ตอนที่ 306 แม่หม้ายหม่าคนดวงดี
ตอนที่ 306 แม่หม้ายหม่าคนดวงดี

เสี่ยวหม่าไปพัฒนาตัวเองที่ปักกิ่งแล้ว ในชนบทจึงเกิดการพูดคุยถึงชีวิตของแม่หม้ายหม่าว่าดวงดีจริง ๆ อีกครั้ง

“เธอดูแม่หม้ายหม่าสิ ก้าวหน้าไปอีกก้าวแล้ว หลังคลอดลูกชายตัวอ้วน ๆ ตอนนี้น้องชายก็ไปปักกิ่งอีก ชีวิตนี่นะ ใครจะเทียบได้!”

“นั่นน่ะสิ ถึงจะแต่งงานกับคนขาเป๋ก็เถอะ แต่ตอนที่หล่อนคลอดลูกก็ได้กินไก่เชียวนะ!”

“อะไรกัน คลอดลูกก็ได้กินไก่ด้วยเหรอ? ตอนที่ตั้งท้องก็ได้กินไก่เหมือนกันนะ!”

“นั่นสิ ๆ ตอนท้องได้กินไก่ คลอดลูกออกมาก็ได้กินไก่อีก ตอนนี้น้องชายไปปักกิ่งแล้ว ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะแต่งงานเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านของเราไง ชีวิตดี ๆ แบบนี้ ต้องอีกกี่ชาติถึงจะมีได้!”

“ชีวิตคนเรานี่นะ ดวงดีก็ได้ไล่ตามสิ่งดี ๆ แต่ดวงไม่ดีก็ไล่ตามสิ่งที่ไม่ดี! ฉันได้ยินมาว่า แม่หม้ายหม่าจะสร้างบ้านด้วยนะ บ้านใหม่ด้วย!”

“เอ๋ เขาก็จะสร้างบ้านด้วยเหรอ งั้นครั้งนี้ก็ควรจะไปอยู่บ้านแม่สามีน่ะสิ?”

“ใช่ที่ไหนกันล่ะ บ้านนั้นอีกฝ่ายจะไปสร้างที่ตงเหลียง แม่หม้ายหม่าบอกว่าจะสร้างบ้านแบบเดียวกับจ้าวเหวินเทาด้วย!”

“จริงเหรอ บ้านแบบจ้าวเสี่ยวลิ่วต้องใช้เงินเท่าไรกัน”

“ทำไมยังเรียกเขาว่าจ้าวเสี่ยวลิ่วอีกเนี่ย คนนั้นเขามีชื่อมีแซ่นะ อย่าไปเรียกชื่อเล่นคนอื่นสิ”

“ก็เป็นเพราะฉันปากไวไง รีบพูดมา ทำไมแม่หม้ายหม่าถึงอยากไปสร้างบ้านที่ตงเหลียงล่ะ? สถานที่นั้นอยู่ที่ถนนใหญ่ ไม่ปลอดภัยเลย ลืมไปแล้วเหรอว่าครั้งก่อนมีฆาตกรวิ่งมาที่หมู่บ้านเรา แถมยังเข้าไปในบ้านจ้าวเหวินเทาด้วย นี่ถ้าจ้าวเหวินเทาอยู่บ้านก็คงไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น!”

“ใช่แล้ว ทำไมถึงอยากไปสร้างบ้านที่ตงเหลียงล่ะ ในหมู่บ้านไม่ใช่ว่ามีที่อื่นด้วยเหรอ?”

“ในหมู่บ้านก็มีที่ดินนั่นแหละ แต่สถานที่มันเล็ก แม่หม้ายหม่าก็มีธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ จะเปิดแบบอลังการในหมู่บ้านได้ไง! ฮ่า ๆ!”

“ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย แม่หม้ายหม่าบอกว่าจ้าวเหวินเทาอยู่ที่ตงเหลียง ก็เลยอยากไปสุงสิงอยู่กับความร่ำรวย น้องชายของเขาก็เป็นเพราะจ้าวเหวินเทาแนะนำให้ไปปักกิ่ง แล้วดูจ้าวเหวินเทาตอนนี้สิว่ามีชีวิตดีขนาดไหน ดังนั้นหล่อนถึงบอกว่าตงเหลียงคือดินแดนขุมสมบัติ หาเงินก็เท่ากับเป็นเรื่องง่ายไม่ใช่เหรอ?”

“อย่าพูดเลย แม่หม้ายหม่านี้มีความคิดเยอะมากเลยนะ ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่นหรอก เจ้าเด็กจ้าวเหวินเทาคนนั้นหาเงินได้จริง ๆ อยู่ข้าง ๆ เขา มีวิธีหาเงินอะไรก็คงรู้เป็นคนแรก”

“ก็นั่นน่ะสิ เธอก็มีความคิดจะไปสร้างที่นั่นด้วยเหรอ?”

“ฉันไม่สร้างหรอก ตอนนี้ในมือมีเงินที่ไหนกัน!”

