บทที่ 119 ครั้งแรกที่ใจว้าวุ่น

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

ชั้นบนสุดของฟอเรนากรุ๊ป

ก่อนที่จะเลิกงานควีนไปห้องทำงานของเทาเท่ เพื่อพูดคุยงานของวันพรุ่งนี้กับเขาอีกรอบ

“พรุ่งนี้สิบโมงเช้าชั้นหนึ่งของร้านหนังซือเทาน์นิส เป็นงานเซ็นหนังสือของอาจารย์จอร์แดน เวลาที่นัดกันกับเขาคือเก้าโมงครึ่งนะคะ”

“ก็คือคุณจะมีเวลาพูดคุยกับเขาครึ่งชั่วโมงค่ะ”

นิยายของจอร์แดนได้รับการยอมรับมาก ก่อนหน้านี้ที่เปลี่ยนเป็นบทละครโทรทัศน์ก็ดังทุกเรื่อง

ครั้งนี้เป็นหนังสือเล่มใหม่เป็นนิยายเล่มแรกหลังจากที่กลับมา เทาเท่วางแผนที่จะซื้อลิขสิทธิ์มาเพื่อเผยแพร่ต่อ และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ราคาที่เขาเสนอให้กับจอร์แดนก็สูงด้วย

เทาเท่พยักหน้ารับบ่งบอกว่ารับรู้งานนี้ ควีนก็พูดอีกว่า “เออ แต่ก่อนหลินจือเคยบอกว่าเธอนั้นชอบหนังสือของอาจารย์จอร์แดนมาก นานิให้บัตรเข้างานกับเธอ พรุ่งนี้เธอจะต้องไปแน่นอน”

เทาเท่ตะลึงไปชั่วครู่แล้วขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “เธอชอบหนังสือของจอร์แดนหรอ?”

เขาไม่เคยรู้เลยว่าเธอจะมีความชอบด้านนี้ด้วย แต่ในภาพจำดูเหมือนว่าเธอจะชอบอ่านหนังสือมาก

ปกติถ้าไม่ได้ทำอะไรเธอก็จะหอบหนังสืออ่าน บางทีก็นั่งอ่านบนโซฟา บางทีก็นอนอ่านอยู่บนเก้าอี้ที่ระเบียง บางทีก็อ่านที่หน้าหน้าต่างที่มีแสงอาทิตย์อบอุ่นของห้องอ่านหนังสือ

ควีนพูดรับขึ้นมาว่า “ใช่น่ะสิคะ หลินจือยังบอกอีกว่า แต่ไหนแต่ไรมาอาจารย์จอร์แดนเป็นไอดอลและบุคคลต้นแบบของเธอ เธอหวังว่าจะมีสักวันที่จะกลายเป็นนักเขียนที่มีชื่อเสียงและผู้ประพันธ์บทที่ประสบความสำเร็จเหมือนอาจารย์จอร์แดนค่ะ”

เทาเท่ “……”

เธอนี่ก็แปลกดีนะ เด็กผู้หญิงคนอื่นบ้าดาราติดตามพวกดาราผู้ชาย เธอติดตามชายวัยกลางคนอย่างจอร์แดน

ดีที่จอร์แดนมีครอบครัวแล้ว ไม่งั้นเขามีภาพจำที่ไม่ดีต่อจอร์แดนแน่ๆ

เขาก้มหน้าลงแล้วถามอย่างไม่สนใจ “เธอกลับมาแล้วหรอ?”

“ค่ะ” ควีนตอบ “ดูเหมือนว่าจะเป็นไฟล์ทคืนนี้”

เทาเท่ตอบรับแต่ไม่ได้พูดอะไร ควีนพูดขึ้นอีกว่า “ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกัน เธอคงไม่ต้องใช้เวลาอยู่ที่นั้นทุกเวลา”

คำว่าแต่งงานสองคำนี้ทำให้เทาเท่เกิดอาการหวิวขึ้นมา

และในเวลานั้นเอง ควีนพูดขึ้นด้วยความตื่นตระหนกว่า “ท่านประธานเทาเท่คะ ท่านว่าพวกเขาจะรีบเอาทะเบียนสมรสกันเพื่อให้แม่ของท่านประธานเจเทาวน์จากไปโดยไม่มีอะไรต้องห่วงหรือเปล่าคะ”

