จ้าววิหคเพลิงหัวเราะอย่างขมขื่น
“เจ้า…เจ้าพยายามมากไปแล้ว”
คนอื่นนั้นไม่รู้สภาพร่างกายของซือหยู แต่นางนั้นรู้ดี เสียการมองเห็นไปและมิอาจใช้เนตรสวรรค์ได้อีก เขาจะรับมือกับเหล่าผู้คุมสวรรค์ได้อย่างไร? และซือหยูยังบาดเจ็บสาหัสอีก ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรับกระบวนท่าเดียวจากหนึ่งคนได้หรือไม่ ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้แบบหนึ่งต่อสามเลย
ซือหยูเงยหน้าและถอนหายใจ
“ข้ามีทางเลือกด้วยรึ?”
ฮั่นเจียงหลินกับเจ้าเมืองอันยี่…ใครกันที่ซือหยูไม่โกรธแค้นชิงชัง? ใครกันที่ไม่มีเรื่องบาดหมางกับซือหยู—ที่ซือหยูจะต้องไว้ชีวิต?
ซือหยูคงต้องตายอยู่ดีแม้เขาจะไม่ได้สู้ โอกาสเดียวของเขาคือต้องสู้! และเขาก็จะตายอย่างแน่นอน
ความขมขื่นเอ่อล้นในจิตใจ เขาคิดว่าคณะวิหคเพลิงคือสถานที่ที่เขาจะได้กลับมาอยู่กับเซี่ยนเอ๋ออีกครั้ง แต่เขาไม่คิดเลยว่าที่นี่จะเป็นที่กล่าวคำอำลาสุดท้าย
ฮั่นเจียงหลินหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว
“ฮ่าๆๆ! หยินหยู ในที่สุดวันของเจ้าก็มาถึง! เจ้าไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่หลังจากที่ฆ่าลูกชายของข้าไป? เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ตอนที่ฆ่าศิษย์ของข้า? เจ้ามีการปกป้องจากอาณาจักรทมิฬในอดีต ข้าต้องพบเจอแต่ความอยุติธรรมและทำอะไรเจ้าไม่ได้ แต่ตอนมันถึงคราวที่เจ้าต้องรับโทษแล้ว!”
เจ้าเมืองอันยี่ที่อยู่ข้างๆหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว
“ไอ้เด็กบัดซบนี่ทำเช่นนั้นกับพี่ฮั่นงั้นรึ! มันก็ฆ่าลูกชายข้ากับคนตระกูลข้าไปเหมือนกัน ข้าจะต้องล้างแค้นอย่างแน่นอน!”
ทั้งสองมองหน้ากัน เพลิงแห่งความชิงชังแผดเผาในแววตา
“เจ้าก่อบาปของเจ้าเองนะหยินหยู”
ฮั่นเจียงหลินพูด
“นี่จะเป็นวันตายของเจ้า!”
เจ้าเมืองอันยี่พูดตาม
จ้าวหอสดับหิมะก้มลลงมองเบื้องล่าง
“เจ้าคือหยินหยูสินะ เจ้าเป็นคนที่ฆ่าจางซือยื่อกับเว่ยเทียนเฉินจากหอสดับหิมะไปใช่หรือไม่? ฮื่ม! กล้าทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้เพราะมีอาณาจักรทมิฬหนุนหลัง! บาปกรรมตามทันเจ้าแล้ว พวกเราจะจับเจ้าเป็นเครื่องเซ่นแก่สวรรค์ในการก่อตั้งพันธมิตรอุดรทวีป!”
ผู้คุมสวรรค์ทั้งสามคนกดดันซือหยู ทุกคนต้องการฆ่าเขา!
ซือหยูหลับตาและหัวเราะอย่างเงียบๆ ทำเรื่องโหดร้ายงั้นรึ? แล้วฮั่นเจียงหลินชั่วร้ายเพียงใดกันที่ทรยศต่อฉีตงไล่? เจ้าเมืองอันยี่ชั่วร้ายเพียงใดกันที่อยากจะฆ่าเขาอยากไร้เหตุผล? แล้วศิษย์อันน่ารังเกียจทั้งสองจากหอสดับหิมะอีก?
ทุกคนที่ซือหยูฆ่าไปล้วนชั่วร้ายและมีความผิด เขาไม่เสียใจแม้แต่น้อย!
