หลินจือรีบอธิบาย “ไม่ได้เอาเรื่องเท็จมาทำให้เป็นเรื่องจริงนะ เพราะถ้าแสร้งเป็นคู่รักกันจะต้องมีท่าทีใกล้ชิดสนิทสนมกันแน่นอนอยู่แล้ว โดยเฉพาะที่โรงพยาบาล”
หลินจืออธิบายจบก็ถามขึ้นอย่างกังวล “ถ่ายไม่เห็นหน้าฉันอยู่ใช่ไหม?”
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เธอเพิ่งผ่านอะไรต่อมิอะไรมา ในเวลานี้ถ้ามาถูกถ่ายรูปจับมือกับเจเทาวน์อีก เธอต้องถูกด่าตายแน่
แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ผลงานของเจเทาวน์จะไม่ได้เยอะ หลักๆก็ทำแค่วางแผนบริหารบริษัทอยู่เบื้องหลัง แต่ความนิยมชมชอบก็ยังคงอยู่ เธอจะต้องถูกแฟนคลับของเจเทาวน์เล่นงานบนอินเทอร์เน็ตแน่
แต่ก็ต้องยอมรับว่าเจเทาวน์เอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี
เพราะกังวลว่าเธอจะถูกถ่ายแล้วจะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ก็เลยกำชับเธอให้มีการป้องกันตัว
เธอใส่หมวกชาวประมงกันแดดผู้หญิงขนาดใหญ่ และยังใส่แมส ปกปิดตัวเองอย่างมิดชิด
นานิพูดว่า “เธอปกปิดซะมิดชิดขนาดนั้น จะถ่ายเห็นหน้าเธอได้ยังไง ก็มีแต่คนที่รู้จักมักคุ้นกับเธอเท่านั้นแหละที่มองด้านหลังถึงรู้ว่าเป็นเธอน่ะ”
หลินจือโล่งอก “งั้นก็โอเค”
ในฐานะที่เป็นผู้เขียนบท เธอแค่อยากเขียนบทของตัวเองเงียบๆ ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวกับพวกข่าวดาราทั้งหลาย
แต่จะทำอย่างไรเมื่อฟ้าไม่เป็นใจ เธอก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะต้องมาพัวพันกับเจเทาวน์
นานิก็ถามขึ้นอีกเกี่ยวกับอาการของแม่เจเทาวน์ หลินจือเล่าความจริง
นานิก็ให้รู้สึกเสียใจ “เฮ้อ บนโลกนี้ทำไมจะต้องมีพวกเรื่องล้มหายตายจากด้วยเนอะ น่าปวดใจจริงๆ”
จริงๆก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดาของคน เมื่อวันนั้นมาถึงก็ทำได้เพียงแค่พยายามที่จะยอมรับความเป็นจริง
นานิพูดอีกว่า “ก่อนหน้านี้เท่าเท่ได้โทรหาฉัน ถามว่าเธอไปไหน ฉันเลยจงใจบอกเป็นนัยๆว่าเธอกับเจเทาวน์คบกันแล้ว”
หลินจือ “……”
นานิพูดเสียงไม่พอใจ “ฉันจงใจที่จะทำให้เขาสะเทือนใจ ก็ใครให้เขาทำตัวแย่ขนาดนั้นล่ะ”
นานิกำชับอีกว่า “เธอก็อย่าไปสารภาพกับเขาเองล่ะว่าเธอแกล้งเป็นคู่รักกับเจเทาวน์”
หลินจือพูดไม่สนใจว่า “ทำไมฉันต้องไปสารภาพด้วย?”
ถ้าเธอไปสารภาพกับเทาเท่ เทาเท่ก็คงคิดอีกว่าเธอคิดอะไรกับเขาหรือเปล่าน่ะสิ?