คนในหมู่บ้านพูดคุยกัน จนร่างกายอวบอ้วนของแม่หม้ายหม่าแทบจะลอยไปกับสายลมด้วยความอารมณ์ดี

“ฉันโทรศัพท์คุยกับกว๋อเหว่ยแล้ว เขาบอกว่าเดือนหนึ่งได้เงิน 100-200 หยวนเลยนะ!” แม่หม้ายหม่ากลับมาพูดกับสามีอย่างมีความสุข

หลี่เฉียจื่อตกตะลึง “หนึ่งเดือนได้ 100-200 หยวน พูดจริงพูดเล่นเนี่ย?”

“ก็ต้องจริงอยู่แล้วสิ ภรรยาของพี่ภรรยาจ้าวเหวินเทาเป็นคนพูดเอง หล่อนชื่อพี่โจว คนนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยด้วยนะ!”

“เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแต่ไม่ยอมตั้งใจเรียน คลอดลูกแล้วก็ยังทำค้าขายอีก แบบนี้เรียกว่านักศึกษามหาวิทยาลัยที่ไหนกัน?” หลี่เฉียจื่อบ่นพึมพำ

เขายังคงไม่เชื่อว่าน้องภรรยาของเขาจะได้เงินเดือนเดือนละ 100-200 หยวน แต่ถ้าบอกว่าต่อปีก็ว่าไปอย่าง

“ไม่ใช่ว่าเขาหลอกคุณนะ?” หลี่เฉียจื่อกล่าว

“คุณพูดอะไรของคุณ ทำอย่างกับน้องชายของฉันหาเงินเองไม่ได้งั้นแหละ!” แม่หม้ายหม่าไม่มีความสุขแล้ว

“เปล่า คุณบอกว่าแค่ถ่ายภาพก็ได้เงินเยอะขนาดนั้น เรื่องนี้มันไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย”

“มันง่ายขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ!” แม่หม้ายหม่านั่งแปะลงบนเตียงเตาราวกับกะละมังใบใหญ่ หล่อนถอนหายใจ “อันที่จริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก! เขาบอกว่าต้องรักษาหุ่นด้วย ปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อ้วนไม่ได้ แถมยังต้องดูแลผิวด้วย หน้าตาแย่ก็ไม่ได้ ตอนกลางคืนก็ห้ามกินข้าว เขายังพูดอีกว่ากินเผ็ด เค็ม หวาน แล้วก็เนื้อติดมันไม่ได้ด้วย ต้องคุมอาหาร จะกินอะไรก็มีคนมาคอยกำกับ เสื้อผ้าที่ใส่ก็มีคนดูแลทั้งหมด ถ่ายภาพทุกวัน เหนื่อยมากด้วย”

แม่หม้ายหม่ายื่นนิ้วอ้วน ๆ ออกมา พูดอย่างหนึ่งก็ยกนิ้วอ้วน ๆ ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว หลี่เฉียจื่อก็เบิกตากว้างตามนิ้วอ้วน ๆ ของหล่อน แสดงท่าทางว่าประหลาดใจ

“กฎระเบียบเยอะขนาดนี้เลย?”

“ก็ใช่น่ะสิ! คุณไม่คิดดูล่ะ ถ้านั่งถ่ายรูปแบบนั้นจริง ๆ ได้เงินมา 100-200 หยวน แบบนั้นก็คงแย่งกันทำหมดแล้ว!” แม่หม้ายหม่าถอนหายใจอีกครั้ง “กว๋อเหว่ยเป็นคนชอบกิน ชอบกินเนื้อตั้งแต่เล็ก ๆ ตอนนี้จบเห่เลย กินก็ไม่ได้ เฮ้อ จริง ๆ เลย คิดไม่ถึงเลยว่าได้เงินนี้มาแต่กลับไม่ได้กินของอร่อย ๆ คุณว่านี่มันอะไรกัน?”

หลี่เฉียจื่อมองภรรยา “แต่คุณก็เรียกเขากลับมาได้นี่ ได้กินเนื้อทุกวันแบบไม่มีใครมาสนใจด้วย”

แม่หม้ายหม่าถลึงตาใส่สามี “คุณช่วยกลับตาลปัตรให้มันน้อย ๆ หน่อย! กลับมา กลับมาจะหาเงินได้เหรอ ถ้าเขาหาเงินไม่ได้คุณจะซื้อเนื้อให้เขาเหรอ!”

“คุณดูสิ แบบนี้ก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ อยากหาเงินก็ต้องลำบาก จริงไหม?” หลี่เฉียจื่อรีบพูด “ให้เขาทำงานอยู่ที่นั่นสักสองสามปี ได้เงินมาสักหน่อยค่อยกลับมา ถึงเวลานั้นอยากกินอะไรก็ได้กิน แถมยังมีเงินด้วย!”

