บทที่ 321 เจ้าหุบเขาตันหุย
ใต้ภูเขาน้ำเต้า กลุ่มคนที่มีเวินเส้าหยีเป็นผู้นำ เผ่าเทียนเฟิ่นมากันสิบกว่าคน พวกเขาล้วนเป็นผู้ชายทั้งสิ้น มีทั้งคนแก่และหนุ่ม

ยิ่งอยู่ก็ยิ่งเข้าใกล้บริเวณภูเขามากขึ้น มีคนไม่น้อยที่ร้อนจนต้องปาดเหงื่อ

ผู้ที่มีความชำนาญในการควบคุมงู รูปร่างสูงผอมอย่างผู้อาวุโสตงขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “ที่นี่มีทะเลโลหิตอยู่ทั่วทุกที่ อุณหภูมิสูงเกินไป ลูกศิษย์ธรรมดายากจะก้าวเข้าไปได้ แม้แต่ลูกรักของข้าก็ขึ้นไปไม่ได้

ใครๆก็รู้ ลูกรักที่เขาพูดถึงก็คือฝูงงูและสัตว์มีพิษทั้งหลาย

ผู้อาวุโสสือที่มีอายุมากกว่าหกสิบ แก่หง่อมแล้ว มีดวงตาที่เป็นประกาย ไม่เหมือนคนแก่อายุมากเลยสักนิด

เขากวาดตามองปากปล่องภูเขารูปน้ำเต้าที่สูงเสียดฟ้า รวมไปถึงหินหลอมเหลวทะเลโลหิตที่เดือดพล่านอยู่สองข้างหุบเหว หัวใจอดไม่ได้ที่จะเต้นตูมตาม

“ไม่รู้ว่าข่าวที่ได้รับถูกต้องหรือไม่ คนของพวกเราค้นที่นี่ไปรอบหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้ข่าวคราวอะไรเกี่ยวกับมุกมังกรเลย ”

“ถ้าหากที่นี่ไม่มีสมบัติ ทำไมคนของเผ่าปีศาจกับหุบเขาตันหุยจึงมาที่นี่เล่า”

คนของเผ่าเทียนเฟิ่นคิดไม่ออก

แต่ยิ่งเดินขึ้นไปข้างบน อุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้น พวกเขาที่เป็นผู้อาวุโสสามารถทนได้ แต่เกรงว่าลูกศิษย์ธรรมดาของพวกเขาจะสามารถอดทนไปจนถึงปากปล่องภูเขาลูกที่สองได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยอดปากปล่องของภูเขาเลย

เวินเส้าหยีสวมชุดขาวเดินอย่างพลิ้วไหว สวมหน้ากากผีเสื้อ ความร้อนของทะเลโลหิตที่เดือนพล่าน ไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนตัวเขาเลย

เขาสวมชุดขาวทั้งตัวราวกับเซียนจากสวรรค์ ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ให้ความรู้สึกสูงสง่าอย่างพูดไม่ถูก แม้จะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คน เขาก็สามารถดึงดูดสายตาได้ในทันที

เวินเส้าหยีมองดูปากปล่องภูเขาที่สูงชัน มุมปากเผยรอยยิ้มอบอุ่นจางๆ “ไม่ว่ามุกมังกรจะอยู่ที่นี่หรือไม่ ขึ้นไปก็จะรู้เอง”

ระหว่างที่เขาพูด ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ริมฝีปากบางพูดขึ้นมาว่า “ลูกศิษย์ในเผ่าที่อยู่ต่ำกว่าระดับสองให้เฝ้าอยู่ด้านนอกทั้งหมด ไม่มีคำสั่งห้ามเข้ามาเด็ดขาด ยิ่งไม่อนุญาตให้ใครก็ตามที่นอกเหนือจากคนของพวกเราออกไปจากทะเลโลหิตแห่งภูเขาน้ำเต้า”

“ขอรับ”

