เสี่ยวเชี่ยนมองไปไกลๆเห็นเหมือนมีคนกำลังเดินมา แต่มือเธอก็ไม่ได้หยุด มาช่วยก็ต้องทำตัวให้เหมือนมาช่วยงาน
“ตอนเย็นไม่น่าจะให้เหล่าทหารกินหมั่นโถวเปล่าๆไม่มีไส้อีกแล้วล่ะ ผมเห็นพ่อครัวขนหมูมาตัวหนึ่งเตรียมรอฆ่า คงรอตอนเย็นดับไฟได้หมดก็จะทำอาหารเติมพลังให้ทุกคน ไม่แน่อาจทำหมูน้ำแดงก็ได้—ว้าก! คุณทำอะไรน่ะ!” อาเพียวหันไปเห็นท่าทางของเสี่ยวเชี่ยนก็สะดุ้งตกใจขนลุก
รีบเข้าไปห้ามเสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนชูถุงแป้ง ทำหน้าเหมือนกำลังถามว่า หนูผิดอะไรเหยอ
“เทแป้งไง”
“เจ๊! ใส่ผงฟูลงไปทั้งถุงเลยเหรอ คุณพระช่วย แถมใส่แป้งไปแค่ครึ่งเดียว นั่งนวดไปแล้วด้วย!”
ถ้าอาเพียวไม่เห็นก่อน เย็นนี้อย่าว่าแต่หมูน้ำแดงเลย เหล่าทหารคงไม่ได้กินแม้แต่หมั่นโถว ผสมแบบนี้มันจะเป็นหมั่นโถวได้ไหม
“หา? สมัยนี้ทำหมั่นโถวไม่ใส่ผงฟูแล้วเอาผงฟูไว้ใช้ทำอะไร?” เสี่ยวเชี่ยนก็ยังงงๆอยู่ ที่แท้นี่ก็ผงฟูเหรอ เมื่อกี้เธอเทลงไป…ไม่น้อยเลย
“ทำผิดยังจะเถียง! ไปๆๆๆ ไปนั่งตรงนู้นเลย” อาเพียวไล่เสี่ยวเชี่ยน แค่เห็น ‘ผลงาน’ ชิ้นใหญ่ของเธอก็ปวดหัวแล้ว
เขารีบเรียกสมาชิกคนอื่นในทีมมา “หมอตี๋นายไปถ่วงเวลาพวกพ่อครัวไว้ก่อน ส่วนพวกนายสองคนรีบมาช่วยฉันทำลายหลักฐานเร็ว! อย่าให้พวกพ่อครัวมาเจอเด็ดขาด ไม่งั้นชื่อเสียงของทีมเราเสียหายแน่”
ถ้าให้มาเห็นว่าแม้แต่หมั่นโถวยังทำไม่ได้ ต่อไปคงไม่พาพวกเขามาทำภารกิจด้วยแล้ว
เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าตัวเองผิดเลยรีบช่วยขุดหลุมฝังผลงานตัวเอง
“เฉินเสี่ยวเชี่ยนคุณเป็นผู้หญิงหรือเปล่า? อยู่บ้านไม่เคยเข้าครัวเลยใช่ไหม? ดูสภาพหัวหน้าใหญ่สิ คุณเลี้ยงจนผอมแบบนั้น เป็นครั้งแรกที่ผมเจอคนแยกผงฟูกับแป้งไม่ออก”
อาเพียวบ่นพลางฝังก้อนแป้งที่เสี่ยวเชี่ยนทำไว้
“เขาผอมตรงไหน มีแต่กล้าม…อีกอย่าง ต่อให้เขาผอมก็ไม่ใช่เพราะฉันเลี้ยงเสียหน่อย” เสี่ยวเชี่ยนพูดต่อในใจ อยู่บ้านคนทำอาหารคืออวี๋หมิงหลางไม่ใช่เหรอ?
“ไปอยู่ข้างๆเลยอย่ามาเกะกะ เฉินเสี่ยวเชี่ยน คุณทำอาหารไม่เป็นใช่ไหม?” อาเพียวมองเสี่ยวเชี่ยนด้วยความสงสัย ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนคนทำอาหารเป็น เมื่อกี้ยังแสร้งทำเหมือนทำอาหารเป็น นั่งเนียนๆกับคนในทีม ที่แท้ก็ทำไม่เป็น!
