คนทั้งสามมาเจอกันที่บาร์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของโซเมน เรื่องแรกที่โซเมนถามเทาเท่คือ “ต้องการให้ฉันออกไอเดียสักสองสามอย่างให้แกไหม?”
เทาเท่เทเหล้าใส่แก้วให้ตัวเอง “ไอเดียอะไร?”
โซเมนแบมือออกด้วยท่าทีหมดคำพูด “ก็ไอเดียจีบหลินจือกลับคืนมาไง”
เทาเท่พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เธอกับเจเทาวน์คบกันแล้ว ฉันยังจะจีบได้ไง? หรือว่าแกต้องการให้ฉันเป็นมือที่สาม?”
นทีบดีที่อยู่ด้านข้างเพิ่งดื่มเหล้าเข้าปาก ได้ยินคำว่า “มือที่สาม”ที่เท่าเทพูดออกมาก็ตกใจพ่นเหล้าออกมา
คิดไปถึงภาพลักษณ์และฐานะของเทาเท่ แล้วก็คิดถึงคำว่ามือที่สามขึ้นมาอีกรอบ ทำให้นทีบดีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“จะให้แกเป็นมือที่สามยังไง? แกไปสารภาพความในใจของแกก็พอแล้ว จะว่าไปแต่งงานแล้วก็หย่ากันได้ไม่ใช่หรอ?”
และเขาก็รีบพูดเยียวยาว่า “ฉันหมายถึงพวกเขาอาจจะคบกันได้ไม่นาน….”
แม้ว่าเขาจะพูดเยียวยาแล้ว แต่คำว่า “แต่งงานแล้วก็หย่ากันได้” ยังคงทิ่มแทงใจของเทาเท่
จนกระทั่งในเวลานี้เขาเพิ่งเข้าใจว่าหลายๆครั้งต่อให้เราได้ของบางสิ่งบางอย่างมา แต่ถ้าไม่เห็นค่าของมัน ไม่ช้าก็เร็วต้องสูญเสียไปอยู่ดี
โซเมนเห็นสีหน้าของเทาเท่ไม่ดี ให้รีบพูดขึ้นว่า “มาๆๆดื่มกัน อย่าพูดคุยเรื่องวุ่นวายนี้เลย”
โซเมนพูดพลางเอาแก้วเหล้าที่อยู่ด้านหน้าของเทาเท่ออก และเอาขวดน้ำผลไม้คั้นสดที่อยู่ด้านข้างให้เขาแทน
แม้ว่าปกติพวกเขาจะเป็นคนชอบขัดขากัน แต่ความเป็นจริงในใจของแต่ละคนต่างก็รู้ถึงความสำคัญของฝ่ายตรงข้าม ตั้งแต่เทาเท่รักษาโรคกระเพาะแล้วออกจากโรงพยาบาล โซเมนก็ไม่ให้เขาดื่มเหล้าอีกเลย
เทาเทดื่มน้ำผลไม้ไปหนึ่งอึก รู้สึกว่ามันไม่ถึงใจเลยสักนิด
อารมณ์ของเขาในเวลานี้มีเพียงแค่ความร้อนของเหล้าที่ลงคอเท่านั้นถึงจะช่วยคลี่คลายได้
ผลักน้ำผลไม้ไปอีกด้าน เขายื่นมือออกไปเทเหล้าให้ตัวเอง
นทีบดีที่อยู่ด้านข้างเตะเขารอบนึง “อย่าดื่มดิหวะ ถ้าดื่มแล้วร่างกายของแกเป็นอะไรขึ้นมาอีก เค้ายิ่งไม่เอาแกใหญ่เลย”
เทาเท่ “…..”
ดังนั้นตอนนี้เขาเป็นตัวละครที่หลินจือทอดทิ้งหรอ? ไม่ใช่เป็นตัวละครที่เชิ่ดๆที่ไม่มีหลินจืออยู่ในสายตาหรอกหรอ?
โซเมนพูดคล้อยตามกันว่า “นั่นน่ะสิ แกเห็นค่าของหลินจือที่ใส่ใจดูแลแกเมื่อหลายปีที่ผ่านมามั้งไหมเนี่ย?”