ควีนไม่รู้เลยว่าตอนนี้หลินจือกับเจเทาวน์แกล้งเป็นคู่รักกัน จุดประสงค์ก็เพื่อให้คุณแม่เจนีจากไปโดยไม่มีอะไรให้เป็นห่วง

เธอคิดว่าหลินจือหวั่นไหวต่อเจเทาวน์แล้วจริงๆ ก็เลยคบกันจริงจังกับเจเทาวน์

แล้วก็เลยคิดไปถึงฉากน้ำเน่าที่ฉายขึ้นบ่อยๆ ควีนไม่มีทางที่จะไม่เกิดความกังวลใจอย่างนี้

และคำพูดของควีนก็ไปสะกิดใจเทาเท่อย่างแรง สามสิบสองปีที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่ว้าวุ่นใจ

จิตใจว้าวุ่นมาทันที หัวใจเต้นเร็ว ขนาดปากกาเซ็นที่อยู่ในมือก็สั่นตามเล็กน้อย

ความเป็นไปได้ที่ควีนพูดนั้นไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้

ยกตัวอย่างเช่นตอนนั้นเขาแต่งงานกับหลินจือก็เพราะว่าคุณท่านป่วย!

ตอนนั้นคุณท่านต้องทำการผ่าตัดครั้งใหญ่ หมอบอกว่าอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีก ให้ทางบ้านเตรียมใจให้ดี

แล้วคุณท่านก็เอ่ยให้เขารีบแต่งงานในตอนนั้น ตอนนั้นถึงแม้ว่าเขากำลังคบกับซูซีอยู่ แต่ในใจก็ไม่ได้มีความคิดที่จะแต่งงานมากเท่าไหร่

แต่คุณท่านบอกว่าก่อนจะผ่าตัดอยากเห็นเขาลงหลักปักฐาน ถ้าเกิดการผ่าตัดไม่สำเร็จ เขาก็ไม่มีอะไรต้องห่วง

เพราะเหตุนี้ เขาเลยยอมไปหาซูซีเพื่อบอกเรื่องแต่งงาน

ใครจะคิดว่าซูซีกลับร้องไห้แล้วพูดว่าไม่อยากรีบแต่งงานเร็ว แล้วยังบอกว่าเธออยากโลดแล่นในวงการบันเทิง ถ้าแต่งงานไปแล้ว ก็คงไม่มีใครยอมจ้างเธอ

ซูซีบอกว่าเธอไม่อยากเป็นผู้หญิงที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่อยากที่จะพึ่งพ่อของเธอและเขาไปตลอดชีวิต

ซูซีปฏิเสธการแต่งงาน คนทั้งสองเลิกกัน

หลังจากนั้นเขาก็ถูกชาร์ลีผู้เป็นพ่อของหลินจือวางแผน พวกเขาเอาหลินจือไปนอนกับเขา

ถึงขนาดว่าวันที่สองพวกเขายังพาหลินจือไปพบคุณท่านที่โรงพยาบาล ในเวลานั้นคุณท่านก็ตัดสินใจให้เขาแต่งงานกับหลินจือทันที

แน่นอนว่าตอนแรกเขาไม่ยอม เลยโต้เถียงกับคุณท่าน

คุณท่านบอกว่าท่านดูคนไม่ผิด หลินจือจะเป็นภรรยาที่ดี

ตอนนี้ละครรักที่เหมือนกันเป๊ะในเริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่พระเอกของเรื่องกลับไม่ใช่เขาแล้ว

ได้ยินมาว่าหลินจือกับเจเทาวน์คบกัน แม้ว่าเขาจะไม่สบายใจเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยมากขนาดนั้น

ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าหลินจือกับเจเทาวน์จะคบกันไม่ได้นาน

แต่ถ้าเกิดพวกเขาแต่งงานกันล่ะ เขาก็คงไม่มีโอกาสแล้วน่ะสิ…

ควีนเห็นสีหน้าของบอสตัวเองก็ให้รีบพูดขึ้นว่า “ฉันก็พูดมั่วไปเรื่อยเท่านั้นเองค่ะ”

เทาเท่ทำงานต่อไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา “ไม่มีอะไรแล้ว ก็เลิกงานเถอะ”

ควีนพยักหน้าแล้วเดินออกไปอย่างเงียบๆ ตอนที่เดินผ่านแผนกผู้ช่วยประธานด้านนอก หนึ่งในเพื่อนร่วมงานหญิงคนนึงก็มาขวางเธอไว้

เพื่อนร่วมงานหญิงคนนั้นดึงควีนถามเสียงเบาว่า “ผู้ช่วยควีนค่ะ อารมณ์ของบอสพวกเราดีขึ้นหรือยังคะ?”