“แค่กๆ!” เสี่ยวเชี่ยนแกล้งไอเหมือนคนร้อนตัว เธอไม่ทำที่นี่ระเบิดก็ปาฏิหาริย์บังเกิดแล้วมะ อย่าตั้งเงื่อนไขกับเธอให้มากนักเลยน่า
“จริงๆเลย ผู้หญิงแบบนี้ขายออกได้ไงเนี่ย? ไปยืนดูข้างๆเลย” อาเพียวกลับมาสาธิตผสมแป้งให้ดูด้วยท่าทางคล่องแคล่ว
เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้า
“ใช้ได้ เยี่ยมมาก เรื่องนี้ฉันไม่ขอแข่ง คุณขายออกแน่งานนี้”
“แน่นอน—เดี๋ยวนะ ทำไมผมต้องขายตัวเองด้วยเล่า!” อาเพียวเกรี้ยวกราดอีกแล้ว
คนอื่นๆในทีมทำงานไปหูก็เงี่ยฟังเสี่ยวเชี่ยนกับอาเพียวเถียงกัน คู่หูคู่ฮาเห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะแอบเม้าท์ “เห็นยัง ครั้งนี้หมอเฉินกับหัวหน้าทีมไม่ได้มาเสียเที่ยวแฮะ เริ่มซี้กันละ”
“ใช่มะ ทะเลาะกันทุกวันเดี๋ยวก็สนิทกัน”
คนอื่นๆมองกันอย่างสนุกสนาน ทันใดนั้นด้านหน้าก็เริ่มมีเสียงดัง ตำรวจพาคนกลุ่มหนึ่งกลับมา
เสี่ยวเชี่ยนหรี่ตามอง เมื่อกี้เธอเห็นมีคนกำลังเดินมาทางนี้ พอเดินเข้ามาใกล้แถมยังเดินมาทางพวกเธอด้วยหรือว่า—
โอกาสที่จะได้แก้แค้นให้พี่สาวสามีมาถึงแล้ว?
ถ้าเธอเดาไม่ผิดล่ะก็ กลุ่มคนที่ถูกตำรวจจับมานี้ก็คือพวกผู้โดยสารบนรถที่แล้งน้ำใจ
เสี่ยวเชี่ยนปัดแป้งทำอาหารที่อยู่ในมือทิ้ง หรือบางทีนั่นอาจจะเป็นผงฟู เธอเอามือเช็ดเสื้อ สายตาฉายแววเจ้าเล่ห์
โอกาสมาถึงแล้ว
“จะทำอะไรน่ะ?” อาเพียวเห็นท่าทางเธอแปลกๆจึงรีบถาม
“เห็นคนพวกนั้นไหม?” เสี่ยวเชี่ยนเอาคางชี้ไปข้างหน้า ตำรวจกำลังพาคนพวกนั้นมาทางนี้
“พวกไหน?”
เสี่ยวเชี่ยนชี้ให้ดู
“ก็พวกที่ทำตัวขี้ขลาด หน้าไม่อายพวกนั้นไง—”
“นี่ ทำไมว่าพวกเขาแบบนั้น?” อาเพียวยังยึดมั่นในคำพูดที่ว่าทหารกับประชาชนเป็นครอบครัวเดียวกัน!
“ถ้านายรู้ว่าพวกเขาทำอะไรไว้จะยังพูดแบบนี้ไหม?”
เหลืออีกหนึ่งนาทีได้กว่าตำรวจจะเดินมาถึงตรงนี้ เสี่ยวเชี่ยนจึงกระซิบเล่าเรื่องการทำตัวขี้ขลาดของพวกนั้นให้ฟัง
คนในทีมพูดกันเป็นเสียงเดียว “ถุย! ทุเรศ! ขี้ป๊อด!”
ผู้ชายตั้งกี่คนทำตัวเหมือนเต่าหดหัวตอนเจออันตราย ไม่กล้าหือกับคนร้าย แต่กลับปล่อยให้ทหารสาว(เสี่ยวซี)สู้อยู่คนเดียว แบบนี้มันทุเรศเกินไปแล้ว!
