ขณะที่เสี่ยวเชี่ยนกำลังจะพาคนขี้ขลาดพวกนั้นไป อวี๋หมิงหลางก็ออกมาพอดี พอเขาเห็นตำรวจก็เข้ามาถามความคืบหน้าของคดี
นี่ไม่ใช่พื้นที่ในความดูแลของเขา คดีปล้นรถโดยสารแบบนี้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของเขาต้องตามจัดการ ภารกิจของเขาคือดับไฟป่า อีกทั้งคดีแบบนี้ในสายตาของอวี๋หมิงหลางมันก็แค่คดีขี้ปะติ๋ว เขาคิดว่าไม่นานก็คงจับคนร้ายมาลงโทษได้ แต่ไม่คิดเลยว่า จะเจอพยานเฮงซวยที่เป็นตายก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือ เสี่ยวเฉียงทนไม่ไหว
“พวกคุณทำงานช้ามาก”
“ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่พยายามนะครับ แต่คนร้ายเจ้าเล่ห์มาก แถมพื้นที่ภูเขาก็กว้าง ถ้ามันตั้งใจจะหลบจริงๆกำลังคนของพวกเราก็ไม่พอครับ คงต้องรอไฟดับแล้วค่อยขอกำลังมาเพิ่ม” ตำรวจเองก็ลำบากใจ พวกเขามีกันอยู่แค่ไม่กี่คน
“เรื่องแค่นี้ต้องขอกำลังเพิ่มด้วย? คุณรอเดี๋ยว!” อวี๋หมิงหลางเรียกลูกน้องคนสนิทมาสั่งงานดับไฟป่า พวกเขาควบคุมการลุกลามได้แล้วด้วยการสั่งการอันเฉียบขาดของอวี๋หมิงหลาง
อวี๋หมิงหลางพาลูกน้องฝีมือดีห้าคนรวมเขาด้วยเป็นหกพร้อมอาวุธเตรียมตัวไปค้นหาในภูเขา
“พวกคุณมากันแค่นี้พอเหรอครับ? เดี๋ยวผมเรียกคนมาเพิ่มดีกว่า” ตำรวจพูด
อวี๋หมิงหลางตบบ่าเขา “พวกเราทหารหน่วยรบพิเศษทำงานกันในป่า คุณรออยู่ที่นี่แหละ รอแฟนผมอบรมคนพวกนั้นเสร็จพวกเราก็คงจับคนร้ายกลับมาได้พอดี”
“เทพขนาดนั้นเลย?” ตำรวจมองยศของอวี๋หมิงหลางและการแต่งตัวก็รู้ว่านี่คือผู้บัญชาการของทหารหน่วยรบพิเศษ แต่เขาไม่รู้ว่าผู้ชายตรงหน้านี้ก็คือ Oneคนดังในตำนาน
แน่นอนว่าเขาไม่เชื่อว่าเสี่ยวเชี่ยนจะทำให้คนพวกนั้นยอมพูดได้ มีคนเทพขนาดนั้นด้วยเหรอ อ่อ สองคนนี้ดูเหมือนจะเป็นสามีภรรยากันด้วยใช่ไหม?
“จับตัวไอ้คนชั่วที่มันแทงพี่สาวเรามาให้ได้ แล้วสับมันให้เละเหมือนฟักทอง!”
ตอนที่อวี๋หมิงหลางเดินผ่านเสี่ยวเชี่ยนได้ยินเธอกระซิบบอก เขายิ้มมุมปากแล้วเอามือลูบหัวเธอ จากนั้นก็พาคนของตัวเองหายเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็วดุจสายลม
ทหารหน่วยรบพิเศษพอเข้าไปในป่าแล้วก็กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม เคลื่อนตัวไปไหนก็ไม่เหลือร่องรอย
“ท่าลูบหัวพิฆาต! ความรักอบอวล!” อาเพียวอินกับความอ่อนโยนของอวี๋หมิงหลางตอนลูบหัวเสี่ยวเชี่ยน หมอตี๋เตะแข้งเขาหนึ่งที
“รีบๆไปนวดแป้ง คนตั้งเยอะรอกินหมั่นโถวอยู่!”
