หยอกล้อซูเหมยรอบหนึ่งแล้ว เย่เทียนก็ไม่ได้ทำต่อไปอีก หลังจากทานข้าวเสร็จบอกซูเหมยไปว่าช่วงนี้จะไม่ไปที่ผับ
ซูเหมยรู้ว่าเย่เทียนไม่เหมือนกับคนอื่น ผับเล็กๆ ของตนเองไม่อาจรั้งเย่เทียนบุคคลยิ่งใหญ่ระดับนี้ไว้ได้ จึงไม่พูดอะไรมาก ไม่นานก็แยกย้าย
เย่เทียนกลับมาถึงบริษัทตระกูลเฉิน ซึ่งเป็นเวลาเลิกงานพอดี
เย่เทียนในตอนนี้ อยู่ในบริษัทตระกูลเฉิน ถือว่ามีชื่อเสียงอยู่นิดหน่อย แม้แต่ประชาสัมพันธ์ยังรู้จักเขาที่เป็นรปภ.เล็กๆ แบบนี้เลย
ตลอดทางโล่งไปหมดไร้สิ่งกีดขวาง กระทั่งมาถึงหน้าประตูห้องทำงานของเฉินหวั่นชิง
ประจวบเหมาะกับ ประตูใหญ่ห้องทำงานผลักเปิด เจิ้นเซ่าเฉินเดินออกมาจากด้านใน
มองเห็นฉากนี้เข้า เย่เทียนยักคิ้วเล็กน้อย ในตามีความมันวาวที่มีความหมายล้ำลึกให้คนพอเข้าใจได้แฉลบผ่าน
ก่อนหน้านี้เขารู้มาว่า เบื้องหลังอิทธิพลมืดจ้องการวิจัยของตระกูลเฉินตาเป็นมัน ซึ่งมีความเกี่ยวข้องแบบคลุมเครือกับเจิ้นเซ่าเฉินคนนี้
เหตุผลที่ไม่ได้แตะต้องเขา ไม่ใช่เพราะต้องมองการณ์ไกลถึงได้ผลลัพธ์ดีกว่าเท่านั้นเหรอ
ตอนนี้เห็นเขาปรากฏตัวอยู่ที่นี่อย่างคาดไม่ถึง ในตาเย่เทียนประกายความตกใจนิดๆ
ส่วนเจิ้นเซ่าเฉินก็แปลกใจอยู่บ้างเหมือนกัน แอบคิดว่าไม่ใช่เย่เทียนหย่ากับเฉินหวั่นชิงแล้วเหรอ? ทำไมถึงปรากฏตัวที่นี่ได้?
หลังจากตกตะลึงช่วงสั้นๆ เขาก็ดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว บนหน้าเผยรอยยิ้มที่ตนเองคิดว่าสง่างามมากออกมา
“เย่เทียน ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่ได้?”
“ฉันอยู่ที่นี่แล้วเกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
เย่เทียนชายตามองเขาแวบหนึ่ง และไม่ได้อยากสนใจเขามากนัก
ความจริงถ้าไม่ใช่เพราะอยากดึงตัวการใหญ่เบื้องหลังตระกูลเจิ้นออกมา เดิมทีเจิ้นเซ่าเฉินคงไม่อาจมีชีวิตรอดจนถึงเวลานี้ได้
“ย่อมเกี่ยวข้องอยู่บ้างสิ พวกเราพูดกันแบบตรงไปตรงมาเถอะ นายเป็นคนตัวเล็กๆ ที่ตระกูลเย่ทอดทิ้ง ไม่มีความสามารถไม่มีเบื้องหลัง ทำไมต้องเสียเวลาทุกคนด้วยล่ะ?”
เจิ้นเซ่าเฉินจัดเสื้อผ้าอยู่ มองเย่เทียนด้วยสายตาอยู่เหนือกว่ามวลชนพลางพูดว่า “สิ่งสำคัญสุดคือต้องรู้จักตัวเอง เย่เทียนนายเป็นใคร ในวงการล้วนรู้ดีกันหมด เดิมทีนายให้ความสุขกับหวั่นชิงไม่ได้”
เย่เทียนหัวเราะในใจ พูดนิ่งๆ “นายเป็นห่วงตัวเองดีกว่า! สำหรับฉัน……ฉันคิดว่าฉันมีความสามารถที่จะมอบความสุขให้หวั่นชิงได้!”
เขาเกิดใหม่อีกครั้ง ในชาติก่อนไม่เคยเจอการเปลี่ยนแปลงของสังคมแบบไหนบ้าง?
