ภาค 3 บทที่ 149 บนเขามีโจร

Jun Jiu Ling หวนชะตารัก

เขาจั้นหวงซานต้นฤดูใบไม้ร่วงทิวทัศน์ยิ่งงดงาม 

 

แต่เจ้าฟันจอบไม่ชื่นชมอะไรกับทิวทัศน์ เขาเพียงมองหินภูเขาซ้อนเป็นชั้น ชะง่อนหินหน้าผาสูงชัน รวมถึงป่าบนเขาที่ไม่รู้ลึกเท่าไร 

 

“เขาจั้นหวงซานแห่งนี้…” เขาพูดสำเนียงท้องถิ่นจัด ตบท้องเอ่ยขึ้น “สามราชาห้าจักรพรรดิแต่งตั้ง นั่นย่อมเป็นสถานที่มงคลของเทพเซียน” 

 

หลังร่างบรรดาบุรุษสวมเสื้อผ้าหยาบเจ็ดแปดคน ที่เอวเหน็บขวานดาบใหญ่ได้ยินวาจาพยักหน้าทันที 

 

“สถานที่นี่ของพวกเราดีนัก หลายปีนี้พวกเราใช้ชีวิตสงบยิ่ง ตอนนั้นชาวจินกวาดดินแดนก็เข้ามาไม่ได้” พวกเขาเอ่ยเสียงดัง 

 

เจ้าฟันจอบพยักหน้าพึงพอใจ 

 

“ชีวิตสงบสุขเกินไป กิจการของพวกเราก็ดีไปด้วย” เขาเอ่ย มองไปทางตีนเขา “แต่ อันตรายก็ไม่ใช่ไม่มี คนเท่าไรจับจ้องมาดร้ายพวกเราอยู่” 

 

“คนเท่าไร ก็จะให้พวกเขามาไม่ได้กลับ” ผู้คนตะโกนพร้อมโบกสะบัดขวานในมือ 

 

นี่ก็คือความจริง ทุกคนมั่นใจยิ่งนัก คนเท่าไรมาแย่งอาณาเขตล้วนถูกฝังไว้ใต้ชะง่อนหินหน้าผาชันแห่งนี้ 

 

“ใช่แล้วใช่แล้ว ขอแค่ไม่ใช่ทหารหย่งหนิงมาก็พอ” มีคนพลันโพล่งออกมาหนึ่งประโยค 

 

คำพูดนี้ทำให้ผู้คนที่ครึกครื้นอยู่พลันชะงักนิ่ง 

 

ทหารหย่งหนิง นี่เป็นกองทหารที่ประจำการอยู่ในการปกครองของเมืองเจินติ้ง สังกัดใต้ธงของเฉิงกั๋วกง ครั้งก่อนแม้เมืองเจินติ้งถูกลอบจู่โจม พวกเขาถูกลงโทษแล้ว แต่ก็เป็นพวกเขาขับไล่โจรจินออกจากเขตแดน สังหารโจมตีหลายสิบคน 

 

“ตอนนี้ชีวิตไม่ค่อยสงบสุขเช่นนี้ ทหารหย่งหนิงไหนเลยจะมีเวลาว่างปานนั้น” เจ้าฟันจอบเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ 

 

นี่ก็เป็นความจริง ทหารแดนเหนือไม่ว่างปานนั้นเหมือนเช่นทหารฝั่งใต้ ช่วยทางการกวาดรังโจรจับโจรอะไรๆ พวกเขาแต่ละคนๆ ล้วนยุ่งอยู่กับการต่อต้านโจรจิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้กองทหารใหญ่ของชาวจินเริ่มเคลื่อนพลลงใต้แล้ว มองเห็นศึกใหญ่กำลังจะปะทุ 

 

ผู้คนรีบพยักหน้า เรียกเสียงคุยเล่นหัวเราะกลับมาอีกครั้ง 

 

เจ้าฟันจอบกลับยังรู้สึกหงุดหงิดอยู่พักหนึ่ง อยู่ดีๆ พูดถึงทหารหย่งหนิงขึ้นมาทำไม โชคร้ายจริงๆ 

 

หากโชคร้ายก็ต้องหาเรื่องขจัดโชคร้ายสักหน่อย 

 

“พักนี้ไม่ได้ตุนเสบียงเลย” เขาโบกมือทีหนึ่ง “วันพรุ่งนี้ลงเขาเก็บเสบียง”  

 

การลงเขาเก็บเสบียงที่ว่านี้ย่อมคือการปล้นชิงหมู่บ้านใกล้เคียง เงินอาหารผู้หญิงเอาหมดไม่เว้น 

 

นี่เป็นเรื่องที่ทุกคนชอบที่สุด ผู้ตามทั้งหลายสะบัดโบกดาบขวานร้องโอ้โอ้ทันที 

 

………………………………………. 