คนพวกนั้นที่ตำรวจพามาถูกเสี่ยวเชี่ยนพาไปอีกด้านหนึ่ง อาเพียวรู้สึกได้ว่าเสี่ยวเชี่ยนกำลังมีแผนบางอย่าง ด้วยความสงสัยเขาจึงอยากตามไปด้วย แต่ถูกหมอตี๋ลากตัวกลับมา
“ทำหมั่นโถวไป ไม่เก่งงานบ้านงานครัวเดี๋ยวขายไม่ออกนะ!”
“ฉันก็แค่สงสัยว่าเขาคิดจะทำอะไร…ผู้หญิงที่ขนาดนวดแป้งยังทำได้ไม่ดี จะไว้ใจได้เหรอ?” อาเพียวนวดแป้งต่อด้วยสีหน้าน้อยใจ
“เรื่องเล็กๆไม่เห็นต้องทำเป็นเรื่องใหญ่ เขาทำอาหารไม่เป็นไม่ได้หมายความว่าทำงานไม่เก่ง! เขาเป็นจิตแพทย์ไม่ใช่พ่อครัว! อีกอย่าง ถ้าเขาจะใช้วิธีรักษาที่เป็นของเขาโดยเฉพาะ ไม่อยากให้พวกเราเห็น นายเข้าไปจะทำอะไรได้? หัวนายเนี่ยข้างในมีแต่ก้อนหินเหรอ?” หมอตี๋เอามือเคาะหัวอาเพียว
อาเพียวเบ้ปากทำหน้าเซ็งๆ ทำได้แค่มองไปทางเสี่ยวเชี่ยน ผู้หญิงคนนั้นจะทำอะไรกันแน่นะ?
หลังจากที่ตำรวจจดบันทึกคำให้การของคนขับรถกับเด็กสาวที่ถูกลวนลามคนนั้นเสร็จเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบหนึ่งชั่วโมง
เดิมควรพาไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ แต่เพื่อให้ความร่วมมือกับเสี่ยวเชี่ยนที่ต้องรักษาสองคนนั้นบนรถ จึงต้องสอบปากคำที่นี่
พอเสร็จเรื่องทางด้านเสี่ยวเชี่ยนก็ยังไม่เสร็จ ตำรวจดูเวลา เตรียมจะไปบอกเสี่ยวเชี่ยนให้หยุดก่อน เขาต้องกลับที่ทำงานแล้ว
ขณะที่กำลังจะเข้าไปขัดจังหวะเสี่ยวเชี่ยน เขาก็เห็นพวกอวี๋หมิงหลางลากกระสอบมา
ใช่ พวกเขาลากมา
ตำรวจยืนมองอวี๋หมิงหลางเตะกระสอบมาตรงหน้าเขาแล้วเปิดออก มีหัวคนโผล่ออกมา
“หาเจอแล้ว”
โวะ!!!
หาเจอแล้ว?!
คนพวกนี้เทพระดับไหนวะเนี่ย พวกเขาตั้งหลายคนหายังไงก็หาไม่เจอ แต่นี่ไปแค่แปบเดียวก็หาเจอแล้ว?
ตำรวจนั่งลงเพื่อจะดูว่าคนร้ายที่ถูกจับมัดมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่พอนั่งลงไปปุ๊บก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยเตะจมูก โอ๊ย ทำไมหน้าหมอนี่มีแต่ขี้หมูป่า?
แถมร่างกายมีแต่บาดแผล นี่มันไปเจออะไรมาบ้าง?
พอเห็นตำรวจคนร้ายก็ร้องไห้ออกมาทันที
“พี่ตำรวจ! ช่วยผมด้วย!”
คนร้ายหน้าตาเปื้อนขี้หมู พอร้องไห้น้ำตาก็ไหลอาบแก้มพาเอาขี้หมูบนหน้าละลายไหลลงมาด้วย แถมตอนพูดยังพ่นขี้หมูออกมา เล่นเอาตำรวจกระโดดหนีแทบไม่ทัน
“นี่น่ะเหรอคนร้ายที่ถือมีดขึ้นไปบนรถแถมยังหวังจะปล้นด้วย?”
