ตะวันทั้งเก้าลอยไปยังนภาและผนึกผู้คุมสวรรค์ทั้งสามเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ฮั่นเจียงหลินหวาดกลัวตต่อตะวันร้อนระอุที่เข้ามาผนึกพวกเขาอย่างเห็นได้ชัดเพราะมันมีพลังที่จะเผาพวกเขาได้ทั้งเป็น
“นางทำลายสมบัติเทพของตัวเองเพื่อผนึกพวกเรา!”
“ดื้อด้านนัก! แต่มันจะผนึกพวกเราได้นานเท่าใดกัน? พวกเราจะรอดออกไปได้รึ!”
เมื่อสมบัติเทพระดับกลางทำลายตัวเอง พลังมันจะลดลง มันมิอาจขังพวกเขาได้ตลอดไป!
จ้าววิหคเพลิงโกรธแค้นเต็มหัวใจ นางตะโกน
“เฟิงเอ๋อ เอาโอสถมาให้ข้า! ถึงข้าจะต้องตาย ข้าก็จะสู้กับพวกมันจนถึงที่สุด!”
“ท่านอาจารย์โปรดหนีไปเถอะ!”
ยู่หลิงพูดอย่างร้อนใจ นางโศกเศร้าและสะอื้น แม้นางจะเป็นคนที่เยือกเย็นและหยาบคาย แต่จ้าวคณะก็เป็นที่นางนับถือที่สุดจากหัวใจ
“พวกเราจะช่วยท่านหยุดพวกมันเอง! ถ้าหนึ่งคนไม่พอ พวกเราสิบคนก็จะช่วยด้วย ถ้าสิบคนยังไม่พอ พวกเราร้อยคนก็จะช่วยด้วย ถ้าหากร้อยคนไม่พอก็ยังมีอีกหมื่นคนที่เต็มใจจะตายเพื่อแลกกับท่านอาจารย์!”
เสียงตะโกนนี้มีผลกับจิตใจของศิษย์สตรีทั้งหมื่นคน
“พวกเราจะสู้จนตัวตายเพื่อท่านอาจารย์!”
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ–
เหล่าหญิงสาวผู้งดงามทั้งหมื่นคนคุกเข่าลงกับพื้น พวกนางตะโกนสุดเสียง
“ท่านอาจารย์ได้โปรดหนีไปเถอะ!”
“ท่านอาจารย์โปรดหนีไป!”
“หนีไป!”
เสียงของคนนับหมื่นดังพร้อมกันจากทั้งนอกและในคณะวิหคเพลิง
จ้าววิหคเพลิงนั้นใจกว้างต่อเหล่าศิษย์จนถึงขั้นที่เหล่าศิษย์รักในตัวนาง ในยามวิกฤติ ศิษย์ทุกคนของนางเต็มใจที่จะเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตนาง เสียงอันดังก้องเหล่านี้สั่นคลอนนภาทั่วปราการวิหคเพลิง
“พวกเจ้ามันโง่เง่า!”
จ้าววิหคเพลิงพูดเสียงสั่น
“พวกเจ้ามีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น พวกเจ้าไม่เข้าใจงั้นรึ?”
บรรยากาศอันเศร้าหมองปกคลุมนภา ศิษย์หลายคนร้องไห้ไปตามๆกัน แม้พวกนางจะกลัวตาย พวกนางก็กลัวจ้าวคณะจะตายก่อนมากกว่า
“ข้าขอสั่งศิษย์ทุกคนของข้า!”
แววตานางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า นางเจ็บปวด
“ทุกคนจงหนีไปเดี๋ยวนี้! นับแต่วันนี้ไป คณะวิหคเพลิงจะ…ปลดประจำการ!”
นางพูดคำสุดท้ายด้วยสติที่แทบจะหลุดลอย นางดูแก่ลงกว่าเดิมไปสิบปี ความรู้สึกโศกเศร้าและเจ็บปวดกัดกินหัวใจของนาง คณะวิหคเพลิงที่ตั้งตระหง่านดั่งหอคอยยักษ์มาหลายร้อยปีกำลังจะพลังทลายขณะที่อยู่ในยุคสมัยของนาง!
ยู่หลิงร้องไห้จนเสียงหายไป
“ท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ไปไหน! ถ้าท่านตายข้าก็จะตายไปกับท่าน ถ้าท่านสู้ข้าก็จะสู้ไปกับท่าน!”