 

เสียงขวับขวับดังขึ้น ทหารสองนายสะบัดโบกกิ่งไม้วาดเส้นจุดบนพื้น 

 

“เขาจั้นหวงซานป้องกันง่ายโจมตียาก” พวกเขาเอ่ย “เจ้าฟันจอบกองโจรกลุ่มนี้มีราวเจ็ดแปดสิบคน ยึดครองมานานปี เจ้าเล่ห์แสนกล ค่ายของพวกเขาก็อยู่บนยอดเขาด้านนี้  

 

กิ่งไม้ชี้ที่หนึ่ง 

 

“ที่นี่มีด่าน ที่นี่ก็มีด่าน ด่านที่สำคัญที่สุดอยู่ตรงนี้” 

 

แม่ทัพรวมถึงผู้ช่วยทั้งหลายที่ล้อมอยู่รอบด้านมองอย่างตั้งใจ เหลยจงเหลียนกับจินสือปาก็อยู่ในนั้นด้วย แต่เทียบกับความจริงจังของแม่ทัพทั้งหลาย พวกเขาสีหน้านิ่งสงบยิ่งนัก สายตามองอีกฝ่ายเสียมากกว่า 

 

ในเมื่อจินสือปาไม่ไป คุณหนูจวินย่อมต้องยังอยู่ใกล้ๆ นี่แน่ คนของเต๋อเซิ่งชางจับตาถนนสายต่างๆ ไว้แล้ว ดูซิเจ้าจะเสแสร้งได้นานเท่าไร เหลยจงเหลียนคิด 

 

แน่นอน ความคิดของจินสือปาก็เป็นเช่นนนี้ องครักษ์เสื้อแพรของมณฑลเหอเป่ยซีแห่งนี้จับตาดูถนนทุกหนทุกแห่งอยู่เหมือนกัน อย่าคิดว่าจับตาข้าไว้ พวกเจ้าก็ไร้กังวลแล้ว 

 

“โจมตีเขาจั้นหวงซานตอนกลางคืน!” 

 

ข้างหูเสียงดังมา พร้อมกับเสียงปรบมือดังป้าบ 

 

เหลยจงเหลียนกับจินสือปาได้สติกลับมา มองไปทางแม่ทัพ แล้วก็มองไปยังแผนที่บนพื้น 

 

แม้ที่วาดไว้หยาบอยู่มาก แต่ก็มองออกว่าที่ตั้งค่ายนี้สามด้านล้วนเป็นหน้าผาชัน เดินลัดปีนป่ายยากนัก ส่วนทางเดียวที่เหลืออยู่ต้องวางเวรยามไว้ทั่วแน่ เมื่อลงมือปุบ หินภูเขาน้ำมันไฟเทร่วงลงมาก็ไร้ทางหนี 

 

กลางวันก็ยากมากแล้ว ยังจะโจมตีตอนกลางคืน? 

 

จริงหรือหลอก? กองโจรบนภูเขาถึงเวลาก็จะร่วมมือเล่นละครด้วยหรือ? นี่จะให้ทั้งมณฑลเหอเป่ยซีร่วมเล่นละครด้วยหรือ? 

 

ตระกูลฟาง ขวัญกล้าเทียมฟ้าจริงๆ! จินสือปาขมวดคิ้ว 

 

องครักษ์เสื้อแพร ไม่สนกฎไม่สนสวรรค์จริงๆ! เหลยจงเหลียนในใจชิงชัง 

 

แม่ทัพมองเห็นสีหน้าของพวกเขา ยิงฟันยิ้ม 

 

กลัวแล้วหรือ? เพื่อคุณหนูจวิน พวกเขาสิ่งใดล้วนกล้าทำ 

 

“กระทั่งกระบวนทัพกำแพงเหล็กของโจรจิน ข้ายังฝ่าได้ โจรภูเขาไม่กี่คนนับเป็นอะไร คืนนี้จะให้พวกเจ้าได้เห็นความร้ายกาจของพวกเราเสียบ้าง” เขาว่า 

 

จินสือปากับเหลยจงเหลียนขมวดคิ้วน้อยๆ อย่างไรก็รู้สึกว่าคำพูดนี้แล้วยังมีสีหน้าดุร้ายนี่อีกตั้งใจทำให้พวกเขาฟังกับดู 

 

ข่มขู่ใครมิทราบ พวกเขาคิด ยิ้มบางๆ 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ลำบากแม่ทัพเผิงแล้ว” พวกเขาต่างปากเอ่ยเป็นเสียงเดียว 

 

ราคตรีปกคลุมฟ้าดิน เขาจั้นหวงซานยิ่งประหนึ่งสิ่งใหญ่โตมโหฬารตั้งอยู่ 

 

ส่วนค่ายที่อยู่บนยอดเขาแสงโคมสว่างไสว ด้านในเสียงหัวเราะเสียงร้องประหลาดลอยออกมา รวมถึงเสียงกรีดร้องเสียงร่ำไห้ของสตรี 

 

นี่คือประเพณีของค่ายภูเขาของเจ้าฟันจอบ ทุกครั้งก่อนหน้าลงเขาปล้นชิง ต้องทำตามอำเภอใจสำราญสุดเหวี่ยง ดื่มสุราชมนารี 

 

เจ้าฟันจอบยืนอยู่ในโถง มือหนึ่งยกจอกสุรา มีหนึ่งคว้าจับสตรีร่างเปล่าเปลือยคนหนึ่ง ใบหน้าแดงก่ำทั้งดวง เห็นชัดว่าดื่มไปไม่น้อยแล้ว 

 

“เห็นหรือยัง นี่ก็คือชีวิตที่พวกเราเสวยสุข! ดื่มสุราคำโตกินเนื้อคำใหญ่ ผู้หญิงไม่ขาด” เขาหัวเราะเสียงดังเอ่ย “ขอแค่ติดตามทำงานให้ข้าเจ้าฟันจอบ ชีวิตเช่นนี้จะไม่มีที่สิ้นสุด!” 