การยั่วยุของเจิ้นเซ่าเฉินตรงหน้านี้ สำหรับเขาแล้ว เป็นเหมือนมดตัวน้อยที่ตะโกนใส่เขา เดิมทีไม่มีประโยชน์สักนิด
เจิ้นเซ่าเฉินได้ยินคำพูดนี้ ในสายตามีความโกรธเคืองแฉลบผ่าน พูดจาเยาะเย้ย “นายคิดว่านายเป็นใครกัน? นายน่าจะรู้ดี เดิมทีหวั่นชิงไม่ชอบนาย แม้กระทั่งรำคาญนายมากด้วย!”
“ฉันบอกแล้ว นี่ไม่เกี่ยวกับนาย นายคงไม่ใช่คนของบริษัทตระกูลเฉินมั้ง? ถ้าไม่มีธุระ ฉันอยากเชิญนายออกไป”
ระหว่างที่พูด เย่เทียนหมุนสายตา มีพนักงานรักษาความปลอดภัยสองสามคนเดินผ่านมาพอดี
ภายใต้สัญญาณกวักมือของเขา พนักงานรักษาความปลอดภัยสองสามคนรีบก้าวใหญ่ๆ เข้ามา จ้องเจิ้นเซ่าเฉินด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
เจิ้นเซ่าเฉินรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ถิ่นฐานของตนเอง บ่นพึมพำอยู่ในใจ “ความคิดไม่ตรงกันคุยไปก็ไม่รู้เรื่อง แกระวังตัวเอาไว้เถอะ!”
พูดจบ เจิ้นเซ่าเฉินไม่มองเย่เทียนอีก หมุนตัวเดินไป
เย่เทียนยิ่งไม่อาจจะไปสนใจเขา ผลักประตูเข้าไป มองเห็นเฉินหวั่นชิงนั่งอยู่ด้านในโต๊ะทำงาน นัยน์ตาซับซ้อนชัดเจนสบเข้ากับสายตาของเขาพอดี
เมื่อสักครู่ที่ประตูห้องทำงานปิดไม่สนิท บทสนทนาระหว่างเย่เทียนและเจิ้นเซ่าเฉิน เธอพอได้ยินส่วนหนึ่ง
“จ้องฉันขนาดนี้ทำไมกัน? บนหน้าฉันมีดอกไม้งั้นเหรอ?”
เย่เทียนเข้ามาด้วยสีหน้าร่าเริงเต็มที่ เอ่ยปากพูดหยอกล้อ
เฉินหวั่นชิงมองค้อนเขาไปทีหนึ่ง ทำให้เขาเข้าใจด้วยตนเอง ยืดช่วงเอวออกไป เตรียมหยิบเสื้อคลุมด้านข้างมาใส่
การเคลื่อนไหวแบบนี้ของเธอ ย่อมตกอยู่ในดวงตาของเย่เทียนเป็นธรรมดา สาวงามอยู่ต่อหน้า ไม่ดูก็น่าเสียดาย!
“ดูพอแล้วก็ออกไปกับฉันสักหน่อย!”
เฉินหวั่นชิงสังเกตเห็นสายตาที่แตกต่างไปนั้นของเย่เทียน จึงพูดตามตรง ถูกแอบมองมากเข้า เธอก็เกิดภูมิคุ้มกันบางอย่างเช่นกัน
เย่เทียนรีบดึงสติกลับมาทันที ในใจแอบรู้สึกดีใจ นี่เป็นนิมิตหมายที่ดีอย่างหนึ่งนะ!
ไม่อย่างนั้น เปลี่ยนเป็นเมื่อก่อน อย่างน้อยเฉินหวั่นชิงต้องพูดฉีกหน้าเขาสักยก จะ“ให้ท้าย”แบบนี้เหมือนตอนนี้ที่ไหนกัน?
ใครจะไม่รู้ นี่เฉินหวั่นชิงไม่ได้ให้ท้าย แต่ว่าไม่สนใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว!
สุภาษิตว่าเอาไว้ สันดานขุดยาก ถึงแม้ตีเขาด่าเขา เย่เทียนเขายังหยาบคายขนาดนี้ จะมีวิธีอะไรได้อีก
ไม่นาน เย่เทียนขับรถอยู่บนถนน ว่าตามการนำทางของเฉินหวั่นชิง มาถึงตลาดหินหยกที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียงหนัน
เจียงหนันคือเมืองที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมากแห่งหนึ่ง ไม่เพียงอาศัยแค่ธุรกิจการค้า ที่มากกว่านั้น ยังผลิตหินหยกอุตสาหกรรมกำไรมหาศาลอันนี้ด้วย!
ส่วนตลาดหินหยกของเจียงหนัน ทั่วทั้งประเทศจีนเป็นที่มีชื่อเสียงพอสมควร แต่ละปีจะจัดงานมหกรรมหินหยกหลายงาน ดึงดูดคนร่ำรวยของแต่ละแห่งทั่วประเทศถลุงเงินเป็นว่าเล่นกันที่นี่!