ท่ามกลางหายนะ ยู่หลิงเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา แววตานางเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
“ท่านอาจารย์ดูแลข้าตั้งแต่ยังเล็กในยามที่ข้าไร้ที่พึ่งพิง ท่านคือคนคนเดียวที่ข้าจะต้องปกป้อง! ข้าจะทิ้งท่านไปได้ยังไง?”
ความรู้สึกที่แท้จริงของนางนั้นหนักหนาดั่งขุนเขาแต่ก็อบอุ่น เหล่าศิษย์นับไม่ถ้วนประทับใจคำพูดของนาง พวกนางมองหน้ากันด้วยความเศร้าหมอง
“พวกเราเต็มใจจะสู้เพื่อท่านจ้าวคณะ!”
“สู้เพื่อท่านจ้าวคณะ!”
“ถ้าคณะวิหคเพลิงยังอยู่ พวกข้าก็ยังอยู่เช่นกัน ถ้าคณะวิหคเพลิงตกตาย พวกเราก็จะตกตายไปพร้อมกัน!”
เหล่าหญิงสาวล้วนเด็ดเดี่ยว! พลังของสตรีนับหมื่นหลอมรวมเป็นหนึ่งราวกับเหล็กกล้า แม้แต่จ้าววิหคเพลิงกับผู้คุมสวรรค์ทั้งสามก็ตัวสั่นด้วยพลังใจเหล่านั้น!
แม้แต่ซือหยูก็ตกตะลึง เขาประทับใจกับเหล่าหญิงสาวของคณะวิหคเพลิง เขาไม่เคยเห็นขุมกำลังใดที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันถึงขนาดจะสละชีวิตเพื่อผู้นำได้
ซือหยูมองจ้าววิหคเพลิงจึงเข้าใจ
“ถ้าท่านอยู่ที่นี่ คณะวิหคเพลิงก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ท่านคือคณะวิหคเพลิง”
ตราบเท่าที่จ้าววิหคเพลิงยังมีชีวิตอยู่ ศิษย์และผู้ติดตามของนางก็จะไม่มีวันยอมแพ้ จ้าววิหคเพลิงดวงตาสั่นระริก นางสะอื้นไห้และพูดอะไรไม่ออก
“ท่านอาจารย์ ข้าเอาโอสถมาแล้ว”
เฟิงเซี่ยนย่อตัวลงและเอาขวดหยกออกมา
สีหน้าของนางไร้อารมณ์ตามเดิมแม้อาจารย์ของนางจะอยู่ในยามวิกฤติ ตัวนางไม่เข้ากันกับบรรยากาศของคณะวิหคเพลิงในตอนนี้เลย นางหยิบโอสถขึ้นมา มันดูเหมือนโอสถที่มักจะใช้รักษาบาดแผลและมีพลังอันบริสุทธิ์
“ขอบคุณนะเฟิงเอ๋อ”
จ้าววิหคเพลิงเงยหน้าดื่มโอสถ นางลูบหน้าผากของเฟิงเซี่ยนอย่างใจดี
“ข้าขอโทษที่ต้องให้เจ้าใช้ฎีกาสวรรค์รักษาข้า”
พลังอันบริสุทธิ์นั้นรักษาบาดแผลของทุกคนได้ แต่มันก็ต้องใช้ฎีกาสวรรค์ของเฟิงเซี่ยนอยู่เล็กน้อย
เฟิงเซี่ยนก้มหน้า สีหน้าของนางบริสุทธิ์ผุดผ่อง
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก อย่างไรท่านก็เป็นอาจารย์ของข้า และยิ่งไปกว่านั้น…”
เฟิงเซี่ยนยิ้มอย่างเคย แต่รอยยิ้มครั้งนี้แปลกไป มันเยือกเย็นและมีจิตสังหารซ่อนเร้นเอาไว้
“เพราะอย่างไรท่านอาจารย์ก็จะตายที่นี่วันนี้! ให้พลังอันบริสุทธิ์ของข้าเป็นสิ่งตอบแทนที่ท่านอาจารย์บ่มเพาะข้าเถอะ!”
ทันใดนั้นจิตสังหารอันรุนแรงนั้นก็ทำให้เหล่าสตรีวิหคเพลิวรอบๆสับสน เฟิงเซี่ยนเป็นอะไรกัน?
อ๊าย—
ในตอนนั้น จ้าววิหคเพลิงร้องด้วยความเจ็บปวดและกุมท้องของตัวเอง นางพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ
“ฐานพลังข้า! ที่เจ้าให้ข้ามันไม่ใช่โอสถรักษา!”