“ฉันก็พูดแบบนี้แหละ แต่เขาบอกว่าไม่กลับ เขาจะอยู่ที่ปักกิ่ง ฉันมองออกเลยว่าถ้าเขากลับมาคงอยู่ไม่ได้แล้ว ทะเยอะทะยานขนาดนั้น!” แม่หม้ายหม่าพูดด้วยความมั่นใจ

“ไม่กลับมาก็ดีเหมือนกันนะ ที่นั่นเป็นถึงเมืองหลวง ดีกว่าอยู่ในป่าเขาแบบพวกเราไม่ใช่เหรอ? ถ้าผมไปได้ก็ไม่กลับมาเหมือนกัน” หลี่เฉียจื่อกล่าว

คนจำนวนมากในชนบทต่างก็อิจฉาชีวิตของคนในเมืองมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมืองหลวงเลย

แม่หม้ายหม่าได้ยินก็รู้สึกเห็นด้วย หากน้องชายของหล่อนลงหลักปักฐานที่ปักกิ่งได้ เช่นนั้นหลุมฝังศพตระกูลหม่าของพวกเขาก็กลายเป็นผู้มีความดีความชอบแล้ว ต่อให้ลำบากมากกว่านี้ก็เป็นเรื่องที่ดี มีอะไรที่ต้องคิดไม่ตกด้วย

“หากกว๋อเหว่ยลงหลักปักฐานที่ปักกิ่ง อนาคตลูกชายของพวกเราก็ไปที่ปักกิ่งได้แล้ว!” แม่หม้ายหม่าอุ้มลูกชาย ทั้งยังพูดด้วยความปรารถนา

หลี่เฉียจื่อพยักหน้า “ถูกต้อง ลูกชายของพวกเราก็ไปเมืองหลวงได้ พวกเราก็ไปได้เหมือนกัน!”

“ใช่ ลูกชายของเราไปปักกิ่ง จะไม่รับพวกเราไปเพลิดเพลินอยู่ที่ปักกิ่งได้เหรอ!” แม่หม้ายหม่ายิ่งพูดก็ยิ่งมีความสุข “ตอนค่ำทำของอร่อย ๆ สักหน่อยดีกว่า พวกเรามาฉลองกัน!”

“ทอดไข่ไหม?” หลี่เฉียจื่อครุ่นคิดอยู่นานกว่าจะพูด

แม่หม้ายหม่ากลอกตาใส่เขา “กินไข่ไก่ทั้งวัน ฉันกินจนแทบจะกลายเป็นไข่ไก่อยู่แล้ว”

“แล้วกินอะไรล่ะ?”

“…กินไข่ไก่นั่นแหละ” แม่หม้ายหม่าอดกลั้นอยู่นานก่อนจะพูดด้วยความท้อแท้

ในบ้านนอกจากไข่ไก่ก็มีแค่ผักใบเขียว ตอนค่ำก็ไม่มีที่ให้ซื้อของด้วย เฮ้อ นี่ถ้าอยู่ในเมืองก็คงจะดี กว๋อเหว่ยบอกว่าช่วงกลางดึกก็ยังมีคนมาขายของ ยิ่งทำให้แม่หม้ายหม่าปรารถนาที่จะได้ใช้ชีวิตในปักกิ่ง

เย่ฉูฉู่ในตอนนี้ทำอาหารเสร็จแล้ว มีโจ๊กข้าวฟ่าง แผ่นข้าวโพดทอด ผัดผักหนึ่งจาน และนำผักเย็นมายำคลุกเคล้าด้วยกัน ถึงอย่างไรก็รวมลิงเข้าไปด้วย ในบ้านมีผู้อาศัยอยู่ตั้งสี่คนเชียวนะ

จ้าวเหวินเทาอุ้มลูกชาย เขาจับมือเล็ก ๆ ของลูกชายไปจับตะเกียบ แต่ตอนที่กำลังจะจับถึงก็ถูกดึงกลับมา การกระทำง่าย ๆ แบบนี้หยอกล้อจนเสี่ยวไป๋หยางถึงกับหัวเราะไม่หยุด จ้าวเหวินเทาก็หัวเราะไม่หยุดเช่นกัน

สองพ่อลูกเล่นกันอย่างมีความสุข ลูกลิงที่อยู่ข้าง ๆ หยิบตะเกียบ ไม่สิ คือกรงเล็บต่างหากล่ะ มันเริ่มกินแล้ว ข้าง ๆ มันมีจานใส่อาหารสองจาน เป็นอาหารที่ทำให้มันโดยเฉพาะ

“ก่อนอื่นให้แม่หม้ายหม่ามาโทรศัพท์หาเสี่ยวหม่าก่อนค่ะ” เย่ฉูฉู่นั่งอยู่ด้านหน้าโต๊ะ ระหว่างที่รับประทานก็พูดไปด้วย

“เสี่ยวหม่าไปเกือบเดือนแล้วใช่ไหม?” จ้าวเหวินเทากล่าว

“ไม่ถึงเดือน ยี่สิบกว่าวัน คุณอย่าให้ลูกจับตะเกียบสิคะ แตะ ๆ ที่ปากเขาก็พอ” เย่ฉูฉู่เห็นเสี่ยวไป๋หยางจับตะเกียบก็รีบพูดทันที

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เดาว่าอย่างเสี่ยวหม่าคงไม่กลับมาอยู่ชนบทหรอก ได้รับโอกาสดีขนาดนั้นแล้ว

ไหหม่า(海馬)