เรื่องเป็นแบบนี้ทุกคนจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมเสี่ยวเชี่ยนถึงได้พูดถึงคนพวกนั้นแบบนั้น
ระหว่างที่คุยกันตำรวจก็พากลุ่มคนเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ พวกเราเป็นตำรวจปราบปรามอาชญากรรม อยากจะขอเชิญตัวทหารหญิงที่แสนกล้าหาญคนนั้นมาให้ความร่วมมือในการสืบสวนหาหลักฐานหน่อยครับ”
ตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น
“ตอนนี้เขาไปหาหมอที่โรงพยาบาลแล้วค่ะ ตรงนี้มีคนขับรถกับเด็กสาวที่ทหารหญิงช่วยไว้ พอได้รับการช่วยเหลือทหารหญิงก็ทิ้งพวกเขาสองคนไว้ที่นี่ รอพวกคุณมาเพื่อให้ปากคำ เนื่องจากสภาพจิตใจของพวกเขาค่อนข้างย่ำแย่ พวกเราเลยทำการรักษาไปให้บ้างแล้วค่ะ” เสี่ยวเชี่ยนตอบ
“พวกคุณคือ—” ตำรวจมองพวกเสี่ยวเชี่ยนด้วยสายตาสงสัย ยศไม่ต่ำ แต่ทำไมกลับมาทำงานครัว?
อาเพียวทำความเคารพด้วยท่าของทหาร
“สวัสดีครับ พวกเราเป็นทีมจิตวิทยา ไม่ทราบว่ากลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังคุณใช่ผู้โดยสารที่อยู่บนรถคันเดียวกันหรือเปล่าครับ?”
“พวกเราสงสัยว่าใช่ครับ”
“ไม่ใช่นะ!” คนพวกนั้นรีบปฏิเสธ
ตำรวจเจอคนพวกนี้ที่กลางเขา ตอนนั้นเห็นท่าทางการแต่งตัวไม่เหมือนคนแถวนี้จึงถามว่าเป็นคนที่ไหน แต่ก็ตอบกันแบบกำกวม เดี๋ยวก็พูดว่าเคยโดยสารรถมา เดี๋ยวก็ปฏิเสธ ดูท่าทางเหมือนไม่ค่อยอยากเล่าเหตุการณ์ตอนนั้นเพราะกลัวคนร้ายจะมาแก้แค้น ตำรวจไม่มีทางเลือกจึงพากลับมาหมด เตรียมสืบสวนในภายหลัง
ผู้ชายพวกนี้มาด้วยกัน คงกลัวจะโดนอาฆาตแค้นเลยไม่อยากพูดมาก และก็กลัวจะโดนด่าเพราะเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว
“อย่างนั้นเหรอคะ จะต้องรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากแน่นอนเลย เดี๋ยวพวกเราทำการรักษาในเบื้องต้นให้ก่อนดีไหมคะ?” ดวงตาเสี่ยวเชี่ยนฉายแววเฉียบคม
“จะไม่เป็นการรบกวนพวกคุณเหรอครับ?” ถ้าได้คนมาช่วยให้ปากคำเพิ่มก็คงดี ตำรวจตามล่าคนร้ายตั้งนานก็ยังไม่เจอ ทำได้แค่หาเบาะแสจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์
“หมอครับ ช่วยพวกเราด้วย พวกเรากลัวมาก พวกเราไม่รู้อะไรเลยนะครับ ตำรวจพวกนี้จะให้พวกเรามาเป็นพยานให้ได้ พวกเราลืมไปหมดแล้ว!” มีคนหนึ่งตะโกนนำ คนอื่นๆก็รีบเออออด้วย ใช่ พวกเขาไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น
และก็ไม่รู้ด้วยว่าจิตแพทย์ทำงานอะไร น่าจะมีหน้าที่คุยเป็นเพื่อนมั้ง ขอแค่พวกเขายืนยันหนักแน่นไม่ไปเป็นพยาน หมอก็คงไม่บังคับพวกเขาหรอก…มั้ง?
“วางใจได้ค่ะ ฉันจะให้พวกคุณได้รับในสิ่งที่ควร”
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มอ่อนโยนเหมือนแม่พระ แต่ฟันขาวๆของเธอนั้นกลับสะท้อนเป็นประกายที่น่ากลัว ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์
อยู่กับเจ้ไม่ถึงกับตายหรอก!