ซือหยูเงยหน้า ดวงตาแผ่จิตสังหาร
“เข้ามาสู้กับข้า! ฆ่าข้า! อย่าคิดว่าเจ้าจะได้สบายใจหลังจากที่ข้าตายไป!”
จิตวิญญาณเช่นใดกันที่ทำให้เขากล้าเผชิญหน้ากับผู้คุมสวรรค์ทั้งสามคนด้วยตัวคนเดียว? ความมุ่งมั่นแบบใดกัน? ความกล้าเพียงใดกัน?
หญิงสาวจากคณะวิหคเพลิงคล้อยตามเสียงตะโกนแห่งความเศร้า! พวกนางตายซะยังดีกว่าที่จะไม่ได้ต่อสู้!
“เข้ามา! แน่จริงก็เข้ามาฆ่าพวกข้าสิ!”
เหล่าหญิงสาวนับร้อยนับพันบินลับขอบนภา เสียงตะโกนสั่นคลอนทั้งแผ่นดิน หญิงสาวผู้อ่อนแอหลายคนพุ่งเข้าใส่สามผู้คุมสวรรค์ที่ลอยอยู่บนนภา แม้ว่าพวกนางจะรู้ว่าพวกนางจะต้องตายอย่างไม่มีวันหวนกลับ!
“เข้ามา! สู้กับพวกข้า!”
เสียงตะโกนอันโกรธเกรี้ยวพุ่งไปยังบนนภาราวกับวายุกระหน่ำ
สามผู้คุมสวรรค์ถูกรุมล้อมไปด้วยนักสู้หลายพันคน ช่างยิ่งใหญ่นัก! พวกนางจะแข็งแกร่งแค่ไหนกัน!
ทั้งสามมองผ่านรอบๆ อันมากมายหลากสีสัน งดงาม และก็น่าเวทนา
ดวงตาของจ้าววิหคเพลิงแทบจะหลุดออกจากเบ้า นางกรีดร้อง
“ไม่นะ!”
ในตอนนั้น คนที่ร่วงหล่น คนที่ตกลงจากฟากฟ้า คนที่แหลกสลาย ทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์ที่ตายเพื่อนาง!
ทั้งสามออกจากวายุกระหน่ำของเหล่าศิษย์คณะวิหคเพลิง สีหน้าของพวกเขาเหยียดหยามเหล่าหญิงสาวที่ขัดขืนอย่างไร้ความหมาย
“เจ้าอยากจะสู้เพื่อเกียรติยศด้วยพลังราวกับมดปลวกของพวกเจ้าน่ะรึ?”
ฮั่นเจียงหลินเยาะเย้ย
“ตายซะ!”
ฮั่นเจียงหลินสะบัดมือ หญิงสาวสิบคนถูกพลังวิญญาณแทงทะลุร่าง พวกนางร่วงหล่นราวกับใบไม้! แต่ก็มีหญิงสาวที่มากกว่าพุ่งเข้ามาแทนที่
“ท่านอาจารย์หนีเถอะ! เร็วเข้า!”
พวกนางตะโกนและพุ่งออกไปข้างหน้า
ฉั่วะ–
พวกนางพูดจบและก็มีกระบี่น้ำแข็งแทงทะลุร่าง ชีวิตของพวกนางดับมอดลงอย่างรวดเร็ว แต่ศิษย์หลายพันคนผู้ไม่กลัวตายกลับทะยานไปข้างหน้าอย่างเกรี้ยวกราด แต่ไม่ว่าพวกนางจะตายไปมากเท่าใด ก็ไม่มีคนไหนที่ต่อกรกับสามผู้คุมสวรรค์ได้เลย
“ท่านอาจารย์ หนีเร็ว!”
ศิษย์ที่พ่ายแพ้พูดก่อนตาย พวกนางมองหน้าอาจารย์เป็นครั้งสุดท้าย พวกนางใช้เสียงและพลังชีวิตสุดท้ายในการตะโกนบอกความปรารถนาที่ลึกที่สุดในหัวใจ
“ท่านอาจารย์! หนี! เร็ว!”
พวกนางสละชีวิตเพียงเพื่อยื้อเวลาให้กับจ้าววิหคเพลิง บุคคลที่พวกนางรักและเคารพ ทั้งโลกเงียบลงราวกับฟ้าดินตกอยู่ในภวังค์
เสียงที่มีบนโลกนั้นเหลือเพียงแต่เสียงตะโกนของเหล่าหญิงสาว
“ท่านอาจารย์! หนีไป!”
