากแล้วเขาจึงตัดสินใจที่จะปรุงยาพรุ่งนี้แทน

คาบเรียนธอร์นทรี

“เจ้ารู้ไหมว่าคาบเรียนภาษาโบราณในปัจจุบันจะสอนโดยท่านอีวานส์” ไฮดี้ ถาม เลย์เรีย และแอนนิคอย่างลึกลับ

“ท่านเค? เขาเป็นจอมเวทระดับสองและนักเวทระดับสอง ข้าคิดว่าเขาจะสอนแค่ผู้ฝึกหัดระดับสูงเท่านั้น…”

“ไม่รู้เหมือนกัน ข้าได้ยินจากแกรนท์” ไฮดี้ส่ายหัว

เมื่อได้ยินการสนทนาของลูกศิษย์แม้แต่สปรินต์ที่ซึ่งปกติไม่ใช่คนชอบพูดกับคนอื่นๆ อยู่แล้วก็ลุกขึ้นนั่งตรงๆ เพราะชื่อนี้มันไปสะกิดความทรงจำของเขาขึ้นมา

เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณการเริ่มต้นคาบเรียน ลูกศิษย์ทุกคนหยุดพูดคุยกันและดูจริงจังมากขึ้นอาการประหลาดใจของไฮดี้ และแอนนิคสำหรับเลย์เรียมันมากเกินไป เพียงเพราะอาจารย์คนเก่าเข้ามาในห้องเรียน

ลูเซียน อีวานส์ ที่วันนี้สวมเสื้อนอกแบบกระดุมสองแถวและสวมไหมพรม

“ท่านอีวานส์จริงๆ ด้วย!” นักเวทฝึกหัดทั้งสามคนโพล่งออกมาพร้อมกันโดยไม่คำนึงถึงมารยาทในห้องเรียน

นักเวทฝึกหัดคนอื่นๆ ในชั้นเรียนก็มีความสงสัยในตัวของอาจารย์คนใหม่อย่างมาก

เมื่อเห็นลูเซียน ทั้งสปรินต์และแคทรีนาต่างก็รู้สึกสับสน พวกเขาทั้งตื่นเต้นและกังวลนิดหน่อย

ลูเซียนถอดหมวกแล้ววางลงบนโต๊ะ เขาพยักหน้าให้นักเวทฝึกหัดทั้งสามคนจากนั้นก็หันหาลูกศิษย์ทั้งหมด “ข้าคือ ลูเซียน อีวานส์ จะมาเป็นอาจารย์สอนภาษาโบราณของพวกเจ้าหรือจะเรียกข้าว่า ‘เอ็กซ์’ ก็ได้ ในชั้นเรียนของข้าพวกเจ้าจะทำสิ่งใดก็ได้ที่เจ้าต้องการ เช่น ทำการบ้านหรือแม้แต่นอนก็ตาม แต่การกระทำของพวกเจ้าจะต้องไม่รบกวนลูกศิษย์คนอื่นๆ ที่กำลังตั้งใจเรียน แต่อย่างไรก็ตามพวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของพวกเจ้าเอง หากพวกเจ้ามีความสามารถมากจนสอบผ่านไปเลยโดยที่ไม่ตั้งใจเรียนมันก็ดี แต่ถ้าพวกเจ้าทำไม่ได้ พวกเจ้าก็แค่ทำตัวให้ดีขึ้นและเรียนให้หนักกว่าเดิม เพราะข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะต้องมาเรียนวิชานี้อีกครั้งในเทอมหน้า ส่วนลูกศิษย์คนไหนที่ตั้งใจเรียนและส่งการบ้านตรงเวลาพวกเจ้าก็จะได้รับคะแนนพิเศษ”

นี่เป็นครั้งแรกที่นักเวทฝึกหัดเหล่านี้พบเจอกับอาจารย์เช่นนี้ และพวกเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก

จากนั้นลูเซียนก็หยิบกระดาษออกมากองหนึ่ง “ถ้าอย่างนั้นคาบเรียนแรก… พวกเรามาทดสอบกันดีกว่า”

“ทดสอบอีกแล้ว…” แอนนิค เลย์เรีย และไฮดี้ เพ้อถึงความทรงจำที่ไม่ดีของพวกเขาในสายตาของพวกเขารอยยิ้มของอีวานส์ ช่างดูเหมือนรอยยิ้มของปีศาจ

ลูกศิษย์คนอื่นไม่ได้รับรู้ถึงความหมายนี้

………………………………..