ตอนที่ 879 พิษร้อนโจมตีหัวใจ

Elixir Supplier

เขาใช้สองมือจับต้นไม้เอาไว้แน่นแขนเหยียดออกร่างกายแข็งเกร็ง

“เกิดอะไรขึ้นกับเขาเหรอ?” เจี้ยจื้อจายถาม

“เอ่อ เขาไม่สบายน่ะครับ” คนขับรถตอบ

“อ็ม เขาดูไม่สบายมากเลยนะ” เจี้ยจื้อจายพูด

อีก!

เสวี่ยซินหยวนกัดฟันแน่นเล็บของเขาจิกลงไปที่ล่าต้นจนเลือดออก

“น้ำ!” น้ำเสียงของเขาแหบแห้งราวกับถูกไปเผา

“ครับ ครับน้ำครับ”คนขับรถรีบไปเอาขวดน้ำและวิ่งกลับไปหาเขา เขาส่งขวดน้ำให้อีกฝ่ายและรีบถอยออกมาด้วยกลัวว่าอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นกับตนเอง

เสวี่ยซินหยวนเปิดฝาขวดและดื่มน้ำเข้าไปอีกใหญ่เวลาแค่สั้นๆ น้ำก็หมดไปครึ่งขวดแล้ว

“เขาดื่มเยอะอย่างกับวาฬแน่ะ!” เจี่ยจื้อจายอุทาน

“เขาไม่ได้ดื่มน้ำมากี่วันแล้วเหรอ?”

“เขาดื่มน้ำครับ แถมยังดื่มตลอดทางที่มาที่นี่ด้วย”

“เขาหิวน้ำขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“หิวน้ำแค่ไหนผมไม่รู้ แต่ผมรู้ว่าเขาป่วยอยู่”

“แน่ส์ แล้วดูท่าจะหนักมากซะด้วย”

“พวกเราไปกันได้รึยัง?” หูเหมยถามเสียงเบา

“ยังไปไม่ได้หรอก ฉันต้องคอยจับตามองที่นี่เอาไว้ ดูสภาพของผู้ชายคนนั้นสิ เขาดูแย่เอามากๆ เขาอาจจะขาดสติได้ทุกเมื่อถ้าเขาเกิดทําลายข้าวของของเชียนเชิงขึ้นมาคงไม่ใช่เรื่องดีแน่” เจียจื้อจายพูดถึงยังไงตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่ด้านนอกคลินิกอยู่แล้ว

“เธอกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่เอง เดี่ยวเชียนเชิงก็คงจะลงมาแล้ว”

“ฉันจะอยู่กับนาย” หูเหมยพูด

ทั้งสองยืนอยู่เงียบๆและคอยจับตามองชายที่ฝังเล็บของตัวเองลงไปบนลําต้นของต้นไม้

ฮัววว..วววว…

เขาสูดลมหายใจเข้าออกอย่างหนัก เขารู้สึกอึดอัดอยู่ในอกและหายใจเอาอากาศเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ

ตูม! เขาชกหมัดเข้าใส่ต้นไม้ มือของเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

“เขายังไม่มาอีกเหรอ?” อยู่ๆเขาก็หันหน้ากลับไปใบหน้าของเขาดูดุร้าย เขาดูเหมือนสัตว์ป่าที่ใกล้คลั่ง

“เอ่อ ยังครับ ทนอีกหน่อยนะครับ” คนขับรถพูด

“พระเจ้า พระพุทธเจ้าช่วยเราด้วยได้โปรดอย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย” เขาพึมพํา

ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจมาก เขาไม่น่ารับงานนี้มาเลย เดิมที่นี่ไม่ใช่หน้าที่ของเขามันเป็นของเพื่อนร่วมงานอีกคนแต่ดันเกิดเรื่องขึ้นกับเพื่อนร่วมงานของเขาในนาทีสุดท้ายเขาจึงช่วยรับงานแทนเพราะความใจดีของตัวเองเขาไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้

อ้าก!อ้ากโอ้าก!

เสวี่ยซินหยวนนั่งคุกเข่าและใช้กําปั้นชกลงไปที่พื้น พื้นทั้งแข็งและมีก้อนหินปะปนอยู่ด้วยไม่นานมือของเขาก็เต็มไปด้วยเลือด แต่เขาทําราวกับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่น้อยเขายังคงชกลงไปที่พื้นราวกับมีความแค้นต่อกัน

“เกิดอะไรขึ้น?” เจี้ยจื้อจายอึ้ง

“หรือเขาเป็นบ้าไปแล้ว?”