เฟิงเซี่ยนยิ้มเยาะ
“นั่นไม่ใช่โอสถอยู่แล้ว นั่นคือโอสถนพอาสัญที่ข้าตั้งใจปรุงเพื่อท่านอาจารย์โดยเฉพาะ!”
ทุกคนชักสีหน้า!
โอสถนพอาสัญรึ? โอสถโบราณที่ทำให้แม้แต่อำมฤตระดับห้าก็สูญเสียฐานพลังไปได้น่ะรึ?
สูตรปรุงนั้นเป็นของที่ตระกูลเหยาเก็บเอาไว้! แต่ข่าวลือมิได้บอกหรอกรึว่าโอสถนี้ขาดพลังลึกลับที่ทวีปเฉินหลงไม่มี? ดังนั้นมันจึงไม่มีทางปรุงได้มิใช่รึ? ทำไมกัน….? ทำไมโอสถนี้ถึงไปอยู่ในมือเฟิงเซี่ยนได้?
ซือหยูราวกับถูกสายฟ้าฟาด แววตาเขาเยือกเย็น
“คนที่บงการให้โจวจิ้งขโมยสูตรปรุงยาของตระกูลเหยาคือเจ้า!”
ผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารผู้คนอย่างเหี้ยมโหดและปรุงโอสถในบ้านไม้หลังนั้น…กลับเป็นสตรีผู้บริสุทธิ์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก..เฟิงเซี่ยน!
ใครกันจะไปคิดว่าเป็นฝีมือนาง? คนที่ทำเรื่องนี้นั้นโหดร้ายป่าเถื่อนและมีมือเปื้อนโลหิต ส่วนนางนั้นดูสูงส่งและบริสุทธิ์
“ฮ่าๆ…”
เฟิงเซี่ยนหัวเราะ ใบหน้าบริสุทธิ์ของนางบิดเบี้ยว เมื่อนางยิ้มเยาะ ทำให้มันดูน่ากลัว!
“รู้ความจริงตอนนี้ก็สายไปแล้ว! เพื่อปรุงโอสถนี่ ข้าทำการทดลองมาตลอดหลายปี ท่านอาจารย์รู้สึกเช่นไรรึ? ท่านพอใจหรือไม่?”
เฟิงเซี่ยนยิ้มเยาะอย่างน่าอัปลักษณ์ นางก้มหน้ามองจ้าววิหคเพลิงที่ฐานพลังกำลังหายไป แม้เฟิงเซี่ยนจะดูบริสุทธิ์ในเบื้องหน้า แต่นางคืออสรพิษร้าย!
จ้าววิหคเพลิงทุกข์ทรมาน ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว
“ทำไมเจ้าถึงทำเช่นนี้?”
เฟิงเซี่ยนถอนหายใจแรง
“แน่ล่ะ ก็เพราะว่าท่านไม่เข้าใจกาลเวลายังไงล่ะ? ทวีปกำลังจะรวมเป็นปึกแผ่น แต่ท่านก็ยืนกรานที่จะขัดขวาง แม้ข้าจะเป็นศิษย์ท่าน ข้าก็ปรารถนาจะยืนข้างฝ่ายธรรมะ!”
คำพูดของนางมีแต่เรื่องไร้เหตุผล!
ทันใดนั้นท้องนภาก็เกิดเสียงดังลั่นราวกับมีอะไรกระแทกกับพื้น สามผู้คุมสวรรค์ได้หลุดจากพันธนาการของตะวันทั้งเก้าแล้ว
ฮั่นเจียงหลินหัวเราะดังลั่น
“เฟิงเซี่ยน ทำดีมาก!”
“หลังจากที่ทวีปแห่งนี้เป็นปึกแผ่น พวกเราคงวางใจให้เจ้าได้ปกครองคณะวิหคเพลิง”
เฟิงเซี่ยนหัวเราะ
“ขอบคุณเจ้าพันธมิตรฮั่น จ้าวหอสดับหิมะ และเจ้าเมืองอันยี่ที่เห็นค่าของข้า ข้าจะทำให้ดีที่สุด ข้าจะกุดหัวนางและจบสงครามอันไร้จุดหมายนี่ซะ!”
