คุณท่านตกใจไม่น้อย ไม่รู้ว่าควรดีใจหรือเสียใจดี
หลานชายของเขาคนนี้ที่ได้รับการอบรมมาสูงและไม่เชื่อในเรื่องพระเจ้า กลับตกปากรับคำว่าจะไปเสี่ยงเซียมซีทำนายดวง ดูก็รู้แล้วว่าเขาอยากที่จะรู้ว่าโชคชะตาของตัวเองกับหลินจือว่าหลังจากนี้จะเป็นยังไง
หรือยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เขาปรารถนาที่จะได้ฟังคำตอบที่ดี ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะได้คลี่คลายความทรมานที่อยู่ในใจเขาตอนนี้
สี่ปีที่ผ่านมานี้ในที่สุดหลานชายของตัวเองก็เห็นความดีของหลินจือและรู้จักถึงความสำคัญของหลินจือด้วย คุณปู่ควรที่จะดีใจ
แต่พอคิดได้ขึ้นมาอีกหลินจือตอนนี้กำลังคบอยู่กับเจเทาวน์ ไม่แน่ว่าหลานชายตัวเองอาจไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้ คุณท่านก็ให้รู้สึกเสียใจขึ้นมา
แต่ไม่นานคุณท่านก็ทำอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ เขากำชับเทาเท่ว่า “งั้นเดี๋ยวแกขึ้นเขาไปกับฉันนะ อย่าเพิ่งไปบริษัท”
เทาเท่พูดอย่างไม่เข้าใจ “ขึ้นเขา?”
“ใช่น่ะสิ ไปเข้าวัดเสี่ยงเซียมซีทำนายดวง” คุณท่านอธิบาย “เจ้าอาวาสของวัดที่อยู่บนเขาเป็นเพื่อนสนิทฉันเอง ไปให้เขาดูให้เหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ หนึ่งคือดูแม่น สองคือท่านสามารถเก็บเป็นความลับให้พวกเราได้”
เทาเท่ทำได้แค่ตกปากรับคำ
สถานที่ที่คุณท่านอยู่มีทิวทัศน์งดงามจับตา ไม่ไกลกันมากก็มีเขาอยู่ลูกนึง เป็นเขาท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองเจสเวิร์ด
ได้ยินมาว่าวัดที่อยู่บนเขาตะเกียงธูปยังมีเยอะมาก ตลอดทั้งปีมานี้คุณท่านใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรทำก็ขึ้นเขาไปหาเจ้าอาวาสที่วัดเพื่อเล่นหมากรุก ไปมาหาสู่กันจนกลายเป็นเพื่อนสนิท
ตอนที่คนทั้งสองมาถึงที่วัด พระทุกองค์ในวัดเพิ่งจะสวดทำวัตรเช้าเสร็จ พอเห็นคุณท่านมาก็รีบเชื้อเชิญให้เขาไปที่ด้านหลังวัด
บริเวณรอบๆวัดตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นธูป ในวัดมีต้นไม้หลายต้นที่สูงระฟ้า
เทาเท่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจะพูดได้ไหมว่าจริงๆแล้วเขาไม่ชอบสถานที่ที่ดูงมงายแบบนี้เลยสนิท? แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อกี้ตัวเองถึงได้ตกปากรับคำกับคุณท่านว่าจะมาดูดวง
เทาเท่กลายเป็นคนที่ฝากชีวิตเอากับสถานที่แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ว่าก็ได้มาแล้วจึงทำได้แค่ตามคุณท่านไปเจอท่านเจ้าอาวาสนั้น
อายุของท่านเจ้าอาวาสกับคุณท่านนั้นใกล้เคียงกันมาก เคราเป็นสีขาวหมดแล้ว ท่าทางดูมีเมตตา
