ปะทะเฝิงฟ่าน!
“นั่นคืออาภรณ์ทอง!”
“อาภรณ์ทองที่เป็นวรยุทธ์ต่อยอดของอาภรณ์เงินน่ะหรือ…วรยุทธ์สายป้องกันระดับมนุษย์โดดเด่น หนึ่งในไม่กี่ชนิดที่สำนักจันทร์จรัสแสงของพวกเรามี!”
“สวรรค์! ข้ามิคิดเลยว่าศิษย์พี่เฝิงฟ่านจะฝึกฝนวรยุทธ์ระดับมนุษย์โดดเด่นเช่นนี้ด้วย!”
……
ขณะที่ม่านพลังเริ่มคลุมครอบร่างเฝิงฟ่านเอาไว้จนราวกับสวมใส่อาภรณ์ทองคำ เหล่าศิษย์ฝ่ายนอกก็เริ่มส่งเสียงกู่ร้องกันดังลั่นไปหมด
ถึงแม้ว่าพวกมันจะรับทราบกันมาก่อนแล้วว่าพลังฝีมือเฝิงฟ่านนั้นสูงส่งถึงขั้นติดอันดับในรายนามปฐพี แต่พวกมันหลายคนก็ไม่เคยเห็นยามที่เฝิงฟ่านลงมือจริงๆจังๆมาก่อน
และคนที่เคยเห็นเฝิงฟ่านลงมือ ก็ใช่ว่าจะเคยเห็นมันใช้อาภรณ์ทองแบบนี้
‘อาภรณ์ทอง? วรยุทธ์ต่อยอดจากอาภรณ์เงินงั้นเหรอ?’
ได้ยินเสียงสนทนาอื้ออึงโดยรอบ ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันทีว่ากำลังเจอกับอะไร
แต่แม้จะเข้าใจก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจอยู่บ้าง ‘อาภรณ์ทองนั่นมันเป็นวรยุทธ์ระดับมนุษย์โดดเด่น…ที่ข้ารู้มา คิดเรียนวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นในสำนักจันทร์จรัสแสง ค่ายืมป้ายเซียนดูรอบนึงมันก็ปาเข้าไป 300,000 คะแนนอุทิศแล้วนี่นา…!’
‘แถมจากระดับพลังของอาภรณ์ทองที่เฝิงฟ่านนั่นใช้ออก สมควรบรรลุขั้นตอนความสำเร็จอย่างน้อยๆก็ขั้นที่ 2…นั่นหมายความว่าอย่างน้อยๆมันก็ต้องดูป้ายเซียนไปแล้ว 2 ครั้ง…600,000 คะแนนอุทิศงั้นเหรอ?’
พอคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปาก ดูท่าทุนทรัพย์ของเฝินฟ่านจะเหนือล้ำกว่าศิษย์ฝ่ายนอกด้วยกันไปไกลโพ้นจริงๆ!
ยังเทียบได้กระทั่งผู้ดูแลฝ่ายนอกกับเหล่าอาวุโส!
ต้องทราบด้วยว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งเป็นเจ้ามือเปิดโต๊ะรับแทงเดิมพันอยู่เมื่อไม่กี่วันก่อน ด้วยจำนวนศิษย์ฝ่ายนอกที่แห่กันมาแทงอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ทำให้เขาประมาณจำนวนคะแนนอุทิศที่ทั้งหลายมีกันอยู่ได้บ้างคร่าวๆ
แน่นอนว่าศิษย์ฝ่ายนอกที่มาแทงนั้นไม่มีชนชั้นสูง อย่างอันดับ 5 แบบเฝิงฟ่าน กระทั่งติดอันดับในรายนามปฐพีแบบนี้
‘แต่อาภรณ์ทองแล้วจะยังไง อาภรณ์เงินข้าฝึกจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิแล้ว นั่นก็เทียบได้กับอาภรณ์ทองในขั้นที่ 3!’
‘ยิ่งไปกว่านั้นรากฐานร่างกายข้าแข็งแกร่งกว่ามาก ยามใช้อาภรณ์เงินพลังที่เพิ่มมาก็ย่อมมากขึ้นเป็นธรรมดา!’
สำหรับความทรหดอดทนและความแข็งแกร่งทางกายภาพของร่างกาย เป็นอะไรที่ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจนัก
ร่างกายของเขาแข็งแกร่งไม่ใช่ชั่ว! จากที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าว ไม่เพียงจะเหนือกว่ามังกรเทพยาดา 6 กรงเล็บ ยังเทียบได้กับมังกรเทพยาดา 7 กรงเล็บแล้วด้วยซ้ำ!