คนทั้งสองพูดเข้าขากัน เทาเท่ก็ไม่ดื่มเหล้าอีกจริงๆ
เทาเท่กับนทีบดีต่างก็มองตากัน แล้วถอนหายใจอย่างจำใจ
พูดถึงหลินจือ เทาเท่ก็ไม่ดื่มเหล้าอีก แล้วยังไม่ยอมรับอีกนะว่าตัวเองแคร์เค้า
ทำไมปากถึงได้แข็งนักนะ?
คนทั้งสามพูดคุยกันเสร็จก็แยกย้ายกลับบ้าน คืนนั้นทั้งคืนเทาเท่อยู่ในสถาวะที่นอนไม่หลับ
พอคิดถึงหลินจือกับเจเทาวน์คบกันแล้ว คิดไปถึงภาพที่พวกเขาเดินจูงมือกัน คิดไปถึงว่าหลังจากนี้พวกเขาอาจจะได้ทำเรื่องที่มันใกล้ชิดกันกว่านี้ เขาก็ผุดลุกขึ้นนั่งจากเตียงทันที
เป็นแบบนี้กลับไปกลับมาอยู่สามสี่รอบ ฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้น
เขาก็เลยเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปกำลังกาย ใช้วิธีการอย่างนี้เพื่อทำลายอารมณ์ที่พุงพล่านอยู่ภายในตัวเอง
วิ่งเสร็จแล้วก็กลับบ้านมาอาบน้ำ รู้สึกว่าอารมณ์สดใสขึ้นหลายเท่า ก็พอดีกับคุณท่านโทรเข้ามา
เขารับสายก็ได้ยินเสียงคุณท่านพูดเสียงดังว่า “แกรีบมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เขาไม่ต้องคิดก็รู้ว่าคุณท่านจะต้องรู้เรื่องที่หลินจือคบกับเจเทาวน์แล้วแน่ๆ
“ครับ” เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ หลังจากที่วางสายลงก็ขับรถไปหาคุณท่านที่บ้าน
พอเข้าประตูมาคุณท่านก็เอาแก้วน้ำชาเขวี้ยงใส่หน้าเขา ขณะที่เขากำลังเดินอยู่ก็คิดอยู่แล้วว่าจะต้องเจอแบบนี้ เขาเอียงข้างเพื่อหลบการประทะนี้
คุณท่านโกรธไม่หาย เลยยกไม้เท้าขึ้นตีเขา ตีไปด่าไป “แกยังมีหน้ามาหลบอีกหรอ?”
เช้าตรู่หลังจากที่คุณท่านเห็นภาพหลินจือกับเจเทาวน์เดินจูงมือกัน ก็ให้ใจสลายในตอนนั้น
แม้ว่าเขาจะเอ่ยปากพูดว่าให้หลินจือไปหาผู้ชายดีๆ แต่วัตถุประสงค์ของเขาจริงๆยังคงหวังให้หลินจือกับเทาเท่กลับมาเป็นเหมือนเดิม พฤติกรรมทุกอย่างที่เขาได้ทำมาแต่ก่อนก็เพื่อที่จะกระตุ้นหลานชายที่ดื้อด้านให้รู้หัวใจตัวเองเท่านั้น
ช่วงเวลาก่อนหน้านี้เทาเท่ช่วยหลินจือให้ผ่านช่วงอุปสรรคที่มืดมิดนั้นมา แล้วยังส่งพินอินไปเรียนต่างประเทศ คุณท่านพอใจเป็นที่สุด
ระหว่างที่รอให้เทาเท่ได้เริ่มจีบหลินจือขึ้นไปอีกก้าว หลินจือกลับคบกับเจเทาวน์เสียแล้ว
คุณท่านสวมแว่นสายตาถือโทรศัพท์แสดงท่าทางโมโห
เทาเท่จับไม้เท้าของคุณท่าน “คุณปู่ครับ เดี๋ยวผมจะต้องเข้าบริษัท ถ้าชาเปื้อนเสื้อผมจะต้องกลับบ้านไปเปลี่ยนอีก”
เขาสารภาพว่าทำไมถึงต้องหลบ ความโกรธของคุณท่านยังไม่หาย โกรธเขาแทบตาย
ทำไมตระกูลฟอเรน่าของพวกเขาถึงคลอดคนที่ทำให้คนอื่นสุขใจไม่เป็นอย่างเขาด้วยนะ?
