ตอนที่ 878 แผดเผาหัวใจ

Elixir Supplier

ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นแล้วเรื่องที่เขากังวลที่สุดเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

“อาการหนักไหมครับ?”

“โชคดีที่ตอนนี้ยังไม่เป็นอะไรมาก”เสวี่ยซินหยวนที่อยู่ปลายสายไออยู่ตลอดเวลาที่เขาพูดอยู่เขารู้สึกทรมานและหายใจลําบาก

“ผมจ่าที่ลุงเคยบอกกับผมไว้ว่า พิษของพวกเขารุนแรงเกินกว่าที่คนธรรมดาจะจัดการได้ใช่ไหมครับ?”กั่วเจิ้งเหอถาม

“อืม ใช่”

เสวี่ยซินหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ

“ผมไม่คิดว่าจะตกลงไปในหลุมพรางของพวกเขาได้”

เขารู้สึกเหมือนปอดของเขากําลังถูกเผาความร้อนที่แผดเผารุนแรงจนเขาหายใจได้อย่างยากลําบากมันอึดอัดอย่างมากเขาต้องอ้าปากกว้างเพื่อหายใจที่ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกแห้งผากได้ กระจายออกไปอย่างรวดเร็วก่อนหน้านั้นไม่นานเขาได้เข้าไปในหุบเขาพันโอสถและสู้กับคนของที่นั่นเขาได้รับบาดเจ็บมาเล็กน้อย แขนข้างหนึ่งของเขาถูกธนูยิงถากใส่ในตอนนั้นเขาจัดการกับบาดเจ็บด้วยความรวดเร็วเขากลัวว่าจะถูกพิษเข้าจึงได้บีบเลือดให้ออกมาจากปากแผลหลังจากนั้นเขาได้เข้าไปตรวจที่โรงพยาบาลใกล้ๆเพื่อยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่เขากลับยังถูกพิษตอนแรกแค่รู้สึกไม่สบายตัวเขาจึงไม่ใส่ใจอะไรมากคิดไม่ถึงว่าสะเก็ดไฟเพียงเล็กน้อยจะกลับกลายเป็นเพลิงโหมลุกไหม่ได้

เขาคิดไม่ออกว่าควรทํายังไงต่อไปดีโรงพยาบาลไม่สามารถตรวจหาสาเหตุของปัญหาได้แต่ตัวเขารู้สึกไม่สบายและรู้ได้ถึงความผิดปกติในร่างกายในเมื่อโรงพยาบาลหาสาเหตุไม่ได้การรักษาก็ไม่สามารถทําได้เช่นกัน

หรือเขาต้องรออยู่แบบนี้?แล้วสุดท้ายจะเป็นยังไง?ตายอย่างทรมาน?หรือเขาต้องกลับไปที่หุบเขาพันโอสถเพื่อขอยาแก้พิษ?

ไม่ว่าเขาจะคิดยังไง เขาคิดว่าอย่างน้อยก็ควรโทรบอกสถานการณ์ของตนเองให้กั่วเจิ้งเหอได้รู้เอาไว้เพื่อให้อีกฝ่ายระวังตัวมากขึ้น

“ผมขอโทษด้วย คุณชาย ผมคงทําเรื่องที่คุณชายสั่งไม่ได้แล้ว”

กั่วเจิ้งเหอรู้สึกแย่มากที่เสวี่ยซินหยวนถูกพิษก็เพราะเขา เขาทําได้เพียงคิดหาวิธีช่วยเสวี่ยซินหยวนเท่านั้น

ในหุบเขาพันโอสถมียาถอนพิษอยู่ แต่พวกเขาไปที่นั่นไม่ได้ พวกเขาคงไม่สามารถอธิบายเรื่องทุกอย่างออกไปได้ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขาไปพวกเขาอาจต้องสารภาพโดยการถูกทรมานมันเป็นไปไม่ได้ที่คนของหุบเขาพันโอสถจะยอมช่วยและปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ

เราจะทํายังไงกันดี?

รู้แล้ว! ดวงตาของถั่วเจิ้งเหอเป็นประกาย ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในความคิดของเขา

เขาต้องทําได้แน่ๆ!

“ลงเสวี่ย ตอนนี้ลงไม่ต้องทําอะไรทั้งนั้น จ่าที่อยู่ที่ผมบอกก็พอ?”

“จังหวัดฉี เมืองห่ายชิว เขตเหลียนชาน ตําบลซงป่าย หมู่บ้านหวางเจียหวังเย้า?”