ในแง่ของการป้องกันทางกายภาพ เฝิงฟ่านไม่มีทางสู้เขาได้เลย!
แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าที่เฝิงฟ่านสำแดงอาภรณ์ทองออกมาแบบนี้ไม่ใช่เพราะหวังพึ่งพลังป้องกันถ่ายเดียว อีกฝ่ายยังคิดใช้อำนาจเพิ่มพูนพลังกายของตัวบทวรยุทธ์อีกด้วย!
เพราะไม่ว่าจะเป็นอาภรณ์ทองแดง อาภรณ์เงินยามสำแดงออก ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้างพลังป้องกันอย่างยิ่งยวด ยังเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายของผู้ใช้อย่างมากอีกด้วย!
ในฐานะที่เป็นวรยุทธ์ต่อยอดของอาภรณ์เงิน อาภรณ์ทองย่อมเหมือนกันตามธรรมชาติ
แน่นอนว่าระดับที่ต่างกันผลลัพธ์ในการเสริมเพิ่มก็ย่อมต่างกันไป
แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้วรยุทธ์ทวีความร้ายกาจที่สุดก็ยังคงเป็นรากฐานของร่างกาย
ณ จุดนี้ เฝิงฟ่านไม่อาจเทียบต้วนหลิงเทียนได้เลย!
ต่อให้เฝิงฟ่านจะฝึกฝนอาภรณ์ทองจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ แต่สิ่งที่อาจจะมีเปรียบต้วนหลิงเทียนก็เป็นแค่ม่านพลังป้องกันรอบนอกของตัวบทวรยุทธ์เท่านั้น
หากแต่สมรรถภาพทางกายที่เพิ่มพูนขึ้น เรียกว่าไม่คู่ควรให้ต้วนหลิงเทียนเหลือบแลด้วยซ้ำ ความแตกต่างมันมากเกินกว่าจะนำมาเทียบกันได้
ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะจะอย่างไรร่างกายของเฝิงฟ่างก็ยังเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น!
ทว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพของร่างกายต้วนหลิงเทียน มองผ่านทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าตอนนี้เกรงว่าคงไม่มีสิ่งใดเทียบได้ ในด่านพลังเดียวกันให้เป็นสัตว์เซียนหรือสัตว์ร้ายที่น่ากลัวและแข็งแกร่งที่สุด ก็ยังไม่แข็งแกร่งขนาดนี้
การมาแสดงความแข็งแกร่งทางร่างกายต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ก็ไม่ต่างใดจากควงขวานต่อหน้าหลู่ปัน หรือรำดาบต่อหน้ากวนกง!
“ต้วนหลิงเทียนข้าต้องบอกเลยว่าเจ้านับว่ามีโชคนัก…เจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากข้าติดอันดับในรายนามปฐพีก็ไม่เคยประมือกับศิษย์ฝ่ายนอกคนใดอีกเลย…วันนี้เจ้าจักได้ตายด้วยน้ำมือข้า นับว่าเป็นเกียรติของเจ้านัก”
ทันใดนั้นปรากฏดาบผุดจากความว่างเข้ามือเฝิงฟ่าน เป็นดาบที่แลดูไร้คมและยังเล่มใหญ่เป็นพิเศษ!
มันไม่ใช่ดาบใหญ่ธรรมดาๆ ความหนาของมันแลดูประหนึ่งแผ่นเหล็กทำประตูยาวเสียยิ่งกว่าความสูงของผู้คนทั่วไป…เกรงว่าให้ไม่ใช่ผู้ที่ชำนาญการใช้ดาบใหญ่จริงๆ คงไม่อาจแกว่งไกวศาสตราวุธที่ใช้งานยากเช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตามดาบใหญ่นั่นยามอยู่ในมือเฝิงฟ่านกลับถูกแกว่งไกวคล่องแคล่วราวไร้น้ำหนัก
“ตางอย่างมีเกียรติ?”
ต้วนหลิงเทียนแค่นคำเย้ยหยันออกมา “เกียรติพรรค์นั้นให้เจ้าไปคนเดียวเถอะ!”
“ศิษย์น้องฟ่านอย่าได้ไปต่อปากต่อคำอันใดกับมันให้เสียเวลา ฆ่ามันเสีย!!”
