บทที่ 115 คิดไว้ที่บัญชีของผม

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“คุณชายจาง วันนี้ตอนสายมีสินค้าใหม่ชุดหนึ่งมาพอดีครับ ท่านมาได้เวลาเลยครับ”

เวลานี้เอง เถ้าแก่ของลานพนันหินหน้าเต็มไปด้วยการเอาใจ เดินเข้ามาเป็นเพื่อนชายหนุ่มที่แต่งชุดสูทรองเท้าหนังคนหนึ่ง

จางเวยเอามือทั้งสองล้วงในกระเป๋ากางเกง เชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส ท่าทางแบบสูงส่งกว่าผู้คน ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย

“เหล่าซุน ครั้งก่อนตอนที่ผมเข้ามาคุณก็บอกกับผมว่ามีสินค้าใหม่ ความเป็นไปได้จะเจอของดีเยอะมาก แต่ความเป็นจริงล่ะ? ยังไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรเลยรึไง?”

จางเวยชายตามองเถ้าแก่ลานพนันหินที่อยู่ข้างกาย “ผมขอพูดเอาไว้ตรงหน้าก่อนเลย ถ้าครั้งนี้เหมือนกับครั้งที่แล้ว ต่อไปผมไม่มาอีกคุณอย่ามาโทษแล้วกัน”

เถ้าแก่ลานพนันหินที่ถูกเรียกว่าเหล่าซุนรีบยิ้มประจบทันที “คุณชายจาง พูดแบบนี้ไม่ได้สิครับ นี่คือการพนันหิน ในเมื่อเป็นการพนัน งั้นย่อมจะมีความเสี่ยงไม่ใช่เหรอ?”

“จะว่าไป ใครไม่รู้บ้างว่าคุณชายจางคุณเป็นคนมีเงินและอิทธิพลมาก ถึงแม้เสียไปสองสามล้าน สำหรับคุณนั้นไม่ใช่แค่เรื่องขี้ปะติ๋วเหรอ?”

“ผมไม่มาแค่ไม่กี่วันเอง ฝีมือการประจบสอพลอของคุณนี้ก้าวหน้าไม่น้อยเลยนะ!”

จางเวยหน้าดูภูมิใจเต็มที่ หัวเราะฮาๆ บอกว่า “แต่ว่า ผมยังชอบคุณพูดแบบนี้อยู่ดี ผมจางเวยไม่มีอะไรทั้งนั้น แค่มีเงินมากเอง!”

ระหว่างที่พูด เขาถือโอกาสสังเกตดูโดยรอบสักหน่อย ทันใดนั้นภาพคนที่คุ้นเคยปรากฏตัวขึ้น ชั่วขณะนั้นขมวดคิ้วแน่นขึ้นมา จงใจขึ้นเสียงดังระดับหนึ่ง พูดถากถาง “โถๆ สมัยนี้ คนที่ไม่เจียมตัวยังมากเสียจริง แม้แต่บอดี้การ์ดเฝ้าประตูกระจอกๆ คนหนึ่งยังกล้ามาพนันหิน ไม่กลัวจะแพ้จนแม้แต่กางเกงในก็เสียไปด้วยจริงๆ เหรอ?”

จางเวยพูดเรื่องพวกนี้โดยเพิ่มเสียงดังเป็นพิเศษ ยิ่งไปกว่านั้นสายตาของเขายังจ้องไปตรงกลางลานอยู่ตลอด คนโดยรอบย่อมมองตามเส้นสายตาเขาเข้าไปเป็นธรรมดา

เย่เทียนกำลังค้นหาเป้าหมายในการลงมืออยู่เลยล่ะ ทันใดนั้นรู้สึกว่าบรรยากาศรอบด้านไม่ปกติเท่าไร

อดหันหน้าไปมองไม่ได้ กระทั่งมองสีหน้าที่ยั่วยุนั้นของจางเวยแจ่มชัด มุมปากวาดรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

เขาก็ได้ยินคำพูดพวกนั้นของจางเวยเมื่อสักครู่เช่นกัน และตามเส้นสายตาที่ร้อนแรงนี้ นอกจากว่าตนเองยังสามารถว่าใครได้อีก

แต่ว่า เย่เทียนเป็นใคร? จะเห็นจางเวยตัวตลกเต้นแร้งเต้นการะดับนี้อย่างจางเวยอยู่ในสายตาได้อย่างไร ไม่คิดจะสนใจเขาเลย

แต่จางเวยไม่ได้เข้าใจถึงการเหยียดหยามของเย่เทียน ยังคิดว่าเขาหวาดกลัว ชั่วขณะนั้นจึงพูดเยาะเย้ย “ว่ายังไง? ถูกคนเปิดโปงเบื้องลึกแม้แต่พูดยังไม่กล้าพูดเลยงั้นเหรอ?”

