ทหารสอดแนมที่ปีนหน้าผาชันขึ้นมากวาดเวรยามบนเขาจั้นหวงซานเรียบแล้ว ทหารหย่งหนิงที่ตีนเขาจึงบดขยี้ดั่งฟ้าถล่ม
ไม่มีสัญญาณเตือนของเวรยาม แล้วยังเสียข้อได้เปรียบทางภูมิประเทศ โจรหลายสิบคนสำหรับทหารแล้วไม่ทานทนสักการโจมตี หลังชั่วครู่ทั้งค่ายภูเขาก็ถูกปราบราบคาบแล้ว
โจรภูเขาที่ตายลงถูกกองไว้ด้วยกัน คนที่รอดถูกไล่มานั่งยองบนพื้นราบ โถงใหญ่ที่เหมาะแก่การสำเริงสำราญถูกเผาวอดไปครึ่งหนึ่ง ส่องแถบนี้สว่าง
เสียงทึบดังปึกดังขึ้นทีหนึ่ง เจ้าฟันจอบที่ถูกแขวนอยู่ร้องโหยหวนทีหนึ่ง บนร่างเปล่าเปลือยปริแตกเห็นเลือดเนื้อประหนึ่งเปลวไฟลามเลีย
“รีบพูด!” แม่ทัพตวาดเอ่ย แส้ในมือยกขึ้นอีกครั้ง
เจ้าฟันจอบอยากตายไปเสียเดี๋ยวนี้ยิ่งนัก
“นายท่านเผิง ข้าพูดไปหมดแล้ว” เขาน้ำตาน้ำมูกไหลสี่สายเอ่ย “ก็ทำไปไม่กี่ครั้งนี้ พรุ่งนี้วางแผนจะไปทำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ยังไม่ไป..”
เสียงของเขายังเอ่ยไม่จบ แส้ในมือแม่ทัพก็หวดดังป้าบลงมาอีกครั้ง เจ้าฟันจอบร้องโหยหวนทีหนึ่งแทบหมดสติ
“แกล้งเลอะเลือนให้มันน้อยๆ หน่อย” แม่ทัพด่า
มีทหารรีบร้อนเข้ามาใกล้
“ใต้เท้า หาไม่พบ” เขาเอ่ย
เจ้าฟันจอบมึนๆ งงๆ ได้ยินประโยคนี้ จากนั้นแส้ก็หวดลงมาอีกหน เขาพลันเจ็บจนได้สติ
“อยู่ที่ไหน?” แม่ทัพตวาดเอ่ย
ทหารทั้งหลายเหล่านี้เบี้ยทหารมักจะไม่พอ วันนี้สถานการณ์ตึงเครียดอีก ดังนั้นจึงมาชิงเสบียงของเขาใช่หรือไม่?
ไม่เช่นนั้นก็ไม่มีหนทางอธิบายเรื่องที่พวกเขากินอิ่มว่างงานปล่อยชาวจินไม่จัดการ ค่ำคืนโจมตีค่ายภูเขาเล็กๆแห่งหนึ่งนี้ของเขาได้ แล้วยังเคลื่อนม้ากับทหารมากมายเช่นนี้อีก
“นายท่านเผิง” เจ้าฟันจอบร่ำไห้เอ่ย “เงินอาหารสุราแพรพรรณอาชาล้วนซ่อนอยู่เขาด้านหลัง ข้าก็มีแค่เท่านั้น ปีนี้เก็บเกี่ยวไม่ดี ปล้นของดีๆ มาไม่ได้…”
เสียงเขายังไม่ทันเอ่ยจบ แม่ทัพก็ยกมืออีกแส้หนึ่ง
“มารดามัน เลิกแกล้งโง่ได้แล้ว!” เขาเอ่ยด่า
เจ้าฟันจอบร่ำไห้โหยหวน
แม่ทัพหวดสองแส้ระบายอารมณ์ หมุนตัวมองเห็นเหลยจงเหลียนกับจินสือปาที่ยืนอยู่ด้านข้าง มองสีหน้าท่าทางเที่ยวภูเขาชมทิวทิศน์ของสองคนนี้ ยิ่งมีโทสะอีกครั้ง
ดวงตาของเขาหรี่ลงนิดๆ
“นายท่านเหลย กลางคืนนี่มืดภูเขาก็ใหญ่ พวกท่านไม่สู้ช่วยเหลือตามหาด้วยกันสักหน่อย” เขาเอ่ย
เหลยจงเหลียนมองจินสือปาทีหนึ่ง
“เอาสิ” เขาเอ่ย หมุนตัวก็ไป
นอกจากคนของเขา พวกจินสือปาย่อมตามมาด้วย เหมือนเช่นก่อนหน้านี้ พวกเขาจ้องกันและกันสักก้าวไม่ห่าง
มองเห็นพวกเขาออกไป แม่ทัพก็ยิ้มหยันทีหนึ่ง มองไปทางเจ้าฟันจอบอีกครั้ง
คบคิดหรอ?