จ้าววิหคเพลงร่ำไห้ นางเจ็บปวดและโศกเศร้า
ซือหยูประทับใจกับเหล่าหญิงสาวที่ไม่สนใจความเป็นตายของตน เขาประทับใจในการก้าวไปข้างหน้าของพวกนาง! พวกนางล้วนเป็นสุภาพสตรี แต่ก็มีความยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ แล้วซือหยูที่เป็นบุรุษจะน้อยหน้าพวกนางได้อย่างไร?
ซือหยูหยุดร่างกายให้สั่นด้วยความยากลำบาก
“มู่เทียนฟาง ช่วยข้าหน่อย!”
เขาบาดเจ็บอย่างรุนแรง พลังวิญญาณและพลังกายของเขาแทบจะไม่เหลือ เขาไม่มีพลังพอที่จะบิน ไม่ต้องพูดถึงการต่อสู้
“พาข้าขึ้นฟ้าทีเถอะ!”
เส้นผมสีเงินของซือหยูสะบัดปลิว มู่เทียนฟางตัวสั่น ความตายของพวกพ้องนั้นเสียดแทงจิตใจของนาง ความคิดที่จะสู้จนตัวตายเริ่มเกิดขึ้นในหัว
“ท่านอาจารย์ ดูแลตัวเองด้วย!”
มู่เทียนฟางพูดปล่อยพลังวิญญาณสร้างปีกพาซือหยูบินขึ้นฟ้า
ซือหยูก้มลงมองด้วยรอยยิ้ม เขารู้ว่านี่อาจจะเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของเขา
“ท่านจ้าวคณะ ถนอมตัวด้วย!”
“โปรดส่งความปรารถนาสุดท้ายของข้าให้กับเซี่ยนเอ๋อและเจ้าตำหนักหลิง!”
ทั้งสองทะยานขึ้นฟ้าท่ามกลางเหล่าหญิงสาวที่ร่วงโรย ไปยังที่ที่พวกนางตกตาย พวกเขาทะยานขึ้นฟ้าไปยังสามผู้คุมสวรรค์!
“ทุกคน! ถอยออกมา!”
ซือหยูใช้พลังสุดท้ายตะโกน
เมฆาสั่นสะเทือนลอยลับหาย เหล่าหญิงสาวหันกลับมามองด้วยความสงสัย
“ให้ข้าจัดการเถอะ!”
ซือหยูพูด
ไม่ว่าพวกนางจะมีจำนวนเท่าใด พวกนางก็ไม่มีวันไปถึงระดับของผู้คุมสวรรค์ พวกนางทำได้แต่เพียงตายอย่างไร้ค่า มีแค่ซือหยูเท่านั้นที่ยังมีโอกาสทำอะไรได้
ฟึ่บ–
พวกนางเชื่อใจซือหยูอย่างมิอาจอธิบายได้ เขาคือบุรุษผู้สูงส่งผู้ก่อกบฏต่อสวรรค์
ซือหยูตัวสั่น เขายื่นมือขวาออกมาและเรียกพลังวิญญาณจากฟ้าดินให้มารวมตัวกัน
“อรหันต์แปดอักษร!”
พลังวิญญาณทั้งหมดในระยะสามร้อยลี้ต่างเข้ามารวมตัวกันที่ผู้อัญเชิญ มันรวมตัวเหนือศีรษะของซือหยู สร้างอักษร “ปิง” ตัวใหญ่ยักษ์!
เสียงสังหารจากฟ้าดินเติมเต็มอักษร มันมากพอที่จะฆ่าเหล่าผู้คุมสวรรค์!
สีหน้าดุร้ายของจ้าวหอสดับหิมะประหลาดใจ
“เป็นไปไม่ได้!”
“วิชาอะไรกันที่มีพลังเช่นนั้น? นั่นมันการตบตารึ?”
แต่ในตอนนั้น ฮั่นเจียงหลินเบิกตากว้าง
“เร็วเข้า! อย่าให้เขาได้ปล่อยวิชานั้น!”
“นั่นเป็นวิชาระดับตำนาน! ข้าเคยเห็นกับตา พลังของมันเหนือจินตนาการ! ข้าไม่เคยรู้มาก่อนแต่ข้ากลับไปอ่านตำราประวัติศาสตร์และยืนยันได้ว่ามันคือวิชาระดับตำนาน!”