จิตสังหารปกคลุมดวงตาเฟิงเซี่ยน นางเอื้อมมือคว้าลำคอของจ้าววิหคเพลิง
ในตอนนั้น ซือหยูกับสตรีวิหคเพลิงอยู่ข้างนางแต่ซือหยูบาดเจ็บและห่างออกไปร้อยศอก และพลังมิติยังถูกผนึกเอาไว้เพราะดวงตาที่มืดบอด เขามิอาจช่วยนางได้!
แม้ยู่หลิงจะอยู่ใกล้ที่สุด นางก็เป็นอำมฤตระดับสี่ขั้นต้น นางจะทำอะไรเฟิงเซี่ยนที่เป็นอำมฤตระดับสี่ขั้นสูงได้กัน?
ฐานพลังของจ้าววิหคเพลิงกำลังสลาย และนางก็เจ็บหนัก นางยิ้มอย่างโศกเศร้า
“แม้ข้าจะมีดวงตา แต่ข้าก็มิอาจแยกแยะถูกผิดได้ ข้าคงได้แต่โทษตัวเองสินะ…”
นางหัวเราะให้กับตัวเองและหลับตาด้วยความเศร้า
ฟึ่บ–
โลหิตกระจายไปทั่วทุกหนแห่ง
จ้าววิหคเพลิงลืมตาขึ้น นางเห็นยู่หลิงยืนอยู่ตรงหน้านาง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยโลหิตของยู่หลิงยิ้มอย่างโศกเศร้า
“ท่านอาจารย์”
“ข้าขอ..ไป…ก่อน…”
หลังของนางถูกทะลวงด้วยฝ่ามือของเฟิงเซี่ยน หัวใจของนางแหลกเป็นเสี่ยงๆ
“ยู่หลิง!”
เหล่าศิษย์ที่รีบพุ่งเข้ามาเบิกตากว้าง
“เฟิงเซี่ยน! นังโสเภณี! เจ้าต้องแหลกเป็นชิ้นๆ!”
สตรีนับหมื่นจับจ้องเฟิงเซี่ยนเป็นตาเดียวราวกับคลื่นยักษ์
เฟิงเซี่ยนชินชาไร้อารมณ์ ใบหน้านางดูเยือกเย็นอย่างมากเมื่อมีโลหิตของยู่หลิงเปรอะใบหน้า
“ชิ! อยากจะเป็นวีรสตรีงั้นรึ? อย่ามากไปหน่อยเลย!”
ปั้ง–
เฟิงเซี่ยเตะร่างไร้วิญญาณของยู่หลิงและบีบคอจ้าววิหคเพลิงอีกครั้ง หากจ้าววิหคเพลิงตายไป ความสามัคคีของเหล่าศิษย์ก็คงจะสูญสลายไปเช่นกัน
แต่ในตอนนั้นก็มีฝ่ามือเวหาซัดเข้ามา!
เฟิงเซี่ยนตกใจและมีเวลาแค่สร้างชั้นพลังวิญญาณบางๆขึ้นมาป้องกันเท่านั้น
เพี๊ยะ–
เสียงดังลั่นมาพร้อมกับเฟิงเซี่ยนที่ถูกตบอย่างแรง รอยฝ่ามือโลหิตปรากฏที่ใบหน้าของนาง แรงนั้นมหาศาลจนนางกระเด็นและกระอักเลือดออกมา
ซือหยูพุ่งเข้ามาอย่างโกรธแค้น โลหิตพุ่งพล่านด้วยความโกรธ ร่างที่เจ็บหนักของเขาเลวร้ายกว่าเดิมเพราะฝ่ามือที่ตบลงไป โลหิตไหลออกมาจากมุมปาก
“เจ้า!”
เขาตะโกน
“พอได้แล้ว! นังโสเภณี!”
ซือหยูไม่เคยขยะแขยงในสตรีมากถึงเพียงนี้! นางสมคบคิดกับศัตรูทรยศต่อสำนัก หลอกลวงอาจารย์ และสังหารบรรพบุรุษสายโลหิตวิหคเพลิงของตัวเอง สุดท้ายนางก็คิดจะสังหารอาจารย์ของตัวเองที่นางติดหนี้ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยมือตัวเอง!
นางดูตระการตาในเบื้องหน้า นางบริสุทธิ์ผุดผ่อง และนางยังมีฎีกาสวรร์พิสุทธิ์! แต่เบื้องหลังของนางนั้นคือความโหดร้ายป่าเถื่อน หลายคนขนลุกด้วยความโกรธแค้นในหญิงสาวคนนี้!