สุภาษิตพูดไว้ถูกแล้ว เมื่อศัตรูมาเจอหน้ากันมักยั่วโมโหอีกฝ่าย

จางเวยพอมองเห็นเย่เทียน อดนึกถึงภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ที่โดนเย่เทียนเหยียดหยามขึ้นมาเองไม่ได้ ยังอดกลั้นไหวเสียที่ไหน

เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นในชั่วขณะนั้น เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดที่ถูกคนอื่นรังแกถึงยังสามารถทนอยู่เฉยได้!

ท่าทีก้าวร้าวของจางเวยนี้ ถ้าเขายังเงียบนิ่งต่อไป จะไม่ใช่เป็นการส่งเสริมอำนาจของจางเวยหรอกเหรอ?

พอคิดมาถึงตรงนี้ เย่เทียนพูดตอบโต้อย่างนิ่งเฉย “มีบางคนพอแผลตกสะเก็ดก็ลืมความเจ็บไปแล้วจริงๆ หรือว่ายังทุกข์ทรมานไม่พอเลยอยากลิ้มลองสิ่งเร้าใจใหม่กว่าเดิม?”

“……”

จางเวยตะลึง ชั่วพริบตาเดียวสีหน้าแดงขึ้นมาก

แต่ว่า โดยเฉพาะเขาเคยเจอความเก่งกาจของเย่เทียนมา ถึงแม้จะอับอายจนโกรธสักแค่ไหนก็ไม่กล้าทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า

แน่นอนว่า ช่วงเวลานี้เขาเคยไปตรวจสอบรายละเอียดของเย่เทียนมาสักพักหนึ่ง แต่อย่างมากก็ทำได้เพียงค้นหาได้ว่าเขาเป็นบอดี้การ์ดอยู่ที่บริษัทตระกูลเฉิน ข้อมูลที่ละเอียดกว่านี้เดิมทีค้นหาไม่ได้

ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนที่บอกว่าเย่เทียนเป็นแฟนของเหลียงเยว่หรู เขาเพียงคิดว่าเหลียงเยว่หรูแค่แกล้งหาคนมาเป็นข้ออ้างเท่านั้น

แต่เขาไม่ได้คิดดูว่า ถ้าเหลียงเยว่หรูแค่ให้เย่เทียนมาเป็นข้ออ้าง จะยอมให้เย่เทียนทำท่าทางที่สนิทสนมเกินไปได้อย่างไรล่ะ?

“คุณชายจาง เจ้าหนุ่มนั่นเป็นใครกัน? อยากให้บรรดาพี่น้องระบายความขับข้องใจแทนคุณหรือไม่?”

ในเวลานี้ ชายกำยำหัวล้านที่ตามหลังจางเวยอยู่สองสามก้าว และดูขึ้นมาเหมือนไม่ใช่คนดีขยับมาข้างหน้า ถามจางเวยด้วยเสียงต่ำ

“ไม่จำเป็นหรอก”

จางเวยแสร้งทำเป็นปัดมืออย่างใจกว้าง ลักษณะท่าทางแบบฉันขี้เกียจถือสาหาความกับพวกกระจอก พูดจาดูถูก “ก็แค่บอดี้การ์ดตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น เหยียบมดตัวเล็กขนาดนี้มีแต่จะเสียเวลาของฉันเปล่าๆ”

พูดแบบนี้ออกมา กลับทำให้คนด้านข้างเผยความรู้สึกรังเกียจออกมา ไม่ใช่แค่บอดี้การ์ดกระจอกคนหนึ่งเองเหรอ ในอดีตพวกเขาล้วนขี้เกียจมองสักแวบ

“ยุคสมัยนี้ พวกโง่เขลาที่อยากจะร่ำรวยขึ้นมาฉับพลันในชั่วข้ามคืนมีมากเกินไปเสียจริงเลย”

“การพนันหินนี้ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเล่นได้ หินหยาบที่ดีหน่อยอย่างไรก็ราคาหนึ่งแสน กลัวว่าจะเป็นรายได้ทั้งปีของใครบางคนเลยกระมัง?”

“เดี๋ยวให้เหล่าซุนแขวนป้ายไว้ที่หน้าประตูทันทีเลยนะ เขียนว่าคนที่ค่าตัวไม่ถึงล้านห้ามเข้าด้านใน”

เห็นได้ชัดว่าจางเวยเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ ในที่นี้มีคนไม่น้อยพิสูจน์มากับตาตนเองว่าเขาเป็นคนร่ำรวยมือเติบ พวกเขายินยอมเอาใจเจ้านายที่มีเงินท่านนี้

ใช้การดูถูกคนที่จางเวยไม่ถูกชะตาด้วย จากนั้นบรรลุเป้าหมายเอาอกเอาใจจางเวยสำเร็จ เพียงแค่เรื่องที่ใช้ปากพูดไม่กี่ประโยค มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ทำกันล่ะ?

