บทที่ 226 วู่หยานขู่กลับล่ะ! สถานการณ์พลิก!
น้ำเสียงนิ่งๆไร้อารมณ์ของอเลสเตอร์ ได้พูดความเป็นจริงที่วู่หยานไม่อาจเถียง
กลับได้ออกมา นี่ทำให้เขาไม่สามารถอดกลั้นความโกรธเกรี้ยวและจิตสังหารได้อีก
ต่อไป!
ออร่าสีแดงเลือดเข้มข้นได้ครอมคลุมตัววู่หยานไว้ เขาเงยหน้าพรวดนัยน์ตาสีทอง
ที่ดูราวกับสัตว์ร้ายได้จ้องไปที่ตัวอเลสเตอร์!
พลิกมือเกิดเสียงสว่างขึ้น ก่อนที่จะมีธนูยาวปรากฏออกมาในมือเขา ธนูนี้มีสีดำ
สนิทดุจน้ำหมึกซึ่งพอมองเข้าไปข้างในตัวมันจะเห็นจุดแสงระยิบระยับราวแสง
ดาวส่องประกายอยู่ จากนั้นเขาก็ยกมันขึ้น! แล้วดึงสายธนู!
เมื่อวู่หยานดึงสาย แสงสีในโลกก็ราวกับเป็นผึ้งที่เห็นน้ำผึ้งยังไงยังงั้น พวกมันได้
เปลี่ยนไปเป็นแสงดาวสีเงิน จากนั้นก็ได้ไปรวมตัวที่ธนูในมือเขาอย่างบ้าคลั่ง!
วินาทีต่อมาสีสันของโลกก็ได้เปลี่ยนไป ภายในพื้นที่นี้จากเดิมที่ถูกกดแรงกดดัน
ของเอวันทับไว้ ทันใดนั้นแรงกดดันนี้ก็ราวกับเป็นกระดาษที่ถูกฉีกออก! ถูกแทนที่
ด้วยแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่ถูกปล่อยออกมาจากธนูในมือวู่หยาน!
สีหน้าเรียบนิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงตลอดพันปีของอเลสเตอร์ วินาทีนี้ก็ได้เปลี่ยน
แล้ว! ถึงแม้จะแค่เล็กน้อย แต่กับเขาที่ไม่แสดงอารมณ์มานานเป็นพันปี ถือว่าเป็น
อะไรที่น่าเหลือเชื่อมาก!
ส่วนเอวัสนก็ยังคงมองไม่เห็นตัวเหมือนเดิม ทว่าตรงด้านหลังแทงค์ของอเลสเตอร์
ได้มีร่างแสงที่ตอนนี้ได้ควบแน่นกันถึงขีดสุดปรากฏออกมา!
จุดแสงสีเงินได้มารวมกันที่ธนูเป็นทางยาวดูราวกับเป็นทางช้างเผือก เวลาผ่านไป
ก็มีธนูแสงสีเงินปรากฏออกมาตรงจุดที่วู่หยานดึงสายธนู!
ความรู้สึกอันตรายร้ายแรงได้พุ่งเข้ามาในหัวใจอเลสเตอร์!
ตัวธนู ‘Night of Meteor’ และลูกศรได้ปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินดูราวแสงดาวบน
ท้องฟ้ายามค่ำคืนงดงามมาก!
วู่หยานค่อยๆเล็งธนูไปทางอเลสเตอร์ แล้วพูดเสียงนุ่มว่า “ก็ลองดู! อเลสเตอร์!”
คำพูดของวู่หยานั้นชัดเจนมาก เขาจะสื่อว่า ลองทำอย่างที่พูดดูสิ ที่ออกประกาศ
จับพวกเขาน่ะ!
ด้วยนิสัยแน่วแน่ของอเลสเตอร์ ถ้าวู่หยานพูดคำพูดนี้ออกมาก่อนที่จะโชว์ธนู อเล
สเตอร์จะตัดสินใจลงมืออย่างไม่ลังเล ค่อยๆไล่ต้อนอีกฝ่าย กำขัดวู่หยานแล้วเก็บ
คืนมิซากะซิสเตอร์!
ทว่าวินาทีนี่ เขาเกิดความลังเล……
ส่วนเหตุผลก็เป็นเพราะ เมื่อวู่หยานเล็งธนูมาทางเขา อเลสเตอร์ก็รู้สึกได้ถึงออร่า
แห่งความตาย!
สถานการณ์พลิกกลับอย่างสมบูรณ์!
จากเดิมที่เป็นฝ่ายถูกขู่ ได้เปลี่ยนไปเป็นฝ่ายขู่! และจากคนที่ฝ่ายขู่ก็ได้กลับ
กลายเป็นโดนขู่! ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังขู่เขาสำเร็จด้วย!
แววตาอเลสเตอร์เปร่งประกายวิบวับด้วยความไม่แน่ใจ นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้
รู้สึกว่าความตายมันใกล้ตัวขนาดนี้?…….