 

ในโถงใหญ่เสียงร้องดีพักหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกันนั้นเสียงกรีดร้องของพวกผู้หญิงก็ดังขึ้นตามไปด้วย 

 

การเสวยสุขเช่นนี้เป็นเหยื่อล่อ แต่อีกด้านหนึ่งก็คือการเสริมความกล้า สุรานารีปลุกความกล้าของคน ทำให้พรุ่งนี้พวกเขาเผาฆ่าปล้นชิงได้ราบรื่น 

 

เจ้าฟันจอบมองโถงใหญ่ที่เข้าสู่การสำเริงสำราญรอบใหม่ก็ดื่มสุราในจอกเหล้าคำเดียวหมด กดผู้หญิงในมือลงกับพื้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของสตรี จอกเหล้าแตกกระจาย 

 

เวลานี้เองประตูใหญ่ที่ปิดสนิทก็กระแทกเปิดดังปัง บุรุษสองคนล้มเข้ามา 

 

พวกเขาล้มลงกับพื้น พร้อมกับที่ร่วงถึงพื้น ศีรษะสองหัวก็กลิ้งหลุนหลุนลงมา 

 

โจรภูเขาคนหนึ่งที่เพิ่งกดผู้หญิงลงพื้นมองศีรษะที่กลิ้งเข้ามา ส่งเสียงกรีดร้องประหนึ่งสตรี 

 

จากนั้นทหารกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าพลันยกดาบหอกศรหน้าไม้ยืนอยู่ตรงปากประตู 

 

แม่ทัพที่นำหน้ากวาดมองในโถง สะบัดดาบในมือ 

 

“สังหาร!” เขาตวาดเสียงดุดัน 

 

บรรดาทหารดั่งหมาป่าดั่งพยัคฆ์โถมเข้ามา เสียงกรีดร้องดังไม่ขาด โจรภูเขาร่างกายเปล่าเปลือยข้างกายมีเพียงผู้หญิงกับจอกเหล้าเคียงข้างประหนึ่งแกะรอเชือด 

 

ในเวลาเดียวกันนี้ในค่ายภูเขาทั้งหมดนอกโถงใหญ่ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นเช่นกัน แสงไฟลุกโชนทุกหนทุกแห่ง 

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน? 

 

ทหารทั้งหลายเหล่านี้มาได้ยังไง? 

 

พวกเขาเข้ามาได้อย่างไร? สัญญาณเตือนสักนิดก็ไม่มีได้อย่างไร? 

 

นี่ก็คือความแตกต่างของทหารหย่งหนิงกับโจรภูเขากองโจรอาชาอื่นหรือ? 

 

นี่ก็คือตอนบ่ายที่เพิ่งพูดไปว่าหากทหารหย่งหนิงมาเล่า? 

 

ร่างกายเปล่าเปลือยของเจ้าฟันจอบคลานสะเปะสะปะ แต่จะหนีรอดได้อย่างไร หนึ่งดาบฟันลงบนหลังเขา เจ้าฟันจอบกรีดร้องทีหนึ่งหมอบคว่ำ จากนั้นก็ถูกคนหิ้วขึ้นมา โยนไปตรงหน้าแม่ทัพคนหนึ่ง 

 

“เจ้าฟันจอบ เจ้าควรตื่นจากฝันหวานได้แล้ว” แม่ทัพคนนั้นเอ่ยเย็นชา 

 

นี่ฝันไปจริงๆ นะ เจ้าฟันจอบมองทหารเหล่านี้ แล้วมองพรรคพวกที่บาดเจ็บล้มตายเกลื่อนพื้น ทำไมอยู่ดีๆกลายเป็นเช่นนี้ได้? 

 

ดาบเล่มหนึ่งทุบบนหน้าเขาอย่างแรง 

 

“เจ้าฟันจอบ เรื่องที่เจ้าทำรีบสารภาพมาซะ! ส่งคุณหนูจวินออกมาเสีย” 

 

ข้าทำเรื่องอะไรแล้ว ไม่ใช่แค่ขาดสิ่งใดก็ปล้นชิงหรือ นี่มีอะไรให้สารภาพ? 

 

อีกอย่าง คุณหนูจวินเป็นใคร? 

 

เจ้าฟันจอบถูกดาบทุบไปทีหนึ่งตามองเห็นดาวสองหูดังวิ้งๆ 

 

ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้น? นี่ที่แท้มันเรื่องอะไรกัน?