ไม่รอให้เย่เทียนระบายความโกรธ เฉินหวั่นชิงที่ตามอยู่ด้านข้างเขากลับทนไม่ไหวก่อนแล้ว ใบหน้างดงามแดงขึ้นเล็กน้อยเพราะความโกรธเคือง โมโหเดือดดาลก้าวออกมากำลังอยากจะตอบโต้ กลับเป็นเย่เทียนก้าวออกมาก่อนจับมือดึงกลับไปแล้ว

เฉินหวั่นชิงหันหน้าจ้องมองเย่เทียนที่ใบหน้ามีรอยยิ้ม ในสายตาประกายความสงสัยนิดๆ

ไม่ว่าพูดอย่างไรก็ตาม เย่เทียนก็เป็นคนของเธอ ต่อให้ตนเองไม่ชื่นชอบเขา ก็ไม่อาจทนโดนคนอื่นมาเหยียบย่ำแบบนี้ได้

เพียงแค่ ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาที่นิ่งสงบนั้นของเย่เทียน เฉินหวั่นชิงรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณ เย่เทียนไม่ใช่พวกเต่าหัวหดที่โดนตีแล้วไม่สู้กลับประเภทนั้น

คิดดูแล้ว สุดท้ายจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เธอรู้จักนิสัยของเย่เทียนดี ในเมื่อห้ามปรามเธอ เกรงว่าเขาคงมีแผนการอีกอย่างเรียบร้อยแล้ว

“ไม่ผิด ฉันเป็นคนตัวเล็กๆ ที่ไม่โด่งดังอะไรจริง แต่ใครกำหนดว่าคนตัวเล็กๆ จะมีความฝันใหญ่ไม่ได้กัน?”

เย่เทียนมองไปโดยรอบทีหนึ่ง จงใจตะโกนเสียงดัง “บางทีพวกคุณเป็นคนมีเงินระดับหลายล้าน หรือมากกว่าสิบล้าน แต่ยังไม่ใช่ว่าเข้ามาพนันหินเหมือนกันเหรอ? หรือว่าผมยังมีความฝันจะร่ำรวยขึ้นฉับพลันในชั่วข้ามคืนไม่ได้เหรอ?”

พูดแบบนี้ออกมา คนในเหตุการณ์จำนวนไม่น้อยส่งเสียงหัวเราะออกมา

คนที่มีความคิดอยากร่ำรวยขึ้นกะทันหันมีอยู่มากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่ทำได้จริงบ้าง?

เวลานี้ ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างกายจางเวย และสวมชุดสูทหรูหราเดินเข้ามาแล้ว หยุดลงมาตรงหน้าของเฉินหวั่นชิง แสดงท่วงท่าที่หล่อเหลาออกมา

เห็นได้ชัดมาก เจ้าหมอนี่อยากจะล่อลวงเฉินหวั่นชิง!

นี่เป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรผิดที่จะวิจารณ์ได้ ถึงแม้จางเวยจะไม่ได้จงใจพุ่งเป้ามาที่เย่เทียน พวกเขาก็สังเกตเห็นเฉินหวั่นชิงที่อยู่ข้างกายเย่เทียนมาตั้งแต่แรก

ผู้หญิงที่สวยงาม ไม่ว่าอยู่ที่ไหน ก็เป็นจุดเด่นตลอดกาล!

“น้องชายคนนี้ มีความฝันเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าไกลกว่าความจริงเกินไป นั่นไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นการฝันกลางวัน!”

ชายหนุ่มวิจารณ์อย่างเรียบเฉยอยู่ แต่สายตากลับจ้องไปทางเฉินหวั่นชิงโดยตรง แสร้งทำเป็นหัวเราะอย่างใจกว้าง

“เอาแบบนี้แล้วกัน ในเมื่อนายมาก็มาแล้ว งั้นถือว่าพวกเรามีวาสนาต่อกัน เห็นแก่หน้าสาวงามคนนี้ ฉันจะส่งหินหยาบให้นายก้อนหนึ่ง”

ไม่รอให้เย่เทียนตอบรับเลย ชายหนุ่มดีดนิ้วดังขึ้นทีหนึ่งอย่างสง่างาม หันหน้าตะโกนบอกเหล่าซุน “เถ้าแก่ซุน คุณพาเขาไปโซนหินหยาบหนึ่งแสนให้เขาเลือกมาก้อนหนึ่งเถอะ คิดไว้ที่บัญชีผมโดยตรง!”