จนกระทั่ง มีวันที่ตัวเองถูกข่มขู่กลับ…….
‘ทางที่ดีเจ้าควรคิดให้รอบคอบ……’
ขณะที่อเลสเตอร์กำลังลังเลว่าจะลงมือดีไหม ไม่รู้ว่าเอวัสนใช้วีไหน จู่ๆเขาก็ส่ง
เสียงเข้าไปในหัวของอเลสเตอร์โดยตรง
ทว่าได้ยินคำพูดของเอวัส สีหน้าของอเลสเตอร์ก็เริ่มจริงจัง จากนั้นเขาก็เริ่มเปิด
บทสนาในใจตัวเอง ‘อย่าบอกนะว่าแม้แต่นายยังไม่สามารถป้องกันธนูนั้นได้?’
เอวัสเงียบไปชั่วครู่ ราวกับกำลังขบคิด ก่อนจะพูดว่า ‘ข้ามีความมั่นใจว่าสามารถ
ป้องกันธนูชิ้นนั้นได้ ทว่าข้าเองก็ต้องบาดเจ็บด้วยเช่นกัน’
ใจอเลสเตอร์สั่นโดยที่ไม่พูดอะไรต่ออีก แต่เอวัสรู้ว่าถึงอเลสเตอร์จะดูใจเย็น แต่
ภายในกำลังสั่นสะเทือนอย่างหนัก
‘ธนูนั่นอันตรายมาก! มันให้ความรู้เกือบจะเทียบเท่ากับดาบในตำนวนที่ว่า
สามารถฆ่าเทวทูตได้!’
‘รวมไปถึงการป้องกันแปลกๆของเขาที่แม้แต่ข้ายังไร้หนทาง ถ้าเกิดเขาโจมตีล่ะก็
ผลลัพธ์คือข้าจะบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ข้าไม่สามารถรับประกันตัวเจ้าได้!’
นี่ทำให้อเลสเตอร์เงียบสนิท เห็นอเลสเตอร์เงียบ แววตาวู่หยานเป็นเปร่งประกาย
ด้วยโทสะ จากนั้นก็ง้างคันธนูมากกว่าเดิมจนสุดสาย!
การเคลื่อนไหวของวู่หยาน ทำให้อเลสเตอร์รู้สึกได้ถึงออร่าความตายที่เข้มข้น
กว่าเดิม นี่ทำให้เขาไม่อาจเงียบต่อไปได้อีก
“อย่าได้บีบบังคับฉัน…..”
ถ้าให้คนที่รู้จักอเลสเตอร์ได้ยินคำพูดนี้ล่ะก็ เชื่อได้เลยร้อยทั้งร้อยต้องอ้าปากค้าง
แน่นอน แต่ว่าวู่หยานสามารถจับความหมายจริงๆของอเลสเตอรได้ มันไม่คิดจะ
ล้มเลิกแผนการต่อให้มีความตายจ่ออยู่ตรงหน้าตัวเองก็ตาม!
หรือก็คือถ้าเขาบีบบังคับมัน อเลสเตอร์ก็จะไม่ลังเลยที่จะลากทุกอย่างไปด้วยกัน!
วู่หยานกัดฟันกรอดด้วยความขมขื่น มีหลายต่อหลายครั้งที่เขาคิดอยากจะปล่อย
ลูกศรในมือ แต่เขาไม่มั่นใจกับผลที่จะตามมา
เขาไม่คิดจริงๆว่า ภายใต้การข่มขู่เอาชีวิต อเลสเตอร์กลับไม่ยอมล้มเลิกแผนการ
ตัวเอง อย่าบอกนะว่าแผนของมันสำคัญมากถึงขนาดนั้น?
จริงๆถ้าเป็นไปได้วู่หยานก็ไม่อยากให้มันถึงขั้นนั้นเลย เพราะเมืองแห่งการศึกษา
ที่ไม่มีอเลสเตอร์ ในไม่ช้าก็จะต้องเจอทางฝั่งเวทมนตร์บุกถล่มแน่!
พูดตรงๆเลยนะ ที่เมืองแห่งการศึกษายังมีมาได้จนถึงทุกวันนี้เป็นเพราะอเล
สเตอร์ล้วนๆ ถ้าขาดมันไปไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมืองนี้จะต้องพบกับ…….
เมื่อถึงเวลานั้น มิโคโตะ คุโรโกะ อุยฮารุ และ ซาเต็น ก็คง……..
ถึงแม้ว่าวู่หยานจะสามารถเอาพวกเธอไปจากโลกนี้ได้ แต่จะให้ดูเมืองแห่ง
การศึกษาที่มีประชากร2.3ล้านคน ซึ่ง80%เป็นนักเรียนกับเด็กตกตายไปทั้งหมด
…..เขาทำไม่ได้จริงๆ…….
นาทีนี้วู่หยานก็นึกไปถึงคำพูดของสึจิมิคาโดะที่ ขอไม่ให้เขาต่อสู้กับอเลสเตอร์
…….