หลังจากที่คุณท่านอธิบายถึงการมาแล้ว พระนั้นก็ลูบเคลาไปมา ยื่นกระบอกไม้เซียมซีส่งให้เทาเท่ ให้เขาหยิบมาอันนึง
เทาเท่ทนหยิบออกมาไม้นึง พระตั้งใจดูอยู่ชั่วครู่
หลังจากที่ผ่านไปสักพักก็เอาเซียมซีที่อยู่ในมือให้เขา แล้วอ่านออกเสียงขึ้นมาว่า “ที่ลานบานเต็มไปด้วยเศษดอกไม้ ลดม่านลงเพื่ออยู่ในห้องนั้น ทนเห็นฤดูใบไม้ผลิที่ล่วงเลยไปไม่ได้ ดอกหญ้าค่อยๆลับขอบฟ้าไป คนที่อาลัยอาวรณ์อยู่ไกลสุดขอบฟ้า ช่างแสนเจ็บปวด”
“พ่อหนุ่ม นี่เป็นคำนายเซียมซี พ่อหนุ่มกับเด็กผู้หญิง ได้พบกันแต่ไม่มีวาสนาต่อกัน”
“ทำใจเสียเถิดพ่อหนุ่ม หาคนอื่นเถอะ”
หลังจากที่พระพูดจบ คุณท่านก็รีบร้อนขึ้นมาก่อน หยิบไม้เซียมซีเพื่อดูอักษรที่อยู่บนนั้นอย่างละเอียด
ไม่ใช่คำที่ดีจริงๆ……
“ไร้สาระ!” หลังจากที่เทาเท่เงียบอยู่นานเขาโกรธและลุกขึ้นยืน หันตัวออกไปอย่างไม่เกรงใจ
เซียมซีเสี่ยงทายบ้าอะไร เขาให้รู้สึกเสียใจที่มากับคุณท่านที่นี่
ดวงชะตาของเขาตัวเขาเองเป็นคนกำหนด โชคชะตาของเขากับหลินจือเขาก็เป็นคนกำหนดเอง
“นี่ๆ ไอ้หลานบ้า!” คุณท่านด่าตามหลังเขา “ทำไมไม่มีมารยาทอย่างนี้ล่ะ!”
เทาเท่คร้านที่จะสนใจ ก้าวขายาวเดินออกจากประตู
วัดบ้าอะไร!
วันหลังเขาจะไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลย!
คุณปู่เดินตามหลังออกมาแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “แกหงุดหงิดอะไรนักหนา?”
“เซียมซีแกก็เป็นคนจับเอง ท่านเจ้าอาวาสแค่ช่วยอ่านคำเสี่ยงทายให้เท่านั้น แกโกรธอะไร?”
“จะว่าไปเรื่องของความรู้สึกก็ต้องให้ความสำคัญกับพรหมลิขิตอยู่แล้ว พรหมลิขิตดีๆแต่แกพลาดเอง ตอนนี้รับไม่ได้ขึ้นมามันจะมีประโยชน์อะไร?”
เดิมทีเทาเท่อารมณ์ไม่ดีอยู่แล้ว คำพูดของคุณท่านไปสะกิดต่อมในใจของเขา เขาเลยพูดขึ้นว่า “ผมจะกลับแล้วนะ คุณปู่จะลงเขาไหม?”
คุณท่านพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แกไสหัวไปเถอะ ฉันจะเล่นหมากรุกกับเจ้าอาวาสสักหน่อย”
เทาเท่ก็เข้าไปนั่งในรถไม่หันกลับมามอง ให้คนขับรถพาเขาส่งลงเขา
เพราะคำทำนายของเมื่อเช้า อารมณ์ของเทาเท่เลยไม่ดีทั้งวัน
หลังจากที่เข้าบริษัทแล้ว จอนห์กับควีนต่างก็ไม่กล้าสักถามอะไรเขา คนทั้งสองเห็นข่าวที่หลินจือกับเจเทาวน์คบกันแล้ว แม้ว่าคนทั้งสองจะตกใจ แต่ก็ทำได้แค่ยอมรับมัน
ควีนยังตั้งใจโทรหาหลินจือเพื่อถามไถ่ หลินจือก็ยอมรับว่าคบกันจริง
ควีนก็ให้รู้สึกเสียใจไปด้วย ในฐานะที่เป็นคนสนิทของเทาเท่ เธอก็หวังให้หลินจือกับเทาเท่กลับมาเป็นเหมือนเดิม
แต่ว่าเรื่องของความรักก็ทำได้แค่เคารพการตัดสินใจของเจ้าของเรื่องไม่ใช่หรอ?