ต่อให้พวกเจ้าคบคิดกันดั่งถังเหล็ก ข้าก็จะงัดปากเจ้าออกมา
“ปล่อยเขาลง” แม่ทัพตวาดเย็นชา
พวกทหารก้าวเข้าไปปล่อยเจ้าฟันจอบลงมาทันที เจ้าฟันจอบยังไม่ทันได้ยินดีก็ถูกแม่ทัพมือเดียวหิ้วขึ้นมา
“รีบพูดคนอยู่ที่ไหน?” เขากัดฟันเอ่ย รับมีดโค้งเล่มเล็กเล่มหนึ่งที่ทหารส่งมา “ไม่เช่นนั้นข้าจะถลกหนังของเจ้า”
แสงไฟส่องมีดโค้งทอประกายเย็นเยียบ แนบเข้ากับหนังศีรษะของเจ้าฟันจอบ
ได้ยินว่าทหารเหล่านี้งานอดิเรกคือการจับโจรจินมาถลกหนัง คนที่ถลกหนังยังไม่ตาย…
เจ้าฟันจอบแค่คิดว่าตนเองถูกถลกหนังแล้ว ทั้งร่างก็อ่อนยวบ
พูดอะไร? ที่แท้ต้องการให้เขาพูดอะไรกัน? เหลือเชื่อจริงๆ!
……………………………………….
เหลือเชื่อจริงๆ!
เอาชีวิตโจรคภูเขาเหล่านี้ แล้วยังถึงขั้นเสี่ยงให้ชีวิตทหารอันตรายอีก ค่ำคืนปีนหน้าผาชัน
มองหน้าผาชันดำสนิท จินสือปาหยุดยืน เสียงเอะอะรอบด้าน คบไฟส่องสว่าง ทำให้เขาจิตใจไม่สงบอยู่บ้าง
แต่นี่…ไม่ถูกต้อง
ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่ค่อยถูกต้อง
เขาพลันหมุนตัว อย่างที่คิดหลังร่างเหลยจงเหลียนยืนอยู่
“ข้าถามเจ้าอีกครั้ง คุณหนูจวินอยู่ที่ไหน?” เขาสีหน้าจริงจังเอ่ย
เหลยจงเหลียนมองเขา
“คำพูดนี้ข้าก็อยากถามเจ้า” เขาเอ่ย “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าองครักษ์เสื้อแพรไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน แต่ข้ากล้าบอกเจ้า เพื่อคุณหนูจวิน มีคนกล้าทิ่มฟ้าทะลุ”
จินสือปาไม่ได้ยิ้มหยันเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ สองตาเล็กๆ ฉายแววเย็นเยียบจ้องเขา
“มีเรื่องหนึ่งข้าพูดเจ้าอาจไม่เชื่อ” เขาเอ่ย “แม้ข้าได้รับคำสั่งให้จับคุณหนูจวิน แต่หากนางเกิดเรื่อง ข้าก็ไม่รอดเด็ดขาด”
หรือก็คือบอกว่าองครักษ์เสื้อแพรไม่มีทางทำร้ายคุณหนูจวิน
ลู่อวิ๋นฉีคนนั้น…ได้ยินว่ามุ่งมั่นอยากได้คุณหนูจวิน สิ่งที่อยากได้ย่อมต้องเป็นคนมีชีวิต
สีหน้าเหลยจงเหลียนเปลี่ยนไปมาครู่หนึ่ง
“ข้ารู้ว่าคุณหนูจวินร้ายกาจยิ่ง แต่ที่นี่คือแดนเหนือ ไม่เหมือนหยางเฉิง หรู่หนานหรือกระทั่งเมืองหลวง เดินทางลำพังที่นี่เป็นเรื่องอันตรายยิ่งนัก” จินสือปาเอ่ย “ข้าเพียงอยากจับคุณหนูจวิน ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตนาง หรือกระทั่งพูดได้ว่า คำสั่งที่ข้าได้รับจากหัวหน้ากองพันลู่ ชีวิตนางสำคัญยิ่งกว่าชีวิตของคนผู้ใด”
“คำพูดเจ้าหมายความว่ายังไง?” เหลยจงเหลียนเอ่ยเสียงแหบ “คนก็ถูกพวกเจ้าจับไปแล้ว ยังทำท่าหวาดกวั่นเช่นนี้มีความหมายหรือ?”
จินสือฟายื่นมือจับเหลยจงเหลียนไว้ ผู้คุ้มกันของตระกูลฟางกับคนของสำนักคุ้มภัยรวมถึงองครักษ์เสื้อแพรสี่คนล้วนล้อมเข้ามา สองฝ่ายตกสู่การประจันหน้ากันอีกครั้ง
“ข้าบอกเจ้าแล้ว” จินสือฟาไม่ได้ลงมือ แต่ตะคอกเอ่ย “พวกข้าไม่ได้จับนางไป ที่แท้พวกเจ้าให้นางเดินทางตัวคนเดียวไปที่ใด?”