แม้ว่าควีนและจอห์นจะเป็นผู้ช่วยที่มีความสามารถของเทาเท่ แต่เนื่องด้วยฟอเรนากรุ๊ปมีขนาดใหญ่ ดังนั้นคนทั้งสองยังมีแผนกผู้ช่วยประธานอีกนับสิบ

ตอนนี้เพื่อนร่วมงานหญิงคนนี้ดึงควีนแล้วถามคำถามนี้ แผนกผู้ช่วยประธานคนอื่นๆสายตาก็มาอยู่ที่ควีน

ควีนรู้สึกจนใจดูเหมือนว่าวันนี้ทั้งวัน ทุกคนสัมผัสได้ถึงอารมณ์ร้ายของเทาเท่ อีกทั้งอารมณ์นี้ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างหนัก

แต่แม้ว่าจะจนใจ เธอก็ทำได้แค่เลือกที่จะพูดความจริง “ฉันขอโทษที่ต้องพูดว่าต่อไปนี้วันที่เศร้าๆของพวกเรายังมีต่อไปเรื่อยๆ”

แผนกผู้ช่วยประธานร้องโห่ขึ้น

เพื่อนร่วมงานหญิงคนนั้นดึงแล้วพูดขึ้นอย่างเสียใจว่า “ผู้ช่วยควีน วันนี้ตอนที่ฉันเข้าประชุมปริ้นเอกสารขาดไปฉบับนึง ท่านประธานเทาเท่กลับบอกว่าให้ฉันเขียนออกมาด้วยลายมือ!”

เพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆร้องทุกข์ว่า “ผมแค่หาวเฉยๆ ท่านประธานเทาเท่เดินผ่านมาเห็น เขาบอกผมว่าผมเป็นแบบนี้เพราะขาดการออกกำลังกาย แล้วพาผมไปห้องฟิตเนสของบริษัทแล้วออกกำลังกายโหดมาก จนตอนนี้กล้ามเนื้อขาของผมสั่นไปหมดแล้วครับเนี่ย”

แล้วก็มีเพื่อนร่วมงานชายอีกคนนึงพูดว่า “ช่วงพักเที่ยงผมคุยกับแฟนผ่านโทรศัพท์อยู่ที่เคาน์เตอร์บนดาดฟ้าชั้นบนสุดของตึก ทันใดนั้นก็ให้เย็บวูบวาบขึ้นมาด้านหลัง พอผมหันกลับไปดูก็เห็นใบหน้านิ่งของท่านประเทาเท่จ้องมองผม”

“ผมคิดว่าผมมีแฟนก็ไม่ได้ผิดกฎอะไรหรือเปล่า? บริษัทก็ไม่ได้ห้ามให้มีแฟน อีกอย่างผมก็คุยโทรศัพท์ตอนพักกลางวัน ไม่ได้ใช้เวลางานคุย”

ควีนยิ้มขึ้น ในใจพูดว่าเขากับแฟนหวานกันขนาดนั้น ก็ไปกระตุ้นอารมณ์ของบอสพวกเขาน่ะสิ

เพื่อนร่วมหญิงคนนั้นฝากความหวังไว้ที่ควีน “ดูสิคะ ดูสิคะ ผู้ช่วยควีน แผนกผู้ช่วยประธานของพวกเราตอนนี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว คุณกับผู้ช่วยจอห์นรีบคิดวิธีปลอบท่านประธานเทาเท่นะคะ บอสมีความสุข พวกเราถึงจะใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขไม่ใช่หรอคะ?”

ควีนใช้มือคลึงที่หน้าผากพูดอย่างถอนหายใจว่า “ครั้งนี้ฉันกับจอห์นคงปลอบกันไม่ได้จริงๆ”

ถ้าเทาเท่ไม่แฮปปี้เรื่องงาน เธอกับจอห์นเข้าโอทีติดต่อกันหลายคืนเพื่อที่จะทำแผนงานที่สมบูรณ์แบบให้กับเทาเท่ได้ แต่ตอนนี้เทาเท่เป็นทุกข์เพราะเรื่องความรัก พวกเขาสุดวิสัยที่จะช่วยจริงๆ