อาก!

อยู่ๆเขาก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งเข้าไปหาคนขับรถ มือที่เต็มไปด้วยเลือดคว้าตัวชายที่อยู่ตรงหน้า

“ไปตามเขามาเดี๋ยวนี้!”

“ได้ ได้ครับ” คนขับรถกลัวจนแทบบ้า

ใครมันจะไปคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น!

“เร็ว!”

เสวี่ยซินหยวนผลักตัวคนขับรถด้วยมือที่สั่นเทา

“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้ครับ”คนขับรถรีบวิ่งออกไป

เมื่อมองดูทางที่คนขับรถวิ่งไป เจี้ยจื้อจายก็ถามขึ้นมาว่า “เขาจะไปตามหาเขียนเชิงที่ไหนกัน?”

“เขาไม่ได้ไปตามหาเชียนเชิงหรอก เขากําลังหนีอยู่ต่างหาก แค่นี้นายก็มองไม่ออกเหรอ?” หเหมยกรอกตาใส่เขา

เสวี่ยซินหยวนหมุนตัววิ่งกลับไปที่พื้นที่โล่ง เขาหยิบขวดน้ำที่อยู่บนพื้นขึ้นมาดื่ม

เจียจื้อจายมองเขาด้วยความสงสัย นี่มันโรคอะไรกัน?

เสวี่ยซินหยวนเป็นเหมือนกับถุงที่พองตัวจวนเจียนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

ทําไมเขายังไม่มาอีก?

เขากัดฟันและคําราม

ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว!

เขาลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองด้านหลังด้วยดวงตาแดงก่ำสายตาของเขาที่มองไปทางเจี้ยจื้อจายกับหูเหมยดูราวกับสัตว์ป่า

“ใจเย็นไว้!” เจียจื้อจายตะโกนบอกและทําท่าท่าทางไปด้วย

มันคงจะดีกว่าถ้าเขาไม่ตะโกนออกไป เสียงตะโกนเหมือนเป็นตัวลั่นไกเสวี่ยซินหยวนแล้วเขาก็พุ่งตัวออกไปทันที

“ไปจากที่นี่ซะ!” เขาส่งเสียงคําราม

เขายังพอมีสติ แต่มันเกินขีดจํากัดของเขาแล้ว เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป

“โว้ว เวลาแบบนี้เขาก็ยังมีสติได้อยู่! ไม่ง่ายเลยจริงๆ!” เจี้ยจื้อจายพูด

“บ้าเอ้ย พวกนายรีบไปได้แล้ว!” เสวี่ยซินหยวนค่าราม

ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือด แต่สถานการณ์ในปัจจุบันของเขากลับเลวร้ายยิ่งกว่าพิษไร้ชื่อกําลังกระตุ้นความต้องการสังหารที่หลบซ่อนอยู่ภายในจิตใจของเขา เขาไม่รู้ว่าทําไมแต่เขาต้องการปลดปล่อยและฆ่าใครสักคน

ไม่ ไม่ได้เด็ดขาด!

ทันทีที่ความคิดนี้ถูกปลดปล่อยออกไป มันก็เหมือนทํานบแตก เขาอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป

มันยากเกินไป

ฉันจะฆ่าใครไม่ได้! ต้องไม่ใช่ที่นี่!

อยู่ๆเขาก็วิ่งไปทางทุ่งนาที่อยู่ไม่ไกล

“นายกําลังจะไปที่ไหน?”เจี้ยจื้อจายหยุดเขาเอาไว้

“หลีกไป!”

เสวี่ยซินหยวนชกออกไปสุดแรง แต่กําปั้นของเขากลับถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย

“แรงที่ชกมาเบาไปหน่อยนะ แล้วก็ไม่ค่อยแม่นเท่าไหร่ด้วย” เจี้ยจื้อจายพูดด้วยรอยยิ้ม

“หลีกทางไป!” เสวี่ยซินหยวนคําราม

เกิดอะไรขึ้น?