ให้เขาคิดว่าเธอคบกับเทาเท่แล้วจริงๆดีกว่า เป็นอย่างนี้พวกเขาจะได้แบ่งขอบเขตให้ชัดเจนกันเสียที
“ไม่ไปสารภาพก็ดี” นานิพูดอย่างเป็นต่อ “หลังจากที่ฉันบอกเขาเป็นนัยๆอย่างนี้ก็ให้รู้สึกว่าอารมณ์เขาร้ายขึ้นมาทันที อีกอย่างไม่ทันได้พูดอะไรก็วางสายไปแล้ว”
หลินจือขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดอยู่สักพักแล้วจึงพูดออกมาว่า “เขาเป็นคนเย่อหยิ่งออกอย่างนั้น เอะอะก็ชอบวางสายใส่คนอื่น ส่วนอารมณ์ร้ายๆเธอคงจะคิดผิดล่ะ”
นานิไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น “เซ้นส์ของฉันไม่เคยพลาด”
เทาเท่อารมณ์ไม่ดีจริงๆ
หลินจือพูดว่า “หลังจากนี้อย่าไปยั่วเขาเลย จะได้ไม่เสียเวลาของพวกเรา”
นานิทำได้แค่ตกปากรับคำ “โอเค”
คนทั้งสองคุยกันอยู่สักพักแล้วจึงวางสาย แล้วหลินจือถึงดูข่าวของตัวเองกับเจเทาวน์บนอินเทอร์เน็ต
เรื่องนี้เป็นท็อปชาร์ตการค้นหาในweibo ด้านหลังยังมีคำว่า “แฉ”ตัวสีแดง เห็นได้ว่าอิทธิพลของเจเทาวน์นั้นมีอยู่มาก
คีย์เวิร์ดสำคัญในการค้นหาคือ แฟนลึกลับของเจเทาวน์
แม่ของเจเทาวน์ป่วยหนัก แฟนสาวลึกลับมาเยี่ยมที่โรงพยาบาล
หลังจากที่ได้มีการวิเคราะห์กันก็ตัดสินว่าเธอเป็นแฟนตัวจริงของเจเทาวน์ ไม่งั้นแล้วคงไม่มาปรากฎตัวในโรงพยาบาลแบบนี้
รูปภาพที่แนบอยู่เป็นภาพที่เธอกับเจเทาวน์จับมือกันอยู่ที่ระเบียงทางเดินของโรงพยาบาล ยังดีที่ขอบหมวกตกลงมาต่ำ เลยทำให้มองไม่ออกว่าเป็นเธอ
หลินจือเก็บโทรศัพท์แล้วทำงานต่อ ไม่ได้ดูคอมเม้นท์ แล้วก็ไม่ได้ไปคาดะเนว่าคนนอกจะวิจารณ์ถึงเธอว่ายังไง
ในเมื่อแกล้งเป็นคู่รักกันก็ไม่ต้องแคร์ว่าคนอื่นจะมองยังไง
เทาเท่อาบน้ำเสร็จก็เดินออกมา ในมือถือมีข้อความเข้ามาเป็นกอง เป็นโซเมนที่ส่งมาให้ในกลุ่มของพวกเขาสี่คน
คนทั้งสี่ที่อยู่ในกลุ่มนั้นมีเขา โซเมน ไวท์ นทีบดี ใช้ชื่อกลุ่มว่าF4แห่งเมืองเจสเวิร์ด
ชื่อกลุ่มฟังดูก็รู้ว่าเป็นโซเมนเป็นคนตั้ง ครั้งแรกที่เห็นชื่อกลุ่มนี้ ความคิดที่อยากจะออกจากกลุ่มของเทาเท่ก็มีมาตั้งแต่นั้น
โซเมน “พวกแกเห็นท็อปชาร์ตยังหวะ? หลินจือกับเจเทาวน์คบหันแล้วหรอ?”
ไวท์ “….”
นทีบดี “……”
นทีบดี “ดังนั้นช่วงก่อนหน้านี้ที่เท่ให้ฉันไปออกหน้าโพสต์จดหมายทนายแทนก็เป็นความจริงใจที่ผิดที่น่ะสิ?”
