แดนนิรมิตเทพ บทที่ 475
ทุกคนสีหน้าแปลกใจ การต่อสู้ยังไม่เริ่มต้น มาถึงก็ตั้งท่าป้องกันไว้ก่อนเลย เห็นได้ชัดว่าลุงสุ่ยไม่มีความมั่นใจเลยสักนิด

ชั่วขณะนั้น ทุกคนต่างก็ไม่มั่นใจในตัวลุงสุ่ย

ถ้าหากลุงสุ่ยแพ้ ตระกูลมู่หรงก็ไม่มียอดฝีมือคนอื่นอีก อย่างนั้นตระกูลมู่หรงก็จบสิ้นจริงๆแล้ว

บางคนเริ่มคิดในใจว่าจะตัดสัมพันธ์กับตระกูลมู่หรงในตอนนี้เลยหรือไม่

มู่หรงเค่อมองลุงสุ่ย ดวงตาแดงก่ำ ตอนนั้นมู่หรงชิงหลงพ่อของเขาช่วยชีวิตลุงสุ่ยไว้ แล้วลุงสุ่ยก็ปกป้องตระกูลมู่หรงของเขามาหลายสิบปี วันนี้ทั้งที่รู้ว่าแพ้แน่นอน แต่ก็ไม่ลังเลที่จะประลองกับศัตรู เพื่อยื้อเวลาให้เขาได้หนี

มู่หรงยานเอ๋อร์มองมู่หรงเค่อ สีหน้ากังวล “พ่อคะ ลุงสุ่ยจะเป็นอันตรายมั้ยคะ?”

มู่หรงเค่อยิ้มไม่สู้ดีนัก “วางใจได้ ลุงสุ่ยไม่เป็นอะไรหรอก ลูกต้องมั่นใจในตัวลุงสุ่ย!”

“ค่ะ” มู่หรงยานเอ๋อร์พยักหน้า สายตามองผ่านผู้คน จ้องไปที่เฉินโม่ที่ยังนั่งเงียบอยู่เหมือนเดิม เมื่อมองเห็นร่างกายที่ค่อนข้างผอมนั้นแล้ว ในใจของมู่หรงยานเอ๋อร์ก็รู้สึกสบายใจอย่างมาก

“มีเขาอยู่ ไม่ว่าปัญหาอะไรก็ไม่น่ากลัว”

สายตาของมู่หรงเค่อ มองแผ่นหลังที่ค่อนข้างโค้งงอของลุงสุ่ย คิดในใจว่า “วางใจนะครับลุงสุ่ย ในช่วงวิกฤติอันตรายคุณไม่ทิ้งตระกูลมู่หรงของผม ตระกูลมู่หรงของผมก็ไม่มีทางทำผิดต่อคุณ!”

มู่หรงเค่อแอบเรียกชายหนุ่มคนหนึ่งของตระกูลมู่หรงมา แล้วออกคำสั่งที่ข้างหูเขาเสียงเบา ชายหนุ่มคนนั้นพยักหน้า ตอบรับแล้วจากไป

เหรินเทียนหยู่มองลุงสุ่ย ใบหน้าที่หล่อเหลาค่อยๆดึร้ายขึ้น ความโกรธแค้นที่ฝังลึกในกระดูกค่อยๆหลอมรวมขึ้น เหมือนดั่งภูเขาไฟลูกหนึ่งที่หล่อหลอมมานาน และกำลังจะปะทุระเบิดออกมาในเวลานี้

เหรินเทียนหยู่น้ำเสียงทุ้มต่ำ เหมือนดั่งสัตว์ร้ายที่ถูกกดทับไว้ “ฉันจำนายได้ ตอนนั้นที่ทำลายล้างสมาคมซานเหอของฉัน และฆ่าครอบครัวของฉัน หนึ่งในนั้นมีนายรวมอยู่ด้วยใช่มั้ยละ!”

“ตอนนั้นทั้งๆที่พวกเราล้อมตระกูลมู่หรงไว้แล้ว แต่นายปรากฏตัวมากะทันหัน ฆ่ามือปืนเจ็ดแปดคนของสมาคมซานเหอ แล้วถึงได้ทำให้ตระกูลมู่หรงพลิกผันจากแพ้เป็นชนะ”

“นาย เป็นคนทำให้สมาคมซานเหอถูกทำลาย ทำให้ครอบครัวของฉันทั้งสิบคน ถูกทำร้ายจากตระกูลมู่หรง”

“สิบกว่าปีแล้ว ฉันสะดุ้งตื่นจากความฝันอยู่เสมอ คิดอยากจะฆ่าพวกนายทิ้งให้หมด แก้แค้นให้กับครอบครัวนับสิบชีวิตของฉัน!”

“นายรู้ไหม ฉันกลัวนายจะแก่ตายไปซะแล้วจริงๆ อย่างนั้นฉันก็ไม่สามารถตัดหัวแกได้ด้วยน้ำมือตัวเอง ไม่คิดเลยว่าแกยังมีชีวิตอยู่ ดีจริงๆ!”

ลุงสุ่ยสีหน้านิ่งเฉย ยิ้มเยาะออกมา “เลิกพูดไร้สาระ ลงมือซะสิ! อยากจะฆ่าฉัน ก็ต้องดูว่าแกมีความสามารถนั้นหรือเปล่า!”

“อย่าใจร้อน พวกนายหนีไม่พ้นสักคนหรอก ฉันจะค่อยๆฆ่าพวกนายทิ้ง แต่ก่อนจะฆ่าพวกนายทิ้ง ฉันจะทำให้พวกนายได้รู้สึกหวาดกลัวถึงการที่ความตายค่อยๆใกล้เข้ามา”

เหรินเทียนหยู่ยิ้มชั่วร้าย ปรากฏฟันขาวให้เห็น ในดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด

“สิบกว่าปีมานี้ ฉันฝึกฝนจากอาจารย์อย่างขยันขันแข็ง เปลี่ยนความเศร้าเป็นแรงผลักดัน ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ที่จริงแล้วพวกนี้ล้วนเป็นเพราะพวกนายทั้งนั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะพวกนายฉันคงไม่ได้เจอกับอาจารย์ และก็คงไม่ได้สัมผัสกับอีกโลกหนึ่ง!”

“พูดให้ถูกต้องก็คือ ฉันควรจะขอบคุณพวกนาย พวกนายเป็นคนทำให้ฉันได้เจอกับอาจารย์ และได้เข้าสู่โลกฝึกบู๊ที่น่าอัศจรรย์!”

คนของตระกูลมู่หรง สีหน้ายิ่งอยู่ยิ่งแย่ มีเด็กรุ่นหลังสองคนถึงขั้นตกใจกลัวจนตัวสั่น พวกเขาเกิดมาในยุคสมัยที่สงบสุข ตอนนั้นตระกูลมู่หรงได้เป็นใหญ่ในเขตเจียงหนานแล้ว ทุกที่ที่พวกเขาผ่าน ทุกคนล้วนเคารพให้เกียรติพวกเขา แล้วจะเคยเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?

ดอกไม้ที่ถูกเลี้ยงดูเติบโตมาจากในที่ร่มเช่นนี้ แม้เพียงแค่ลมหนาวเล็กน้อย ก็สามารถทำให้มันเหี่ยวแห้งลงได้