ห่างออกไปไม่ไกล หวังเย้าที่เดินลงมาจากเขาก็ได้ยินเสียงคารามและเห็นสองคนที่กําลังคุมเชิงกันอยู่

“พระเจ้า นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ไม่ไกล ชายคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากด้านหลังกําแพงคลินิกเขาก็คือคนขับรถที่เพิ่งวิ่งหนีไปและพูดว่าเขาจะออกไปตามหาหมอหวัง

นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่ เขาจึงไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ เขายังไม่รู้จักใครที่นี่เลย แล้วเขาจะไปตามหาคนเจอได้ยังไง?เขาแค่ใช้โอกาสนั้นเพื่อหนีออกมาเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงไปด้วยเท่านั้น

“ด้วยเกียรติของฉัน ฉันจะไม่กลับไปคนเดียว แต่ฉันก็ทําอะไรไม่ได้เลย!”คนขับรถพึมพัมกับตัวเอง

“ได้โปรดอย่าฆ่าใครตายเลย!”

เขาหยิบมือถือออกมาด้วยมือที่สั่นเทา เตรียมที่จะขอความช่วยเหลือจากหัวหน้างาน

“เชียนเชิงมาแล้ว!” เจี้ยจื้อจายมองเห็นหวังเย้าที่กําลังเดินลงมาจากเขา

“ยินดีด้วย นายรอดแล้ว” เขาหันไปคุยกับชายที่ดวงตาแดงก่าและใบหน้ามันเลื่อมอย่างน่าประหลาด

สภาพของอีกฝ่ายในเวลานี้ เขาไม่สามารถรับรู้คําพูดของเจี้ยจื้อจายได้เลยเขาคิดแค่ว่าคนที่หยุดเขาเอาไว้เป็นคนที่น่ารังเกียจ เขาอยากทุบหัวของอีกฝ่ายและทําให้อีกฝ่ายหายไปจากสายตาของเขา เขาพยายามจะทําแบบนั้นแต่การโจมตีของเขากลับถูกหยุดไว้โดยเจี้ยจื้อจายได้

อย่างง่ายดาย

“เงียบๆสิ”

ยังไม่ทันพูดจบ หวังเย้าก็เดินมาทางพวกเขาแล้ว

ชายที่หลบอยู่มุมกําแพงคลินิกขยี้ตาดื่มมีอีกคนเพิ่มขึ้นมาเขามาจากไหนกัน?

“เชียนเชิง”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอครับ?”

“ผู้ชายคนนี้มารักษากับเชียนเชิง”เจี้ยจื้อจายพูด“เขามารอได้สักพักแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะป่วยหนักมากเขาเพิ่งเอานิ้วฝังลงไปในต้นไม้และชกพื้นดินดูเหมือนว่าเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้เขาเป็นบ้าไปแล้วแต่เขาก็ถือว่าจิตใจดีเพราะก่อนที่เขาจะเสียสติเขายังบอกให้เราหลีกไป ให้ไกล”

ดวงตาของเขาแดงก่าและลมหายใจร้อนผ่าว หัวใจของเขาเต้นเร็วแรงอาการแบบนี้เกิดได้จากพิษร้อน

พิษร้อนโจมตีหัวใจของเขา ทําให้เขาสูญเสียสติสัมปชัญญะ ก่อนจะกลายเป็นบ้าคลั่ง

“ปล่อยเขา”

“ได้ครับ” เจียจื้อจายปล่อยมือที่จับเขาเอาไว้

เสวี่ยซินหยวนเตรียมที่จะโจมตี แต่เขากลับถูกกักกันด้วยกําแพงที่มองไม่เห็น มันราวกับเขาถูกพันธะนาการเอาไว้ให้อยู่กับที่

“หา มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”คนขับรถที่ซ่อนตัวอยู่ที่มุมกําแพงจับจ้องไปทางพวกเขา เขาไม่รู้ว่าควรจะออกไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นหรือไม่

“นี่ ไม่มีอะไรแล้วนายออกมาเถอะ”เจี้ยจื้อจายเอ่ยเรียกคนขับรถที่ซ่อนตัวอยู่

ดูเหมือนตอนนี้จะปลอดภัยแล้ว

เขาใช้ความคิดแล้วจึงเดินออกไปภารกิจที่ได้รับมาจากเบื้องบนไม่ใช่แค่เพียงพาคนมาที่นี่เท่านั้นเขายังต้องค่อยอํานวยความสะดวกให้ได้มากที่สุดหากเกิดเรื่องขึ้นกับอีกฝ่ายเขาคือคนที่ต้องรับผิดชอบเขาอาจต้องเสียงานในตอนที่กลับไปก็ได้

เขาได้รับข้อมูลก่อนจะเดินทางมาที่นี่แล้ว แต่เมื่อเห็นว่าหวังเย้าอายุยังน้อยเขาจึงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่แน่ใจ“สวัสดีครับคุณคือหมอหวังใช่ไหม?”