รถมาจอดที่ด้านข้างของตลาดหินหยก เย่เทียนและเฉินหวั่นชิงลงมาจากในรถพร้อมกัน
โดยเฉพาะเป็นตลาดหินหยก กระแสพลังมหัศจรรย์ของที่นี่ ต้องเข้มข้นกว่าด้านนอกหลายระดับ นี่ทำให้เย่เทียนแอบจิตใจหวั่นไหว ถ้ามีโอกาส ซื้อสถานที่ทำเลดีสักผืนคงไม่เลว
นึกถึงพวกนี้ สายตาเย่เทียนมองไปยังเฉินหวั่นชิง ในความทรงจำของเขา เฉินหวั่นชิงไม่ใช่คนที่ชอบมาที่นี่ถึงจะถูก
“อีกครึ่งเดือน จะเป็นวันเกิดครบแปดสิบปีของคุณปู่ ฉันมาเพื่อซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณปู่”
เสียงพูดที่นิ่งสงบของเฉินหวั่นชิงลอยมา เย่เทียนถึงนึกขึ้นได้ว่า วันเกิดแปดสิบปีของปู่กำลังจะถึงแล้วจริงๆ
“เดิมทีคิดจะเตรียมยาเพิ่มพลังไว้ให้คุณปู่ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณปู่แล้วกัน”
เย่เทียนแอบคิดอยู่ในใจ ตามด้านหลังของเฉินหวั่นชิง เดินไปด้านในตลาดหินหยก
เห็นได้ชัดว่าเฉินหวั่นชิงค่อนข้างคุ้นเคยกับทางนี้ เพิ่งเดินลงรถมา ก็เดินไปร้านขายของโบราณที่ตกแต่งได้ไม่เลวร้านหนึ่งด้านในตลาดหินหยก
เห็นได้ชัดมากว่า เฉินหวั่นชิงมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้ว คือพุ่งไปที่ร้านขายของโบราณใหญ่ที่สุดร้านนั้น
เพียงแค่ เพิ่งเดินมาครึ่งทาง ทันใดนั้นในใจเย่เทียนสั่นไหว สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแปลกๆ ลอยมาจากด้านในที่พนันหินซึ่งห่างไปสิบกว่าเมตร
“ที่รัก ในเมื่ออยากซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณปู่ งั้นพวกเราต้องไม่ทำตามกรอบประเพณีเก่าๆ สิ ฉันมีวิธี ทำให้เธอจ่ายเงินน้อยที่สุด ซื้อหินหยกที่ดีที่สุดมาได้”
เย่เทียนรีบเดินไปข้างหน้า ยิ้มแบบหนูเจ้าเล่ห์
“วิธีอะไร?”
เฉินหวั่นชิงสีหน้าระแวง รู้สึกโดยสัญชาตญาณว่าเย่เทียนมีเจตนาไม่ดี
เย่เทียนหัวเราะแบบลึกลับ และไม่พูดมากมาย คว้ามือของเฉินหวั่นชิงเอาไว้ เดินไปทางที่พนันหินนั้นอย่างว่องไว
เฉินหวั่นชิงรู้สึกบนมือมีความอบอุ่นส่วนหนึ่งส่งผ่านเข้ามา นี่ทำให้ในใจเธอเกิดระลอกคลื่นขึ้นอย่างน่าแปลกประหลาด ยังไม่ทันตอบสนองเข้ามา ตัวคนก็ถูกลากมาถึงสถานที่พนันหินแห่งหนึ่ง
“นี่เป็นการพนันหินนะ! สุภาษิตว่าไว้พนันสิบครั้งแพ้ไปเก้า นายอย่าเหลวไหล!”
เฉินหวั่นชิงมองสถานการณ์กระจ่าง ไม่สนใจความแปลกภายในใจ รีบขัดขวางไว้
“ไม่เอาสิ ในเมื่อมาก็มาแล้ว ดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน ฉันคิดว่าวันนี้ฉันต้องดวงดีมาก หาเงินได้สิบยี่สิบล้านไม่เป็นปัญหาเลยสักนิด!”
เย่เทียนยอมไปแบบนี้ที่ไหนกัน ยังคงพูดจาไร้สาระไป
เฉินหวั่นชิงมองตาค้อนทีหนึ่ง นายเห็นสิบยี่สิบล้านเป็นสิบยี่สิบหยวนเหรอ บอกว่าหาก็หาได้ ถ้าพนันหินง่ายดายขนาดนี้ บนโลกนี้ก็คงไม่มีคนพนันจนครอบครัวล้มละลายไปกระโดดตึกแล้วสิ
เพียงแต่ว่า มองท่าทางที่รู้สึกสนใจมากของเย่เทียน คงไม่ออกไปง่ายๆ แน่นอน
เฉินหวั่นชิงไร้หนทาง ได้เพียงหยุดอยู่ที่เดิม ในใจตัดสินใจเด็ดขาด จะไม่ให้เงินเย่เทียนสักแดงเดียวเด็ดขาด!