หัวข้อแฟนสาวลึกลับของเจเทาวน์ยังคงคลุกกรุ่น ช่วงสายเจเทาวน์ไปแถลงข่าวที่บริษัทว่า “ไม่กี่วันมานี้แม่ของเขาไม่สบาย ขอให้เป็นเวลาส่วนตัว งดรบกวน ขอบคุณครับ”
ไม่ได้ปฏิเสธถึงแฟนสาวลึกลับนั้นก็เท่ากับยอมรับโดยนัยแล้ว
หลินจือพักอยู่บ้านเกิดของเจเทาวน์สามวัน หลังจากที่คุณแม่เจนีออกจากโรงพยาบาลเธอก็กลับมา
ข้อหนึ่งเจเทาวน์บอกว่าไม่จำเป็นให้เธออยู่ที่นั่นตลอด แม่เขารู้ว่าเขามีคู่ครองก็พอแล้ว
ข้อสองหลินจือต้องกลับมาเข้าร่วมงานแจกลายเซ็น เธอชอบจอร์แดนนักเขียนและผู้ประพันธ์บทละครในเวลาเดียวกัน ที่เมืองเจสเวิร์ดมีงานแถลงหนังสือ ก่อนหน้านี้นานิส่งบัตรให้ เธอดีใจสุดๆ
หลินจือชอบหนังสือของจอร์แดนตั้งแต่มหาลัย ตอนนั้นนิยายทั้งหมดที่เป็นของจอร์แดนในห้องสมุดได้ถูกเธออ่านจนหมด เพราะนิยายของจอร์แดนโดยรวมแล้วทุกเรื่องได้นำไปสู่การประพันธ์เป็นบทละครโทรทัศน์ เธอดูจบแล้วก็ตามไปดูละครอีก เป็นแฟนคลับตัวยงจริงๆ
หลินจือไม่เพียงแต่ชอบหนังสือของจอร์แดน ยังชอบตัวบุคคลอีกด้วย ทั้งๆที่มีความสามารถเหลือล้นแต่กลับชอบทำตัวเงียบๆเป็นที่สุด
หลินจือเฝ้ารองานแถลงหนังสือครั้งนี้เป็นเพราะเล่มนี้เป็นผลงานประพันธ์เล่มใหม่ของจอร์แดนหลังจากที่เขาห่างหายไปนานและกลับมาเขียนใหม่
ใช่แล้ว สี่ปีที่ผ่านมานี้จอร์แดนไม่ได้ออกหนังสือเล่มใหม่ เขาค่อยๆหายสาบสูญจากสายตาผู้คนไป
ตามที่นานิได้สอบถามข่าวคราวมาจากคนวงในก็ได้ความว่าภรรยาของจอร์แดนป่วย หลายปีมานี้เขาอยู่ดูแลรักษาภรรยามาตลอด
จอร์แดนแต่งงานกับภรรยามาหลายสิบปี ไม่มีลูกชายไม่มีลูกสาว แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคเพราะความสัมพันธ์ของคนทั้งสองยังคงดีเหมือนเก่า
หลังจากที่หลินจือรู้ว่าเพราะเรื่องนี้เองทำให้จอร์แดนห่างหายไป ก็ให้ศรัทธาในตัวจอร์แดนมากยิ่งขึ้น
ผู้ชายคนนึงที่สามารถทิ้งทุกอย่างเพื่อมาอยู่เคียงข้างดูแลภรรยาตอนที่เจออุปสรรค นั่นเป็นความรักที่ดีที่สุดเลยนะ
หลินจือออกจากบ้านก่อนหนึ่งคืน เธอกับเจเทาวน์กลับมาด้วยกันที่บ้านเขา เธอลงครัวทำอาหารอร่อยๆด้วยตัวเอง
แม่ของเจเทาวน์จับมือเธออย่างซาบซึ้งพร้อมพูดชมว่า “บนโลกทำไมถึงมีเด็กหญิงที่ดีแบบนี้ล่ะ? หน้าตาก็สวย นิสัยก็ดี ยังทำอาหารเป็นอีกด้วย”
“ชีวิตของเจเทาวน์ได้พบกับหนู เป็นความโชคดีของเขาจริงๆ!”
หลินจือถูกคุณแม่เจนีชมก็ให้รู้สึกเขินขึ้นมา เจเทาวน์ที่อยู่อีกข้างก็พูดรับต่อว่า “แม่ ยังลืมไปอีกนิดนะครับ ความสามารถด้านประพันธ์ของหลินจือยังเหลือนล้นด้วยนะครับ”
คุณแม่เจนีพูดอย่างหงุดหงิด “ดูสมองของแม่สิลืมจุดสำคัญตรงนี้ไปได้ไง หนูเป็นผู้เขียนบทด้วยนิจ้ะ”
“ได้ยินเจเทาวน์พูดว่าบทละครที่หนูเขียนน่าดูมากๆ แม่จะต้องตามดูละครของหนูแน่นอนจ้ะ”
ในใจของหลินจือจะหาความอบอุ่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เติบโตมาในครอบครัวแบบนี้ ไม่น่าล่ะนิสัยของเจเทาวน์ถึงอบอุ่นและเป็นกันเองแบบนี้