ฮั่นเจียงหลินใบหน้าเคร่งเครียด
เจ้าเมืองอันยี่ชักสีหน้า เขาอ้าปากค้าง
“อะไรนะ…? วิชาระดับตำนานเรอะ?”
“เร็วเข้า! ฆ่ามันก่อนที่มันจะได้ใช้วิชานั้น!”
ฮั่นเจียงหลินตื่นตระหนก เขาพุ่งไปทางซือหยู
คำว่า “ปิง” ยังก่อตัวไม่เต็มที่
มู่เทียนฟางก้มลงและเบิกตากว้าง
“ร่างกายเจ้ากำลังสลาย!”
แรงกดดันเพียงใดกันที่ร่างกายต้องแบกรับหลังจากรวบรวมพลังวิญญาณมหาศาลเช่นนี้? ซือหยูใช้วิชานี้ไปแล้วหนึ่งครั้งและใช้พลังกายและพลังวิญญาณจนหมดสิ้น และตอนนี้เขากำลังใช้มันอีก เขาต้องแลกกับการที่ร่างกายถูกทำลาย มันไม่ต่างอะไรกับการตายเลย!
ฉั่วะ—
ท้องของเขาฉีกออก เห็นกระดูกขาวสะอาด
ฉั่วะ–
ฉั่วะ—
ฉั่วะ–
แขน ขา แผ่นหลัง ทั้งหมดฉีกขาดราวกับเต้าหู้ มันแหลกสลายต่อไปไม่หยุด โลหิตกระจายทั่วนภา เขาอยู่ในสภาพปางตาย
มู่เทียนฟางไม่รู้จะทำอะไร นางตกใจกลัว
“หยุดนะ!”
“เจ้าจะฆ่าตัวตายรึไงกัน!”
ซือหยูบาดเจ็บหนักจนเกินไป นางช่วยชีวิตเขาไม่ได้
ดวงตาที่มืดบอดของซือหยูเด็ดเดี่ยว เขาตอบอย่างติดขัด
“ตาย—แสงดับมอด…มิต้องโศกเศร้า…ให้ข้าสู้เถอะ ด้วยท้ายสุดของชีวิต ท้ายสุดของจิตวิญญาณ และโลหิตหยดสุดท้ายของข้า…”
อักษร “ปิง” ก่อตัวเสร็จสิ้น! เสียงสังหารแผ่ไปด้วยรังสีทำลายล้าง
ตู้ม–
ร่างของซือหยูระเบิดในทันที ไม่มีส่วนใดในร่างกายของเขาเลยที่ไม่แหลกสลายยกเว้นส่วนหัว
เนื้อภายในเผยออก กระดูกแตกละเอียด ประสาทเสียหาย…เหลือเพียงแค่ศีรษะที่ไม่เป็นอะไรเพราะมันถูกปกป้องไว้ด้วยหม้อเก้ามังกร ร่างของเขาถูกทำลาย เขาเหลือแต่เพียงลมหายใจสุดท้าย อีกเพียงไม่กี่วินาทีเขาจะตาย แต่เขาก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความยากลำบาก มันเป็นยิ้มแห่งความโล่งใจและโศกเศร้า
“รับไปซะ!”
“ปิง!”
อักษร “ปิง” ตัวยักษ์ระเบิดออก เสียงสวรรค์เปลี่ยนทุกสิ่งที่สัมผัสให้กลายเป็นเถ้าถ่ายด้วยพลังทำลายล้าง เมฆา ท้องฟ้า สายลม…ทุกสิ่งมลายหายไม่เหลือสิ่งใด
สามผู้คุมสวรรค์ที่พุ่งเข้าใส่ซือหยูชักสีหน้า
“เร็วเข้า!”
ฮั่นเจียงหลินตะโกน
“ใช้สมบัติเทพป้องกันเถอะ! ไม่งั้นพวกเราไม่เหลือแม้แต่ซากแน่!”
สามผู้คุมสวรรค์หยิบสมบัติเทพระดับกลางออกมาด้วยความกลัว
ตู้ม–
ตู้มข-
ตู้ม–
แรงกระแทกมหาศาลผ่านไป ท้องนภากลับมาสงบสุขอีกครั้ง เสียงสวรรค์พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว แต่ก็จากไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
พื้นที่ตลอดหมื่นศอกหลงเหลือเพียงฝุ่นควัน หลงเหลืออยู่แค่เดียว…มนุษย์สามคน!