“ใช่ครับ รีบไปที่นั่นซะ”กั่วเจิ้งเหอพูด“ตามหาคนที่ชื่อหวังเย้าให้เร็วที่สุดจําเอาไว้ว่าลุงต้องห้ามบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเรา เรื่องอื่นลงจะพูดยังไงก็ได้”

“คุณชาย…”

“ฟังผมนะครับ ผมจะให้คนจองตั๋วเที่ยวบินที่เร็วที่สุด ทนหน่อยนะครับ”

“ได้ครับ ขอบคุณ คุณชาย” หลังเสวี่ยซินหยวนวางสายแล้ว เขาก็ดื่มน้ำหมดไปแก้วใหญ่มันเป็นน้ำเย็นแต่พอเขาดื่มมันกลับรู้สึกอุ่น มันเป็นความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องซาวน่าและดื่มน้ำอนอยู่ตลอดเวลาเขารู้สึกทรมานอย่างมาก

ร่างกายของกําลังถูกแผดเผา แต่กลับไม่มีเหงื่อไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวเขารู้สึกกระหายน้ำไม่ว่าเขาจะดื่มไปมากเท่าไหร่ มันก็ไม่สามารถทําให้เขาหยุดกระหายน้ำได้

“บ้าเอ้ย!”

เสวี่ยซินหยวนเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในห้องเขาพยายามทําใจให้สงบแต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ทําไม่ได้

ตั้ง ต่อง! เสียงกริ่งประตูดังขึ้น

“ใครน่ะ?”

“ผมเองครับ คุณเสวี่ย คุณชายสั่งให้ผมมา”

เมื่อเขาเดินไปเปิดประตู เขาก็เห็นชายในวัยสามสิบคนหนึ่ง

“คุณเสวี่ย การเดินทางถูกเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเครื่องจะออกในอีกสองชั่วโมงช่วยรีบเตรียมตัวให้เร็วที่สุดด้วยครับผมจะรับหน้าที่ไปส่งคุณที่สนามบินเอง”

“ได้ รอเดี๋ยวนะ”

เสวี่ยซินหยวนเข้าไปเก็บของในห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทําได้ เขาล็อกประตูและตามชายคนนั้นไปที่สนามบินที่ใกล้ที่สุดสองชั่วโมงต่อมาเครื่องบินได้นําเครื่องขึ้นตามเวลาที่แจ้งเอาไว้และมุ่งหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้า

“คุณชาย เขาขึ้นเครื่องไปเมืองเต๋แล้วครับ”

“อืม ฉันรู้แล้ว” หลังจากวางสาย กั่วเจิ้งเหอก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“หวังว่าลุงจะทนไหวนะ ลุงเสวี่ย”

ตลอดระยะเวลาสั้นๆที่ได้ติดต่อพูดคุยกัน เขาเริ่มชอบเสวี่ยซินหยวนมากขึ้นเขาต้องการความช่วยเหลือจากคนอย่างเขา

หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงเครื่องบินก็มาถึงเมืองเต่ในช่วงเวลากลางวันมีคนมารอรับอยู่ที่นั่นนานแล้ว หลังจากได้พบกับเสวี่ยซินหยวนพวกเขาก็มุ่งหน้าไปห่ายชิวทันที

คนขับมองชายที่นั่งที่เบาะหลังผ่านกระจกมองหลังใบหน้าของเขาเหลืองและแห้งริมฝีปากของเขาดแห้งผากดวงตาของเขาแดงก๋า เขาดื่มน้ำมาตลอดทางน้ำที่เขาดื่มเป็นน้ำแร่ขวดใหญ่เห็นได้ชัดว่าผิดปกติอย่างมาก

เกิดอะไรขึ้นกับคุณเสวี่ย?

เมื่อเห็นความผิดปกติของอีกฝ่าย เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา แต่สายงานของเขาไม่อนุญาตให้เขาถามอะไรได้ทั้งนั้น เขาจึงทําได้แค่ขับรถไปเงียบๆ

การขับรถจากเมืองเต่าไปห่ายชิวใช้เวลาประมาณสองชั่วโมง พวกเขาจึงไปถึงเขตเหลียนชานในตอนเย็น

“คุณเสวี่ย เราหาที่พักกันก่อน แล้วค่อยไปที่คลินิกวันพรุ่งนี้ดีไหมครับ?”

“ได้” เสวี่ยซินหยวนพูดน้อยราวกับคําพูดของเขาทํามาจากทองคํา

เขารู้สึกไม่สบายอย่างมาก มันเหมือนกับว่า ภายในร่างกายของเขามีไฟกําลังแผดเผาอยู่การดื่มน้ำตลอดเวลาไม่ได้ช่วยแม้แต่น้อยลมร้อนถูกพ่นออกมาในทุกครั้งที่เขาเอ่ยปากพูด

“มันแย่ลงเรื่อยๆ”

เขาไม่พูดอะไร เพราะกลัวว่าความร้อนในร่างกายที่เขาไม่สามารถควบคุมได้จะหลุดรอดออกมาเขายังกังวลว่าตัวเองจะหลุดการควบคุมตอนนี้เขาอยากลงไปจากรถมาก

“เราพักก่อนไหมครับ?”