พอเสียงผ่านปราณแท้ของโจวฉีดังขึ้นในหู ลูกตาเฝิงฟ่านฉายแววจริงจังขึ้นมาทันใด ยังคล้ายมีประกายสายฟ้าแลบลั่นขณะมองเขม็งไปยังต้วนหลิงเทียน!
ฟุ่บ!
วินาทีต่อมาร่างคนก็เคลื่อนไหว!
ในตาซ้ายของต้วนหลิงเทียน เฝิงฟ่านนั้นถือดาบมหึมาที่ยาวกว่าความสูงของตัวเองนั่นด้วยมือข้างเดียว ทว่ากลับพุ่งร่างทั้งฟาดดาบลงมาปานมหาพายุ!
อีกทั้งยามร่างเฝิงฟ่านโจนทะยานเข้ามายังทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกแปลกประหลาดประการหนึ่ง…
เพราะตอนนี้สภาวะร่างของเฝิงฟ่านมันประหนึ่งวิหกยักษ์อย่างต้าเผิง!
“เผิงทะยานผ่าน 9 สวรรค์!”
ทันใดนั้นเสียงคำรามหนึ่งก็ดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน เป็นศิษย์ฝ่ายในที่อยู่ไม่ไกลโจวฉีประกาศนามวรยุทธ์ท่าร่างที่เฝิงฟ่านสำแดงออกมา มันเป็นวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นเช่นเดียวกันกับอาภรณ์ทอง!
‘ไม่น่าแปลกใจที่การเคลื่อนไหวของมันแลละม้ายคล้ายต้าเผิง…ที่แท้มันฝึกวรยุทธ์ท่าร่างที่เรียกว่าเผิงทะยานผ่าน 9 สวรรค์อะไรนั่น นี่เอง..’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
“ต้วนหลิงเทียน รับดาบข้าเสีย!”
เฝิงฟ่านที่ ทะยานมาทางต้วนหลิงเทียนไม่ทันไรก็บรรลุถึงมันคำรามสนั่น ทั่วดาบปรากฏแสงสีฟ้าเปล่งประกายเรืองรองออกมาน่ากลัว เหวี่ยงฟาดมาทางต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด!
จังหวะนี้ด้านต้วนหลิงเทียนที่เห็นเฝิงฟ่านฟาดดาบใหญ่มา ดาบใหญ่ที่ว่าก็ไม่คล้ายดาบใหญ่สืบไป! หากแต่เป็นขุนเขาสูงตระหง่านลูกหนึ่ง!!
ดาบใหญ่ไร้คมเล่มเขื่องฟาดมาดั่งมหาพายุถล่มทับต้วนหลิงเทียนไม่ต่างใดจากขุนเขามหึมา!
ปง! ปง! ปง! ปง!
……
ยามดาบใหญ่ฟาดมา เสียงแตกระเบิดของอากาศก็ดังกระหึ่มสนั่นกึกก้อง! ตัวดาบยังวูบลงมาฉับไวประหนึ่งตกหลุมอากาศ!!
และตอนนี้ศีรษะของต้วนหลิงเทียนก็เป็นเป้าหมายของดาบที่วูบตกลงมานั่น!!
“ประทับไท่ซาน!”
ศิษย์ฝ่ายในอีกคนที่ติดตามมาชมดูเรื่องราวก็อุทานออกมาเมื่อเห็นกระบวนท่าจู่โจมนี้ของเฝิงฟ่าน มันเป็นวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นเช่นเดียวกันกับ อาภรณ์ทองและเผิงทะยานผ่าน 9 สวรรค์!
แก่นแท้ของวรยุทธ์เซียนสายจู่โจมนี้ก็คือ พลังอันแข็งกร้าว!
ยามวรยุทธ์สำแดงพลังอำนาจ ไม่ว่าศาสตราใดที่เหวี่ยงฟาด พลานุภาพประหนึ่งขุนเขาไท่ซานถล่มทับ!
“แล้วมันรับยากนักรึไง?”
เผชิญหน้ากับดาบที่ฟาดมาอย่างน่ากลัวของเฝิงฟ่าน ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวถามออกไปอย่างไม่ยี่หระ พริบตานั้นเกาทัณฑ์ดับตะวันพร้อมศรพลังมีสภาพจากปราณแท้พลันผุดโผล่ขึ้นจากความว่าง มือขยับยิงศรออกไปฉับไว ศรพลังพุ่งทะยานออกไปคล้ายดาวตกแล่นวาบผ่านฟ้าในยามค่ำคืน!