“ท่านหัวหน้าเผ่า คนของเผ่าปีศาจเร็วกว่าเราหนึ่งก้าว ปีนไปถึงปากปล่องภูเขาลูกที่สองแล้ว แต่ก็ยังหาปากปล่องภูเขาไม่พบเสียที เข้าสู่จุดสูงสุดของภูเขาไม่ได้ ”

“หุบเขาตันหุยเล่า”เท่าที่เขารู้ หลายปีมานี้หุบเขาตันหุยไม่เคยยุ่งเรื่องทางโลก

พวกเขาได้แต่หลอมยาอย่างเงียบๆ ตัดขาดจากโลกภายนอก ครั้งนี้กลับออกมาที่ภูเขาน้ำเต้า หรือว่าพวกเขาก็รู้สึกสนใจในมุกมังกรที่อยู่บนภูเขาน้ำเต้า

“หุบเขาตันหุยยังอยู่ด้านล่างของภูเขา พวกเขาเก็บสมุนไพรตลอดทาง เหมือนไม่รีบร้อนจะขึ้นไปยังยอดภูเขาน้ำเต้า”

คนของเผ่าเทียนเฟิ่นต่างก็รู้สึกขัน

หุบเขาตันหุยขาดยาสมุนไพรจนเพี้ยนกันหมดแล้วกระมัง ถึงกับดั้นด้นมาเก็บสมุนไพรถึงทะเลโลหิต ที่นี่มีสมุนไพรอะไรให้เก็บ

“ท่านหัวหน้าเผ่า พวกเราควรที่จะฉวยโอกาสก่อนที่คนของหุบเขาตันหุยจะมาถึง ขึ้นไปบนยอดเขา ชิงมุกมังกรไปก่อน”

“จะรีบร้อนทำไม ครั้งนี้ผู้นำของหุบเขาตันหุยเป็นใคร”

“ว่าแล้วก็แปลก ครั้งนี้คนของหุบเขาตันหุยไม่ได้มีผู้อาวุโสเป็นผู้นำ แต่มีเจ้าหุบเขาของหุบเขาตันหุยเป็นผู้นำทัพเอง หุบเขาตันหุยตัดขาดจากโลกภายนอกมานานหลายปีแล้ว เจ้าหุบเขาของพวกเขาเป็นอย่างไร จนตอนนี้ก็ยังไม่แน่ชัด รู้เพียงแต่ว่าเจ้าหุบเขาของพวกเขาอยู่ข้างนอกเป็นส่วนใหญ่ อยากจะเจอเขาเป็นเรื่องที่ยากมาก ผู้อาวุโสมากมายในหุบเขาตันหุย กระทั่งหน้าตาของเจ้าหุบเขาเป็นอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็น”

“จริงหรือ เจ้าหุบเขาที่ตัดขาดจากโลกภายนอก กลับเห็นคนมากมายขนาดนี้กำลังเก็บสมุนไพรอยู่ เจ้าคิดว่าปกติหรือ”

“ท่านหัวหน้าเผ่า ความหมายของท่านคือ……คนของหุบเขาตันหุยคิดอยากจะเป็นพวกหวังผลโดยไม่ลงแรง รอซ้ำยามเปลี้ยหรือ”

“ไม่เช่นนั้นแล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร”

“เช่นนั้นข้าจะไปจับพวกเขาลงมาก่อน”

“เจ้ารู้ถึงความแข็งแกร่งของเขาหรือไม่ ที่หุบเขาตันหุยสามารถอยู่บนโลกในนานขนาดนี้ ย่อมมีเส้นสนกลในของเขาอยู่”

“แล้วถ้าพวกเขาคิดจะตักตวงผลประโยชน์จากความขัดแย้งของคนอื่นเล่า ไม่เท่ากับ……”

เวินเส้าหยียิ้มเย็น

ตักตวงผลประโยชน์อย่างนั้นหรือ

อยากได้ผลประโยชน์จากเขามันไม่ง่ายนักหรอก