“นี่คือของกลางที่ค้นได้จากตัวคนร้าย พวกคุณเอาไปเป็นหลักฐานได้ พอเสร็จคดีแล้วค่อยส่งไปรษณีย์คืนพี่สาวผม” อวี๋หมิงหลางยื่นถุงพลาสติกใสที่ข้างในบรรจุของกลางให้ ข้างในนั้นมีโทรศัพท์มือถือกับกระเป๋าสตางค์ของอวี๋หมิงซีที่ค้นได้จากตัวคนร้าย
“พี่สาวคุณ?”
“ทหารหญิงที่กล้าหาญคนนั้นคือพี่สาวฝาแฝดของผมเอง”
“ครอบครัวคุณเป็นใครแน่ สุดยอดเลยจริงๆ…” ตำรวจรู้สึกทึ่งมาก
พูดกันว่าทหารหน่วยรบพิเศษเก่งมาก วันนี้ได้มาเห็นกับตาก็ต้องทึ่งในความสามารถ พวกเขาหาตัวคนร้ายเจอได้อย่างไรภายในเวลาอันสั้น—แถมยังจับมาในสภาพจะอยู่ก็ทรมานจะตายก็ไม่ได้รับอนุญาต?
เทพ!
“คนที่เก่งที่สุดในบ้านผมอยู่ตรงนั้น” อวี๋หมิงหลางชี้ไปด้านหลังตำรวจ
ตำรวจหันไปก็เห็นเสี่ยวเชี่ยนพาพวกผู้ชายขี้ขลาดที่เมื่อครู่เป็นตายก็ไม่ยอมเป็นพยานออกมา
คนพวกนั้นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ก้มลงคุกเข่าต่อหน้าตำรวจ
“คุณตำรวจ พวกเราผิดไปแล้ว!”
ตำรวจสะดุ้งตกใจ อะไรวะ?
“พวกเราไม่ควรนั่งอยู่เฉยๆไม่เข้าไปช่วย!”
“ไม่ควรแล้งน้ำใจแบบนั้น”
“แถมหลังเกิดเรื่องยังกลัวติดร่างแหไม่ยอมเป็นพยานอีก!”
แต่ละคนผลัดกันพูด พูดไปก็ร้องไห้ไป เสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ด้านหลังพวกเขาพลางยิ้มอย่างมั่นใจตามแบบฉบับของเธอ
หึหึ สำนึกผิดเข้าไป พวกกากเดน!
อวี๋หมิงหลางกับลูกน้องของเขารู้สึกเลื่อมใสในตัวเสี่ยวเชี่ยนมาก
พวกเขารับมือกับคนร้ายก็แค่ภายนอก แต่พี่สะใภ้เล่นถึงจิตใจ ดูสิ แค่ช่วงเวลาสั้นๆเล่นงานจนเป็นแบบนี้!
อวี๋หมิงหลางยกนิ้วโป้งให้เสี่ยวเชี่ยน เมียผมเก่ง!
เสี่ยวเชี่ยนเชิ่ดหน้าอย่างภูมิใจ มันแน่อยู่แล้ว!
“พวกเรายอมเป็นพยานแล้วครับ!” คนพวกนั้นพูดเป็นเสียงเดียวกัน ตำรวจปาดเหงื่อที่เกิดจากการตกใจ “เป็นพยานเหรอดีสิ งั้นก็เลิกคุกเข่าก่อนดีไหม…”
จิตแพทย์คนนี้รักษาอีท่าไหนเนี่ย ทำไมเก่งยิ่งกว่าล้างสมองอีก?
ดูคนขี้ขลาดพวกนี้ที่กลายเป็นคนใหม่สิ ใครเห็นก็ต้องงง
“หมอเฉิน! ขอบคุณครับ! ต่อไปพวกเราจะเป็นคนดี!” คนพวกนั้นหันไปคำนับให้เสี่ยวเชี่ยน เป็นภาพที่ดูยิ่งใหญ่มาก
“จำไว้นะ บางครั้งการที่เห็นคนจะตายแล้วไม่ช่วยก็เท่ากับเป็นคนร้าย เอาตัวเองรอดอยู่คนเดียวมันก็คือคนขี้ขลาด ต่อไปก็ทำตัวดีๆล่ะ”
“ครับ!”
เสี่ยวเชี่ยนทำแค่นี้น่ะเหรอ? แน่นอนว่าไม่ใช่…