ดาวตกพิฆาต!
มองไปพิกลนัก ขุนเขามหึมาถล่มโถมลงจากฟ้าปะทะหักหาญกับดาวตกน่ากลัวที่พุ่งทะยานขึ้นมาจากผืนดิน!
เปรี๊ยงงงง!!
เสียงดังสนั่นยามปะทะกันกึกก้องออก คลื่นพลังสะท้อนอันน่ากลัวก่อให้เกิดคลื่นกระแทกอันน่าเกรงขามกำจายออกไปเป็นวง นำพาให้ชุดเสื้อผ้าของเหล่าศิษย์ที่ห้อมล้อมรอบๆลานฝึกซ้อมถึงกับสั่นไหวกระเพื่อม ศิษย์ฝ่ายนอกที่อ่อนด้อยยังถึงกับถอยครูดไปเป็นทาง!
ศรพลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียน ทำให้ดาบใหญ่สะท้านสะเทือนไปวูบหนึ่งถึงขั้นผงะถอยร่นไปเล็กน้อย ก่อนที่พลังจะสิ้นสูญ ดอกศรสลายหาย
“ตั๊กแตนคิดหยุดรถม้า!!”.
ถึงแม้ว่าจะประหลาดใจกับพลังอำนาจของดอกศรที่อยู่ๆก็ยิงออกมาอย่างกะทันหันของต้วนหลิงเทียนอยู่บ้าง แต่เฝิงฟ่านย่อมไม่พลาดโอกาศถากถางหลังจากทำลายศรพลังได้อย่างหมดจด ดาบใหญ่ในมือที่ชะงักไปวูบหนึ่งพลันฟาดถล่มลงมายังศีรษะต้วนหลิงเทียนอีกรอบ!
แน่นอนว่าการฟาดทับลงมาหลังจากที่ถูกกระแทกจนถอยร่น สภาวะทั้งพลังทำลายย่อมถดถอยลงไปอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตามเฝิงฟ่านมั่นใจนัก
ว่าดาบนี้จะทุบฟาดศีรษะต้วนหลิงเทียนจนแหลกเหลวสมองไหล ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ยิงศรที่สองอะไร
“ตั๊กแตกคิดหยุดรถม้าเป็นใคร มันก็ไม่แน่นักหรอก…”
ต้วนหลิงเทียนแสยะยิ้มอย่างเฉยเมย ทันใดนั้นเกาทัณฑ์ที่ถืออยู่ก็หายไปในอากาศ พริบตาต่อมาเท้าซ้ายสืบออกไปครึ่งก้าว หมัดขวากำแน่นจนกระดูกลั่นเปรี๊ยะ ร่างบิดดั่งพายุใต้ฝุ่น ข้อต่อทุกส่วนเหวี่ยงหมุนส่งแรง ยิงหมัดออกไปดั่งกระสุนปืนใหญ่!
ฉากเรื่องราวนี้ทำให้สมองผู้คนคล้ายเลอะเลือนไปชั่วขณะ
ต้วนหลิงเทียนลงมือเช่นนั้น…ใช่คิดใช้หมัดเปล่าเปลือยรับดาบใหญ่ของเฝิงฟ่านหรือไร?
แม้สภาวะทั้งพลังดาบของเฝิงฟ่านจะถดถอยไปอยู่บ้าง แต่นั่นยังใช่อะไรที่ท่านใช้หมัดลุ่นๆทานรับได้หรือ?
“ตัวโง่งม!!”
โจวฉีหัวร่อเบาๆ คล้ายเห็นภาพมือต้วนหลิงเทียนแหลก ทั้งดาบเฝิงฟ่านฟาดถล่มต้วนหลิงเทียนจนสมองระเบิดตัวแตก!
‘ไอ้เจ้าบ้าต้วนหลิงเทียนนั่น…ศาสตราเซียนมันก็มีแต่ทะลึ่งไม่ใช้! นี่มันรนหาที่ตายรึไง!?’
เยี่ยหมานขมวดคิ้ว
ใบหน้าหวงเฉิง อาวุโสฝ่ายนอกยังเผยรอยยิ้มแฉ่งออกมา คล้ายเห็นคะแนนอุทิศ 12,000 แต้มกำลังกวักมือเรียกหาอยู่ไวๆ
“หาที่ตาย!!”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนคิดใช้หมัดลุ่นๆรับดาบมัน เฝิงฟ่านก็แสยะยิ้มเย้ยหยันแค่นคำดูแคลนออกไปอย่างสมเพช ต้องทราบว่ากระทั่งตัวตนระดับสู่เซียนขั้นต้นทั่วไป ยังไม่กล้ารับการโจมตีของมันตรงๆด้วยซ้ำ!
“ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ข้าจะส่งเจ้าไปตามทางของเจ้า!!”
ดาบมหึมาในมือเฝิงฟ่านถล่มทับลง แม้จะไม่ทรงพลังเท่ากับดาบก่อนหน้า แต่ก็ยังน่ากลัวประหนึ่งขุนเขาถล่ม ยิ่งมายิ่งคล้ายจะสยบได้ทุกสิ่งในฟ้าดิน ปิดฟ้าบังตะวัน!
ทว่าเผชิญกับดาบใหญ่ที่ลงมือสืบต่ออย่างน่ากลัว ต้วนหลิงเทียนก็ยังชกสวนออกไปอย่างไร้ลังเล
ทว่ายิ่งหมัดพุ่งทะยานแหวกอากาศออกมาเท่าไหร่ ตัวหมัดยิ่งคล้ายเอ่อล้นไปด้วยมวลพลัง บัดนี้พุ่งออกมากว่าครึ่งทาง ตัวหมัดก็ฉาบทับไปด้วยม่านพลังสีเงินเรืองรองๆคล้ายมีผ้าสีเงินโปร่งแสงคลุมทับไว้ก็ไม่ปาน
เป็นอาภรณ์เงินที่บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ!
เมื่ออาภรณ์เงินสำแดงออกเต็มกำลัง ศักยภาพในร่างกายของต้วนหลิงเทียนก็คล้ายถูกปลดปล่อยออกมาเต็มพิกัด พลังกายอันดิบเถื่อนระเบิดออกมาเต็มกำลัง!
หากไม่มีม่านพลังโปร่งแสงสีเงินฉาบคลุมอยู่ล่ะก็ ตอนนี้ทุกผู้คนคงแลเห็นชัดเจน ว่าหมัดรวมทั้งแขนของต้วนหลิงเทียนปรากฏเส้นเลือดขอดทั้งกำลังสั่นไหวเบาๆ อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล!
และหากยามนี้มีมือดีมาถอดเสื้อต้วนหลิงเทียนล่ะก็ คงได้เห็นมัดกล้ามใต้ร่มผ้าที่ปูดพองออกมาจนแทบปริ!
“อยู่!!”
ขณะที่ใบหน้าเฝิงฟ่านทอแววอำมหิต ดาบใหญ่เจียนบรรลุถึงตัวหมัดเต็มที ต้วนหลิงเทียนพลันคำรามออกเสียงดัง ม่านพลังสีเงินที่ฉาบคลุมหมัดคล้ายจะเปล่งแสงเรืองสว่างขึ้นมา ปราณแท้คล้ายทะลักออกมาท่วมหมัด จนมองไปคล้ายมังกรสมุทรทะยานโผล่พ้นลำน้ำ!
มังกรสมุทรนั่นพุ่งทะยานแหวกคุ้งน้ำ ผ่าอากาศปะทะต้านทานกับดาบเล่มเขื่องที่ฟาดลงมาด้วยสภาวะเกรี้ยวกราด เสียงสนั่นปานมรสุมบังเกิด!
ตูมมม!
เปรี๊ยงงง!!
เสียงกระหึ่มดังออก 2 สำเนียง ก่อนมีคลื่นกระแทกกวาดซัดออกมา 4 ทิศ 8 ทาง! ณ จุดศูนย์กลางการปะทะ มวลอากาศยังคล้ายบิดเบือนปานความว่างแตกระเบิด!!
การปะทะดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดคลื่นกระแทกอันน่ากลัว แม้ดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจะมีสนามพลังโน้มถ่วงแข็งแกร่ง แต่ครั้งนี้ยังไม่อาจลดผลกระทบได้หมดสิ้น
ผู้ฝึกตนไม่ว่าจะยุทธ์หรือเต๋าขอเพียงมีด่านพลังฝึกปรือบรรลุหลุดพ้นมนุษย์ขั้นยิ่งใหญ่สามารถเห็นได้ชัดถึงคลื่นกระแทก ที่ซัดออกมาเป็นวง แหวกฟ้าผ่าอากาศกวาดสาดมาทั่วสารทิศ!
และเสี้ยวพริบตาวงคลื่นกระแทกดังกล่าวก็ซัดกวาดมาถึงตัวพวกมัน!