หนึ่งแสน สำหรับคนทั่วไปแล้วบางทีอาจเป็นจำนวนเงินที่มากก้อนหนึ่ง แต่ในสายตาของบรรดาลูกคนรวยอย่างพวกเขาไม่ถือว่าเป็นอะไรทั้งสิ้น
ถ้าจ่ายเงินหนึ่งแสนไป สามารถสร้างภาพประทับใจ ต่อหน้าสาวสวยยอดเยี่ยมระดับเฉินหวั่นชิงคนนี้ได้ แม้กระทั่งให้เฉินหวั่นชิงกระโจนเข้าอ้อมกอดด้วยตนเองได้ นี่ถือว่าได้กำไรเกินคาดแล้ว
ชายหนุ่มจมอยู่ในความเพ้อฝันที่งดงาม แต่ไม่นาน เขาก็ค่อยๆ ผิดหวังขึ้นมา
ไม่มีอะไรอื่น เพียงเพราะเฉินหวั่นชิงเดิมทีไม่ได้มองเขาสักแวบเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในที่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอสักนิด
เย่เทียนใช้หัวนิ้วโป้งเท้าคิด ยังรู้ว่าเจ้าหมอนี่กำลังมีแผนการอะไร
เพียงแค่ มีคนโง่เง่าส่งเงินมาให้ถึงที่ เขาย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอน
“หายากที่นายจะใจกว้างขนาดนี้ งั้นฉันขอรับไว้ด้วยความเคารพดีกว่าจะปฏิเสธไป รับรองจะไม่ทำให้นายผิดหวัง!”
พูดจบ เย่เทียนจับมือของเฉินหวั่นชิงไว้ มุ่งหน้าเดินไปบริเวณหยกหินหยาบราคาหนึ่งแสน
มองภาพด้านหลังเย่เทียนที่ก้าวเดินอย่างยืนหยัดแน่วแน่ ผู้คนที่ชอบความตื่นเต้นดูเรื่องสนุกอดส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้
“เจ้าหมอนี่หนังหน้าหนาพอตัวจริงๆ นึกไม่ถึงยังไปจริง?”
“โชคดีที่คุณชายเฉียนจิตใจดี ถ้าไม่อย่างนั้นอาศัยเงินเดือนน้อยนิดของเจ้าหนุ่มนั้น เกรงว่าแม้แต่หินหยาบก้อนหนึ่งยังซื้อไม่ได้”
“เงินหนึ่งแสนได้ดูอะไรตลกๆ เงินก้อนนี้คุณชายเฉียนจ่ายไปคุ้มค่า!”
คนส่วนมากล้วนยืนอยู่ฝั่งของจางเวย เยาะเย้ยเย่เทียนขึ้นมาโดยไม่เกรงใจเลยสักนิด
คำพูดพวกนี้เกือบทำให้เฉินหวั่นชิงโมโหจนระเบิดอารมณ์ ใบหน้าน้อยๆ เปลี่ยนไปแดงมากเพราะความโกรธ ถ้าไม่ใช่เย่เทียนดึงมือของเธอเอาไว้ ไม่แน่ว่าเธอคงวางภาพลักษณ์ของหญิงสาวงดงามลง เข้าไปโต้แย้งกับพวกเขาสักหน่อยแล้ว
มีเงินแล้วเหนือกว่ามากหรือไง! มีเงินก็สามารถทำตัวไร้มารยาทเยาะเย้ยคนอื่นได้มั่วซั่วงั้นเหรอ!
พอมาดูเย่เทียนในฐานะผู้ถูกกระทำ กลับนิ่งสงบอยู่มาก แม้กระทั่งเดิมทีไม่ได้สนใจพวกเขา
ภายใต้การนำทางของเหล่าซุนเถ้าแก่ลานพนันหิน ไม่นานทั้งสามคนจึงมาถึงโซนหินหยาบราคาหนึ่งแสนแล้ว
เย่เทียนหรี่ดวงตาเล็กกวาดมองหยกหินหยาบที่แสดงราคาชัดเจน และจัดเรียงเป็นระเบียบอยู่ตรงหน้า ถือโอกาสชี้ไปอย่างไม่สนใจ “ก้อนนั้นแล้วกัน!”