“ผมเองครับ”

“เอ่อ สวัสดีครับหมอหวังคุณเสวี่ยคนนี้ถูกพิษมาครับผมเลยพาเขามารักษาที่นี่และมารอได้สักพักแล้วผมไม่รู้ว่าทําไมแต่อยู่ๆอาการของเขาก็แย่ลงผม…”

“ผมเข้าใจทุกอย่างแล้ว เข้ามาข้างในคลินิกกับผมได้เลยครับ” หลังจากที่หวังเย้าพูดเสร็จเขาก็ไม่ได้ทําอะไรแต่เสวี่ยซินหยวนที่คลั่งอยู่กลับหมดสติไป

“หา?!”

“แบกเขาไปสิ” เจี้ยจื้อจายพูดกับคนขับรถ

“หา?”

“จะหาทําไม?นายแย่มากเลยนะที่ทิ้งเพื่อนของตัวเองในช่วงวิกฤตแถมยังหนีไปโดยไม่บอกพวกเราด้วยว่าเพื่อนของนายอันตรายแค่ไหนขนาดเพื่อนของนายยังอุตส่าห์บอกให้พวกเราหนี ไปก่อนที่เขาจะเป็นบ้าไปเลย”เจี้ยจื้อจายพูด

“เร็วเข้าสิ”

“ครับ ผมจะแบกเขาเอง” คนขับรถพูด สิ่งที่เขาทําลงไปถือว่าไม่ถูกต้องอย่างที่อีกฝ่ายพูดแต่การเสี่ยงอันตรายเพื่อคนแปลกหน้าที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อนเขาก็ทําไม่ได้เหมือนกัน

เขาแบกเสวี่ยซินหยวนเข้าไปในคลินิก

หวังเข้าตรวจอาการของเขาอย่างละเอียด

“ไม่ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่อะไรเขาถูกพิษมาผมรักษาให้หายได้ แต่ค่ารักษาก็สูงมาก”

“เท่าไหร่ครับ”

“หนึ่งแสนหยวน

“เท่าไหร่นะครับ?” คนขับรถตกตะลึง

พระเจ้า นี่มันต้มตันชัดๆถึงขั้นเรียกเงินเป็นแสนในครั้งเดียว!

“เอ่อ ผมไม่ได้เอาเงินติดมาด้วยเยอะขนาดนั้น!”

“ถ้าอย่างนั้นก็ลองหาทางดู พิษชนิดนี้ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งเผาทําลายอวัยวะภายในไปมากเท่านั้นและการรักษาก็จะยิ่งยุ่งยากตามไปด้วย”

“รอสักครู่นะครับ ผมขอออกไปโทรศัพท์ก่อน”

คนขับรถรีบเดินออกไปโทรหาเจ้านายของเขา ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจนจบ อีกฝ่ายก็พูดมาหนึ่งคํา”

“จ่าย”

“หา?!”

“จ่ายเงินให้เขา ต้องให้ฉันพูดอีกรอบไหม?”

“แต่ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นนะครับ!”

“หาทางสั ช่วยเขาให้ได้ก่อน เอารถเป็นหลักประกันไว้ก่อนก็ได้ แล้วฉันจะส่งคนไปที่นั่นให้เร็วที่สุดยังไงคุณเสวี่ยก็ต้องปลอดภัย ถ้าไม่อย่างนั้นนายก็ไม่ต้องกลับมา”

“ไม่…”

บ..

บ…ปีบ…สายถูกตัดไป

“เฮ้อ คนพวกนี้มัน ทําไมเวลาจัดการเรื่องแบบนี้ถึงไม่ใช้สมองกันบ้างนะ?”

เขาเดินกลับเข้าไปในคลินิก

“เป็นยังไงบ้างครับ?”

“เอ่อ คุณพอจะช่วยเขาก่อนได้ไหมครับ?”คนขับรถพูด“ผมไม่ได้เอาเงินติดมาด้วยเยอะขนาดนั้นแต่ผมไม่คิดจะติดหนี้คุณแน่นอน ผมขอเอารถเป็นประกันไว้ก่อนอีกไม่นานก็จะมีคนเอาเงินมาให้ที่นี่”