แต่ละคนถือสมบัติเทพในมือ ชุดของพวกเขาฉีกขาด ผิวหนังถูกฉีกกระชาก โดยเฉพาะเจ้าเมืองอันยี่ แขนขวาของเขาหายไป รอยตัดอันคมกริบที่แขนขวาของเขานั้นเต็มไปด้วยโลหิต ชุดของฮั่นเจียงหลินฉีกขาด เขาเจ็บหนักจนกระดูกโผล่ออกมาให้เห็น จ้าวหอสดับหิมะเส้นผมหายไปทั้งหมด ร่างกายทั้งร่างของเขาย้อมไปด้วยโลหิต
ทั้งสามอ่อนแอลงและตัวซีด พวกเขาหายใจรวยริน แม้ว่าพวกเขาจะใช้สมบัติเทพในการป้องกันตัวเพื่อหลีกเลี่ยงความตาย พวกเขาก็หมดพลังวิญญาณและพลังกายไปมาก
เพียงคนเดียวทำเรื่องเช่นนี้—ต่อผู้คุมสวรรค์ทั้งสามคน! แม้ว่าซือหยูจะไม่ได้ฆ่าพวกเขา แต่ทั้งสามก็เจ็บหนักจนถึงขั้นที่เป็นบันทึกตะลึงโลก
ถ้าซือหยูอยู่ในสภาพสมบูรณ์ เขาอาจจะฆ่าทั้งสามคนได้เลย แต่โชคร้ายที่เขาเดินมาถึงปลายเส้นทางแล้ว
ร่างซือหยูระเบิดหลังจากใช้วิชา เขาเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย มีแต่ดวงตามืดบอดที่มองไปยังสวรรค์อันสูงส่ง
“โชค…ร้าย…นัก…”
“ข้ามิอาจช่วยเจ้าได้…”
เขาแพ้ในท้ายสุด ซือหยูทำอะไรกับสมบัติเทพระดับกลางที่พวกนั้นใช้ป้องกันตัวไม่ได้ ซือหยูถอนหายใจอย่างน่าเวทนา ราวกับพพลังวิญญาณพยายามจะลากเขาลงไปสู่ก้นบึ้ง เขากำลังจะตายรึ? นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกถึงความเยือกเย็นแห่งความตายได้ใกล้ชิดเช่นนี้
จ้าววิหคเพลิงเจ็บหนักและกำลังจะตาย ซือหยูก็ใกล้ตายเช่นกัน ชะตาของคณะวิหคเพลิง ชะตาของพวกนางทุกคน ชะตาของสตรีหลายล้านคนถูกตัดสินแล้ว
“เจ้าเดรัจฉาน!”
ดวงตาของฮั่นเจียงหลินปูดโปน เขาเกลียดชังซือหยูอย่างมาก
คนที่เจ็บหนักปางตายกลับทำให้สามผู้คุมสวรรค์ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้! เขาสมควรตายเป็นล้านครั้ง!
“เจ้าต้องชดใช้!”
ฮั่นเจียงหลินพุ่งไปข้างหน้า
มู่เทียนฟางโศกเศร้า นางมองฮั่นเจียงหลินด้วยความโกรธแค้นด้วยแววตาสุดท้าย ราวกับนางจะจำใบหน้าของเขาเอาไว้ในโลกหน้า แต่ในตอนนั้นเอง…
ตู้ม–
เสียงสายลมกระแทกซัดเข้ามา ความเร็วนั้นทำให้มวลเมฆากระจายหาย
สามผู้คุมสวรรค์ท่าทีเปลี่ยนไป
“นี่มัน…อำมฤตระดับห้า!”
มีผู้คุมสวรรค์อีกคนปรากฏตัวขึ้น! หอกยาวปล่อยพลังทำลายล้างออกมาจากระยะสามหมื่นลี้
ฮั่นเจียงหลินชักสีหน้า
“ระวัง!”
หอกนั้นเล็กมาทางพวกเขา!
สามผู้คุมสวรรค์ใช้สมบัติเทพอีกครั้ง พวกเขาร่วมมือกันป้องกัน
ครืน—
อั่ก—
สามผู้คุมสวรรค์มิอาจป้องกันตัวเองจากหอกได้ ร่างของพวกเขาถูกแทงทะลุตามด้วยเสียงกรีดร้อง สมบัติเทพในมือกระเด็นลอยออกไป! สมบัติเทพใดกันที่จัดการกับพวกเขาทั้งสามได้เช่นนี้?