เหล่าซุนรีบมองตามเข้าไปทางนิ้วมือของเขาทันที ตอนที่มองเห็นชัดว่าเป็นหินหยาบก้อนไหนกันแน่ สีหน้าอดเปลี่ยนไปแปลกประหลาดขึ้นมาไม่ได้
ไม่มีอะไรอื่น หินหยาบก้อนนั้นที่เย่เทียนชี้เดิมทีไม่อยู่ด้านในขอบเขตหนึ่งแสน แต่เป็นขอบเขตที่คนงานด้านข้างคัดสรรแบ่งประเภท
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สินค้าที่ซื้อเข้ามาเขาไม่อาจดึงมาใส่ราคาหนึ่งแสนได้ทั้งหมด
ย่อมต้องผ่านมือของคนงาน มาตัดสินว่าหินหยาบแบบไหนต้องวางไว้ด้านในขอบเขตราคาอย่างไหนบ้าง
ส่วนหินหยาบสี่เหลี่ยมจัตุรัสก้อนนั้นที่เย่เทียนชี้ไป แม้กระทั่งไม่อาจนับเป็นหินหยาบได้ เพียงแค่เขามองหินก้อนนี้ยังถือว่าราบเรียบ จงใจเอามาให้คนงานจำแนกเป็นหินหยาบ
ก้อนหินแบบนี้ ไม่ต้องพูดถึงหนึ่งแสนเลย แม้แต่หนึ่งหมื่นเกรงว่ายังไม่มีคนยอมควักเงินซื้อ!
“ถ้าไม่อย่างนั้นนายเลือกใหม่อีกอันเถอะ?” เหล่าซุนกลั้นหัวเราะไว้พูดเตือนสติด้วยความหวังดี
“ทำไม? ผมดูอันนั้นก็ไม่เลวมากนะ!”
เย่เทียนยักไหล่ พูดแบบไม่สนใจไยดี “ในเมื่อไม่ต้องให้ผมจ่ายเงิน เงินของพวกหมาบ้านรวยถึงแม้ขาดทุนจริงผมก็ไม่เจ็บใจ”
พอคุณชายเฉียนคนนั้นที่ส่งหินหยาบให้เย่เทียนก้อนหนึ่งเพื่อพยายามชนะใจสาวสวยได้ยินเข้า แทบจะโมโหจนเข้าไปหาเรื่องเย่เทียน ในใจเต็มไปด้วยความแค้นเคือง
ดีเลวอย่างไรตนเองก็ส่งหินหยาบราคาหนึ่งแสนให้แก แกไม่ตั้งใจขอบคุณฉันก็แล้วไป คาดไม่ถึงยังด่าฉันเป็นพวกหมาบ้านรวย?
ถ้าไม่ใช่กลัวทำเสียภาพลักษณ์ของตนเองต่อหน้าเฉินหวั่นชิง คุณชายเฉียนคงตะโกนเรียกคนมาไล่เย่เทียนออกไปตั้งนานแล้ว
เหล่าซุนสังเกตดูเย่เทียนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด กลับนึกไม่ถึงว่าเย่เทียนจะปากพูดจาขวานผ่าซากเช่นนี้
ส่วนมากคนที่มาตรงนี้ของเขาล้วนเป็นลูกคนรวยที่โด่งดังของเจียงหนัน ที่บ้านถ้าไม่มีเงินก็มีอำนาจ เจ้าหมอนี่สรุปแล้วเอาความกล้ามาจากที่ไหนกล้าด่าคุณชายเฉียนขนาดนี้? ไม่กลัวบทสรุปโดนรุมตีแก้แค้นบ้างเหรอ?
ตามองเห็นว่าเย่เทียนยืนหยัด เหล่าซุนกลับไม่ได้พูดโน้มน้าวอีก ในเมื่อต่อให้ขาดทุนนั่นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่ดี รีบสั่งคนงานสองสามคนให้นำหินหยาบสี่เหลี่ยมจัตุรัสก้อนนั้นย้ายออกไปทันที
ผู้คนที่รออยู่ในลานตัดตั้งนานเห็นสถานการณ์ แต่ละคนส่งเสียงหัวเราะออกมาแบบไม่เมตตาเอามากๆ
ในนั้นคนที่ดูเกินจริงไปที่สุดคงหนีไม่พ้นเป็นจางเวยแล้ว พอนึกถึงความอัปยศอดสูที่เย่เทียนนำมาให้เขาในอดีต ปัจจุบันนี้มีโอกาสลบล้างความอับอายที่ดีขนาดนี้ เขาจะพลาดไปได้อย่างไร
“ไอ้บอดี้การ์ด ฉันว่านายสรุปแล้วเข้าใจอะไรเรียกว่าพนันหินรึเปล่า? หินก้อนนี้ที่นายเลือกจะมีหยกอยู่ได้สักนิดงั้นเหรอ!”