แต่ว่าแล้วพวก ซิสเตอร์ ล่ะ……
ทันใดนั้นในหัววู่หยานก็มีความคิดนึงแว่บขึ้นมา!
เดิมที่อเลสเตอร์แค่ต้องการให้สนามพลังAIMที่มีในเมืองแห่งการศึกษาแผ่ขยาย
ปกคลุมไปทั่วทั้งโลกแค่นั้น มันไม่ได้ต้องการตัวซิสเตอร์เลย!
ถ้าเขาสามารถทำให้สนามพลังAIMกระจายตัวออกไปทั่วโลกได้ งั้นเขากับอเล
สเตอร์ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมาทะเลาะกัน!
แล้วแค่ทำให้สนามพลังAIMกระจายตัวออกไปทั่วโลกเนี่ย เขาที่มีระบบอยู่กับตัว
ต้องกลัวด้วยว่าจะทำไม่ได้?
เครื่องขยายสนามพลัง : เป็นอุปกรณ์ที่สามารถขยายคลื่นที่มองไม่เห็นได้ สามารถ
ขยายไปได้อย่างไร้ที่สิ้นสุดตามต้องการ ; 100,000แต้มไอเท็ม
เจอสิ่งที่ต้องการ วู่หยานถอนลมหายใจเบาๆ แล้วยก Night of Meteor ลง
พร้อมๆกับการเคลื่อนไหวของวู่หยาน ลูกศรสีเงินก็ได้เปลี่ยนไปเป็นแสง
ดาวกระจายหายไป…….
เห็นอีกฝ่ายวางธนูที่น่ากลัวนั่นลง อเลสเตอรก็ตาเป็นประกาย เขาไม่คิดมาก่อน
ว่าวู่หยานจะทำแบบนี้
นี่อย่าบอกนะว่าเขายอมถอยให้แล้ว?
“อเลสเตอร์…..” วู่หยานพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “นายต้องการซิสเตอร์คืน นั่นมัน
เป็นไปไม่ได้……”
ได้ยินแบบนี้ อเลสเตอร์ไม่ได้แปลกใจอะไร ด้วยท่าทางต่อต้านของวู่หยานก่อน
หน้านี้ ถ้าจู่ๆอีกฝ่ายจะยอมส่งซิสเตอร์คืนให้ดีๆนี่สิถึงจะทำเขาแปลกใจ เขาแน่ใจ
ว่าวู่หยานต้องการจะพูดถึงอะไรบางอย่าง………
มองดูสีหน้าไร้อารมณ์ของอีกฝ่าย ก่อนจะมองไปที่กลุ่มแสงสีทองด้านหลังมัน วู่
หยานก็เบาๆว่า “ไม่ใช่ว่าเป้าหมายของนายคือต้องการให้สนามพลังAIMที่มีใน
เมืองแห่งการศึกษาแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งโลกหรอกเหรอ? ฉันมีวิธี!”
วู่หยานรู้สึกได้ว่าตอนตนพูดคำพูดนี้ออกไป ออร่ารอบตัวอเลสเตอร์ก็เปลี่ยนไป
ทันที แต่ทว่าสีหน้าก็ยังเรีบเฉยไม่เปลี่ยน นี่ทำให้วู่หยานชื่นชมความใจเย็นของอีก
ฝ่าย
อเลสเตอร์มองวู่หยานเงียบๆ ส่วนวู่หยานก็เก็บ ‘Night of Meteor’ ลงแหวนมิติ
นัยน์ตาสีทองก็เปลี่ยนกลับมาเป็นสีแดง แล้วจ้องกลับไปที่อเลสเตอร์…….
ทั้งสองฝ่ายได้กลับมาเงียบกริบอีกครั้ง…….
ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ อเลสเตอร์ก็พูดว่า “ถ้านายทำได้จริงๆ…….”
ได้ยินแบบนี้ วู่หยานก็ยิ้ม ตูชนะเองอีกรอบแล้ว! (@น่าจะหมายถึงแข่งกันเงียบ
ใครพูดก่อนแพ้)
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ มุสึจิเมะ อาวากิ ก็ได้ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง เธอ
มองอเลสเตอร์ด้วยความเกรงกลัวทีนึง แล้วหันไปมองวู่หยานด้วยสายตากลัวๆ
เช่นกัน จากนั้นเธอก็นำทางวู่หยานออกไป…….
เมื่อวู่หยานกลับไป ที่นี่ก็ได้กลับมาเงียบอีกครั้ง เงาร่างสีทองมองไปที่ เครื่องขยาย
สนามพลัง ที่ห่างออกไปไม่ไกล แล้วพูดเสียงเบาหวิวว่า
“แรงกดดันที่ไม่รู้จัก อาวุธที่น่าสะพรึงกลัว อุปกรณ์อันลึกลับ เจ้า…เป็นตัวอะไร
กันแน่?……..”