เขายืนอยู่ตรงนั้นให้คุณท่านที่อยู่ในห้วงอารมณ์โมโหเขวี้ยงแก้วชาหรือตี อารมณ์โกรธก็พุ่งพวยขึ้นมา
แต่เขาน่ะสิ ยังจะมาบอกว่าสกปรกเสื้อผ้าเขา สมน้ำหน้าไม่มีคนเอา
พ่อบ้านสูงอายุกำลังพูดโน้มน้าวคุณท่านอยู่อีกด้านนนึง “ร่างกายของท่านรับไม่ได้กับเรื่องวุ่นวายขนาดใหญ่อย่างนี้นะครับ”
พ่อบ้านพูดพลางเอาไม้เท้าที่อยู่ในมือคุณปู่ลง คุณท่านหันหลังกลับด้วยความโกรธ เข้ามานั่งที่โซฟาไม่อยากที่จะพูดอะไรกับเทาเท่
เทาเท่ถามพ่อบ้านว่า “มีอาหารเช้าไหมครับ?”
คุณท่านท่าทางโกรธจัด “นี่แกยังมีอารมณ์กินข้าวเช้าอีกหรอ?”
คุณท่านไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าหลานชายเขาคนนี้ตอนนี้ยังมีความอยากอาหารอยู่อีกหรอ เขาโกรธจนหูดับอยู่แล้ว
เทาเท่พูดด้วยสีหน้าเรียบ “กระเพาะของผมอยู่ระหว่างการฟื้นตัวครับ”
คำพูดนั้นแฝงว่าไม่กินข้าวเช้าไม่ได้
คุณท่านกัดฟันแล้วหันมองไปทางอื่น พูดกับตัวเองหลายๆครั้งว่านี่หลานแท้ๆ
พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างพูดว่า “คุณท่านเข้ามากินด้วยกันสิครับ?”
คุณท่านตะคอกใส่ “ไม่กิน!”
ดังนั้นข้างโต๊ะข้าวใหญ่ก็มีแค่เทาเท่ที่นั่งกินข้าวอย่างสง่าอยู่
คุณท่านไม่หายโกรธเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามเขา พูดด้วยท่าทีที่ขึงขังว่า “ทั้งๆหลังจากที่หย่ากันแกมีเวลาตั้งหนึ่งปีกว่าที่จะเอาเค้ากลับมาใหม่ได้”
“โจทย์ข้อนี้อายุขนาดฉันยังแก้ได้เลย ไม่สนอะไรทั้งนั้นเดินหน้าจีบก็พอแล้ว เดิมทีเธอก็มีใจให้แก แกตั้งใจจีบสักหน่อย เธอจะต้องกลับมาแน่”
“แต่แกล่ะ? วางมาดสูงส่ง คิดว่าเค้าไม่มีแกจะอยู่ไม่ได้ ยังรอให้เค้าร้องไห้กลับมาหาแกอยู่หรอ”
“ตอนนี้เป็นไง เค้าไม่รอแก ไปคบกับคนอื่นแล้ว ร้องไห้เสียใจไปเถอะ!”
คุณท่านตหวาดอย่างโกรธๆออกมา เทาเท่ตอบกลับอย่างเรียบๆว่า “ตาข้างไหนของคุณปู่เห็นผมร้องไห้หรอครับ?”
“แกไม่ต้องมาปากแข็ง จะมีสักวันที่แกร้องไห้” คำพูดของคุณท่านเป็นแค่คำพูดในขณะที่โกรธ ก็คิดไม่ถึงว่าจะมีวันนึงที่เขาจะเป็นขึ้นมาจริงๆ
ตาเหลือบไปเห็นว่าเทาเท่กินข้าวใกล้เสร็จแล้ว คุณท่านรีบพูดขึ้นว่า “ให้ฉันพาแกไปดูดวงหน่อยเอาไหม?”
เทาเท่กระดกคิ้ว “ดูเรื่องอะไรครับ?”
คุณท่านพูดว่า “ดูว่าแกกับหลินจือยังมีความเป็นไปได้ไหม”
คุณท่านนึกว่าเทาเท่จะไม่เชื่ออะไรงมงายเหล่านี้เป็นแน่ แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะวางตะเกียบคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “โอเคครับ”