โซเมน “เดิมทีอยากเห็นเท่กลับไปทำในสิ่งที่เคยได้ทำนะ แต่คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันจะได้ทำ เค้าไปมีคนอื่นก่อน”
หลังจากโซเมนพูดจบก็ส่งสติ๊กเกอร์หัวเราะอย่างรัวๆมา เทาเท่ได้เห็นอย่างนั้นก็มีความคิดที่อยากจะกดโซเมนลงกับพื้นแล้วจัดการซะ
ไวท์ “ฉันดูท็อปชาร์ตแล้วมันยังอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกกัน ไม่มีทางเชื่อได้หรอกว่ามันเป็นเรื่องจริง”
โซเมน “เฮ้อ มือก็ได้จูงกันแล้ว ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ”
เทาเท่อ่านข้อความสนทนาของพวกเขาจนจบก็ไปดูท็อปชาร์ตด้วยสีหน้าที่ไม่เชื่อ รูปที่เจเทาวน์กับหลินจือจูงมือกัน ทำให้เขาเกิดความสะเทือนใจมากเลยนั่งแพละลงบนเตียง
เขามองและซูมรูปนั้นอีกรอบ ให้แน่ใจว่ามือของคนทั้งสองจูงกันไว้จริงๆ
เหมือนมีของมีคมมากรีดตรงหน้าอก ทั้งเจ็บทั้งเสียใจ
อาจจะเป็นเพราะแต่ก่อนหลินจือแน่วแน่กับเขามากเกินไป ต่อให้หย่ากันแล้ว เขาก็ไม่เชื่อว่าหลินจือจะคบกับผู้ชายคนอื่น
แต่ว่ารูปจูงมือนี้….
ยกมือขึ้นเสยผมของตัวเอง เทาเท่หยิบบุหรี่ไปสูบที่ระเบียงด้านนอก
ข้อความกลุ่มสี่คนยังคงส่งเสียงดัง โซเมนแท็กเขาแล้วส่งข้อความปลอบใจมา “เท่ โอเคมั้ยหวะ?”
ไวท์ “ไม่รู้ว่าเท่มันโอเคหรือไม่เปล่านะ แต่ที่แน่ๆฉันไม่โอเค”
โซเมนและนทีบดีต่างก็รู้ความหมายของไวท์ว่ารับไม่ได้ที่หลินจือที่แน่วแน่ต่อเทาเท่นั้นไปคบกับคนอื่น
พวกเขาเป็นแค่คนนอกต่างก็ให้รู้สึกเสียใจ แล้วเจ้าของเรื่องอย่างเทาเท่จะเสียใจขนาดไหน
เทาเท่สูบบุหรี่พลางคุยในกลุ่ม “ทำไมพวกแกถึงพูดแบบนี้หวะ?”
จนกระทั่งตอนนี้เขายังแสร้งทำเป็นทองไม่รู้ร้อนต่อหน้าคนอื่น
นทีบดีไม่พูดว่าอะไร ส่งแค่สติ๊กเกอร์หัวแม่มือเพื่อแสดงความชื่นชมต่อทัศนคติที่ดีของเขา
โซเมน “แบ่งขอบเขตชัดเจนกับซูซีแล้ว หลินจือก็มีคู่ใหม่ ต้องการให้ฉันแนะนำผู้หญิงคนอื่นให้ไหม?”
เทาเท่คาบบุหรี่ตอบกลับด้วยท่าทีที่ไม่สนใจว่า “ไม่สน”
คำพูดของเขาประโยคเดียวทำให้การสนทนาเงียบลง ทุกคนไม่ได้พูดต่อ ในกลุ่มเงียบไปสักพัก
หลังจากผ่านไปครู่นึง เทาเท่ก็สูบบุหรี่หมด เลยเอ่ยทักก่อนว่า “ออกไปดื่มเหล้ากันไหม?” โซเมนตอบกลับเป็นคนแรก “ใช้เหล้าย้อมใจ ความเศร้ายิ่งเพิ่มนะ”
เทาเท่ “….”
“ใครว่าฉันใช้เหล้าย้อมใจกันหวะ?” เขาพูดออกมาอย่างนี้
โซเมนส่งรูปสติ๊กเกอร์หัวเราะให้ แล้วพูดเชื้อเชิญว่า “เจอกันที่เดิม”
เพราะไวท์จะต้องทำโอทีเลยไม่สามารถมาได้ ที่บ้านมีภรรยาสาวสวยและเข้าร่วมปาร์ตี้ของเพื่อนน้อยมากๆอย่างนทีบดีก็มาร่วมด้วย
ดูออกว่าทุกคนรู้สึกว่าเทาเท่ต้องการการปลอบโยนและคนเคียงข้าง ถึงแม้เทาเท่จะปากแข็งไม่ยอมรับความเสียใจของตัวเองก็ตาม