ทั้งสองชีวิตที่ผ่านมา เฟิงเซี่ยนคือผู้หญิงที่ซือหยูรังเกียจมากกว่าใครอื่น! ผู้หญิงเช่นนี้ คำว่า “โสเภณี” ยังมีเพียงพอที่จะบรรยายความรังเกียจของซือหยูได้มากพอด้วยซ้ำ!
“เจ้าตบข้าเรอะ?”
เฟิงเซี่ยนกุมแก้มร้อนผ่าวและจ้องซือหยูอย่างดุร้าย!
นางเป็นสตรีผู้สูงส่ง ชายใดกันที่ไม่นับถือนาง? ซือหยูเป็นบุรุษคนเดียวที่ทำให้นางอับอายเมื่อก่อนหน้านี้ และตอนนี้เขายังกล้าตบหน้านางต่อหน้าทุกคน! ใบหน้านางบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
จิตสังหารของซือหยูโอบล้อมทุกพื้นที่
“ตบเจ้าเรอะ?”
เขาคำราม
“ข้าอยากจะฆ่าเศษขยะอย่างเจ้าทิ้งต่างหาก!”
เฟิงเซี่ยนหัวใจแทบหยุดเต้น นางมองซือหยูหัวจรดเท้า ใบหน้าของซือหยูซีดเผือด ดูเหมือนว่าเขาจะยังบาดเจ็บรุนแรงอยู่ แต่นางก็มิอาจคาดเดาได้ว่าซือหยูยังสู้ได้แค่ไหน นางย้อนคิดถึงตอนที่ซือหยูสังหารเฉินคงและตัวสั่น นางบินขึ้นนภาเพื่อหนีจากซือหยู นางคิดว่าซือหยูคงเป็นดั่งยอดฝีมืออื่นที่จะไม่เข้ามายุ่งในเรื่องภายใน แต่เขากลับ–
ครืน ปั้ง–
ในตอนนั้น ตะวันทั้งเก้าดวงถูกสลัดจนหมดสิ้น ผู้คุมสวรรค์ทั้งสามเป็นอิสระแล้ว!
พลังอันน่ากลัวปกคลุมพื้นที่ตลอดสามสิบลี้ รังสีพลังที่ปลดปล่อยพลังอย่างเดียวก็ทำให้ศิษย์ในคณะวิหคเพลิงหมดใจที่จะต่อสู้
จ้าววิหคเพลิงบาดเจ็บสาหัส ฐานพลังของนางหายไป ซือหยูเจ็บหนัก เขาเพียงแค่ดูแข็งแกร่ง แต่ภายในตอนนี้นั้นอ่อนแอเป็นอย่างมาก
กำลังใหญ่สองหมื่นคนกำลังจะเข้ามาถึงชายแดน และสามผู้คุมสวรรค์ก็หลุดจากพันธนาการ สถานการณ์จะสิ้นหวังไปมากกว่านี้ได้อีกรึ?
จ้าววิหคเพลิงดึงเสื้อของซือหยู แววตาเศร้าหมองนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาจากความเจ็บปวด
“หยินหยู นี่ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องทำอะไร…”
“ได้โปรดรีบหนีไปเถอะ”
สำนักกำลังจะถูกทำลายเพราะนาง ศิษย์ของนางกำลังจะถูกเข่นฆ่าเพราะนาง นางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ยังไง?
ซือหยูส่ายหน้าปฎิเสธ แม้เขาจะตัวซีดราวกับคนตาย เขาก็ยังดูหนักแน่นดังเดิม
“ท่านจ้าวคณะ ท่านช่วยข้าในตอนที่ข้าลำบาก ข้าจะเดินหนีไปจากที่นี่ได้อย่างไร? หยุดพูดและดูแลร่างกายของท่านเถอะ ก่อนที่ผลของโอสถจะกระจายไปทั่วร่าง ขับมันออกจากร่างเสียยังดีกว่า ท่านอาจจะยังมีหวังกับฐานพลัง”
“แล้วเจ้าล่ะ?”
จ้าววิหคเพลิงถามอย่างไม่ทันคิด
ซือหยูเงยหน้ามองสามผู้คุมสวรรค์ พวกเขาดูราวกับจันทราบนนภา ซือหยูหัวเราะ
“แน่ล่ะ ข้าจะสู้จนถึงที่สุด!”
“ข้าคนเดียวก็สู้กับสามคนนั่นได้!”