เมื่อถึงโรงแรมแล้ว เขาถึงได้รู้ว่ามันเป็นความคิดที่ผิดมาก สถานการณ์ในตอนนี้ก็คือเขานอนไม่หลับความเจ็บปวดภายในร่างกายทรมานเขาอยู่ตลอดเวลา

บ้าเอ้ย!

ความเจ็บปวดทรนทุรายเพิ่มมากขึ้นตลอดทั้งคืน เขารู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาอาจระเบิดออกมาได้

เขาอยากร้องคาราม และถึงขั้นที่ต้องการสังหารใครสักคน

เขาย้ําเตือนตนเองซ้ำๆ อดทน! อดทนเอาไว้!

ในขณะที่อดทนทรมานเป็นเวลานาน ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ขึ้นและวันใหม่ก็เดินทางมาถึง
“อาหารเช้าพร้อมแล้วครับ คุณเสวี่ย”

“ฉันไม่กิน รีบไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย” เสวี่ยซินหยวนกัดฟันพูด

“ได้ครับ”

เมื่อเห็นสีหน้าที่น่าหวาดกลัวของอีกฝ่าย คนขับก็ไม่พูดอะไรมาก เขาขับรถมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านบนเขามันเป็นเวลา 7 โมงกว่าชาวบ้านเพิ่งเริ่มต้นชีวิตของวันใหม่บางคนเดินเอาขยะออกมาทิ้งและสามารถเห็นคนเดินไปเดินมาตามถนนบ้างแล้ว

“เรามาถึงแล้วครับ เป็นที่นี่

ตัวอาคารที่มีหลังคาสีเทากําแพงสีขาวดูโดดเด่นและหาได้ง่าย

ประตูไม้ยังคงถูกล็อกเอาไว้อยู่หวังเย้ายังไม่ลงมาจากเขา

ไม่มีคนอยู่?

เสวี่ยซินหยวนทนนั่งอยู่ภายในรถต่อไปไม่ไหว เขาจึงเดินกลับไปกลับมาอยู่ด้านนอกคลินิก

ทางเดินบนเขาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเจี้ยจื้อจายกับหูเหมยเดินลงจากเขาหลังเสร็จจากการฝึกช่วงเช้าของพวกเขาแล้วเมื่อเดินผ่านคลินิกพวกเขาก็มองเห็นสองคนกําลังรออยู่ที่ด้านนอกคลินิก

“หืม?!”

สายตาของพวกเขาตกไปอยู่ที่เสวี่ยซินหยวน บนร่างของอีกฝ่ายมีบรรยากาศพิเศษบางอย่างซึ่งคล้ายกับที่พวกเขาเคยมีมันเป็นรังสีสังหารที่มากไปกว่านั้นใบหน้าของอีกฝ่ายดูแห้งผากดวงตาของเขาแดงกําจนน่ากลัวเขากัดฟันแน่นราวกับคนที่กําลังทุกข์ทรมาน สภาพของเขาดูผิดปกติอย่างมาก

“ผู้ชายคนนี้เคยฆ่าคนมาก่อน”ทั้งสองหันมามองหน้ากัน

“พวกคุณมาทําอะไรที่นี่กันเหรอ?” เจี่ยจื้อจายถาม

“อ้อ พวกเรามาหาหมอครับ”

“เขาเหรอ?” เจี่ยจื้อจายชี้ไปทางเสวี่ยซินหยวนที่ยืนอยู่ไม่ไกล

“ใช่ครับ พวกคุณพอรู้ไหมครับว่าหมอหวังจะลงจากเขามาเมื่อไหร่?” คนขับรถถามเขาค่อนข้างเป็นกังวล ตลอดทางที่ขับรถมา เขาก็ได้รู้ว่าสถานการณ์ของคุณเสวี่ยไม่ปกติอย่างมากเขาดูเหมือนคนที่อาจสติหลุดได้ตลอดเวลาและเขาก็อาจจะซวยได้

“รออีกสักพัก เชียนเชิงกําลังจะลงมาแล้วล่ะ” เจี้ยจื้อจายพูดในขณะที่ก้มลงมองเวลา

ตอนนี้เป็นเวลา 7.30 น.เขารู้ว่าหวังเฝ้ามักจะลงจากเขามาในตอน 8 โมงและค่อยเดินมาที่คลินิก

“ขอบคุณครับ”

เสวี่ยซินหยวนเดินไปทางพื้นที่โล่งข้างคลินิกเขายื่นมือออกไปจับลําต้นต้นไม้ต้นหนึ่งเอาไว้แน่น