หลังจากเหน็บแนมเย่เทียนยกหนึ่ง จางเวยวางสายตาบนตัวของเหล่าซุนอีกที “เหล่าซุน คุณก็จริงๆ เลย ก่อนหน้านี้ผมยังดูไม่ออกจริงๆ นะว่าคุณร้ายขนาดนี้ นึกไม่ถึงยังซ่อนหินหยาบชั้นดีขนาดนี้ไว้ด้วย”
“โชคดีที่เจ้าบอดี้การ์ดกระจอกคนนี้โง่เง่าเลือกแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นเดาว่าหินหยาบนี้ของคุณก็เป็นของที่ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้เป็นคุณทำกำไรได้มากเลยสิท่า!”
เหล่าซุนถูกว่าจนกระอักกระอ่วนอย่างยิ่ง เขาไม่มีความคิดอันนี้จริงๆ ในความเป็นจริงสายตาของเย่เทียนบกพร่องเหลือเกิน กลับสนใจหินที่เห็นได้ชัดว่าไม่มีหยกก้อนนี้ได้
แน่นอนว่า ต่อให้เขามีเจตนานั้น แต่เรื่องแบบนี้ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจก็พอ เอาออกมาพูดซึ่งหน้าก็ไม่เหมาะสมเท่าไร
ทันใดนั้น เหล่าซุนอับอายทนไม่ไหวอยู่บ้าง หัวเราะเยาะเตือนสติเย่เทียน “ไอ้น้อง ฉันดูแล้วนายน่าจะเล่นพนันหินเป็นครั้งแรกสินะ?”
“หินก้อนนี้ที่นายเลือกโอกาสมีหยกออกมาได้มันน้อยนิดมาก ถ้าไม่อย่างนั้นนายเลือกใหม่อีกอัน? หรือว่าฉันจะแนะนำให้นายสักก้อน ไม่กล้าการันตีว่าทำกำไรได้ แต่ก็ไม่ถึงกับขาดทุนมาก”
พูดแบบนี้ออกมา กลับทำให้เย่เทียนอดมองเหล่าซุนเพิ่มหน่อยไม่ได้ รู้ว่านี่คือความหวังดีของเขา
เพียงแต่ ในที่นี้เป็นใครพนันหินแม่นที่สุด นั่นคือเย่เทียนแบบไม่ต้องสงสัยเป็นอันขาด!
เมื่อสักครู่ตอนที่เลือก ดูจากลักษณะภายนอกบางทีเขาเพียงแค่ชำเลืองมองง่ายๆ ในความเป็นจริงเขาสัมผัสถึงก้อนหินที่ส่งกลิ่นอายมหัศจรรย์ออกมาก้อนนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
“ไม่จำเป็นต้องวุ่นวายขนาดนั้นหรอกครับ ผมว่าก้อนนี้ดีมากแล้ว” เย่เทียนปฏิเสธคำแนะนำของเหล่าซุน
เหล่าซุนได้ยิน ส่ายหน้าแบบจำใจ มุมปากกลับยกรอยยิ้มขึ้น
โดยเฉพาะ ร้านนี้เป็นของเขา ถ้าเย่เทียนหาเงินได้นั่นแสดงว่าเขาขาดทุน เขาได้เตือนสติด้วยความหวังดีแล้ว อย่างน้อยด้านชื่อเสียงก็คงรอดไปได้ ในเมื่อเย่เทียนไม่ฟัง นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา
เวลานี้ คนที่ดูเรื่องสนุกกลุ่มหนึ่งล้อมรอบเข้ามาแล้ว มองหินหยาบก้อนนั้นถูกคนงานย้ายไปยังลานตัดด้วยความสนใจเต็มที่
“หินหยาบก้อนนี้ใหญ่ขนาดนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะมีหยกสักหน่อยจริงๆ ก็ได้มั้ง?”
“นายคิดมากไปแล้ว ตัวเองแหกตาโตๆ ดูริ้วรอยของหินก้อนนี้หน่อย มีตรงไหนที่เหมือนใกล้จะเป็นหินหยาบสักนิด?”
“เชอะ! หินกากๆ ก้อนหนึ่ง ถ้าพนันได้เงินจริง ฉันจางเวยจะกินเศษหินที่ตัดลงมาแบบนั้นเลย!”
ในการพนันหินอาชีพนี้จางเวยจ่ายค่าเรียนไปไม่น้อย ยอมรับว่าตนเองยังมีแววตาอยู่พอควร ถ้าหินก้อนหนึ่งสามารถมีหยกออกมาได้ง่ายดาย งั้นการพนันหินอาชีพนี้เกรงว่าคงสูญหายไปตั้งนานแล้ว
“โถๆ ดูท่าทางนายมีความมั่นใจมากเลยสินะ?”
พอเย่เทียนได้ยิน มุมปากวาดรอยยิ้มที่มีความหมายลึกล้ำขึ้น บอกว่า “ถ้าไม่อย่างนั้น พวกเรามาพนันกันเองสักตา?”