เจ้าว่าไม่ได้จับก็ไม่ได้จับหรือ? เหลยจงเหลียนมองเขา คำพูดประโยคนั้นมาถึงริมฝีปากกลับไม่ได้พูดออกมา
“ข้าก็บอกเจ้าแล้ว พวกเราไม่ได้ให้นางเดินทางคนเดียว” เขาตะคอกบ้าง “อย่าดูถูกคุณหนูจวินเช่นนี้ นางไม่ใช่คนบ้าบิ่นเช่นนั้น พวกเจ้าที่แท้จับนางไปตั้งแต่เมื่อไร?”
ทั้งสองคนสบตากันอย่างดุร้าย จากนั้นสีหน้าค่อยๆ แข็งทื่อ พลันหมุนตัวพร้อมกัน วิ่งลงเขาไป
ผู้คุ้มกันคนของสำนักคุ้มภัยกับองครักษ์เสื้อแพรที่ยังประจันหน้ากันอยู่อึ้ง ได้สติกลับมาก็รีบติดตาม
ด้านหน้าโถงใหญ่ของค่าย ได้ยินเจ้าฟันจอบกุมใบหูกรีดร้องมาแต่ไกล
“นายท่านเผิงข้าไม่ได้ทำจริงๆ กระทั่งคุณหนูจวินเป็นใครข้ายังไม่รู้เลย!” เขาหมอบอยู่บนพื้นกุมใบหน้า เลือดไหลทั่วร่าง ร่ำไห้เอ่ย “ข้าจะลักพาตัวนางได้ยังไง?”
เท้าของแม่ทัพกระทืบหัวไหล่เขา เขย่ากระดาษแผ่นหนึ่ง
“มารดามันเลิกเสแสร้งซะ เจ้าคิดว่าข้าจำตัวอักษรของเจ้าไม่ได้หรือ?” เขาตะคอก
เจ้าฟันจอบร้องไห้จนหายใจไม่ทัน
“นายท่านเผิง หากข้าลักพาตัวคุณหนูจวิน ไม่มีทางส่งจดหมายไปถึงมือท่านรนหาที่ตายหรอก ข้าจะส่งให้แค่ลูกน้องของคุณหนูจวินเท่านั้น” เขาร้อง
เหมือนนี่ก็มีเหตุผลแฮะ
แม่ทัพตะลึงไป เปรียบเทียบกันแล้วครอบครัวของคุณหนูจวินคงเป็นห่วงเป็นใยคุณหนูจวินมากกว่าล่ะนะ
แต่…เขากำลังจะพูดอะไร จินสือปามือเดียวก็คว้าจดหมายนี่ไป พร้อมกันนั้นศอกก็ถองเขาออก เท้าเหยียบบนร่างเจ้าฟันจอบ
การกระทำนี้รวดเร็วฉับไวจนแม่ทัพไม่ทันตอบโต้ คนก็ถอยหลังหลายก้าวถูกเบียดออกมาแล้ว
วิชาดียิ่ง ดวงตาเขาเบิกกลมมองบุรุษผู้นี้ จากนั้นก็หรี่ตาลง กล้าคิดทำร้ายนายย่อมต้องมีความสามารถอยู่บ้าง
คงไม่ใช่อยากสังหารคนปิดปากหรอกนะ เขาก้าวเข้ามาทันที
จินสือปาเท้าเดียวงัดเจ้าฟันจอบขึ้นมา แนบจดหมายไปบนหน้าเขา
“เจ้ามีศัตรูไหม?” เขาเอ่ยถาม
ศัตรู
แม่ทัพอึ้งไปครู่หนึ่ง ส่วนเหลยจงเหลียนเหมือนคิดอะไรได้
“ศัตรู ศัตรูข้าเยอะแยะไป ชาวบ้านใกล้ๆนี่..” เจ้าฟันจอบเหมือนคว้าทางรอดเล็กๆ ได้ รีบร้อนร้อง
คำพูดเขายังเอ่ยไม่ทันจบก็ถูกจินสือปาขัด
“ศัตรูที่ต้านทานเจ้าได้ ไม่ใช่ชาวบ้านประชาชนพวกนั้น” เขาเอ่ยเรียบๆ “พวกที่มีความแค้นสั่งสมหรือขัดแย้งกันระยะนี้”
เจ้าฟันจอบนิ่งไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตามทัน
“ข้าว่าแล้วไม่น่าเป็นไปได้ ทหารไหนเลยมีเวลาว่างปานนั้นเจาะจงมากวาดล้างพวกข้า ที่แท้ถูกคนใส่ร้ายแล้ว” เขาเอ่ย เบิกตากลมสีหน้าซีดขาวตัวสั่นทั้งร่าง “ข้ารู้แล้ว ต้องเป็นโจรกลุ่มนั้นทำแน่!”
เหลยจงเหลียนรู้สึกเพียงหัวใจถูกบีบแน่น
“โจรกลุ่มไหน?” เขาตวาดถาม
……………………………………….
“โจรกลุ่มนั้น ครั้งนี้ตายแน่แล้ว”
พร้อมกับเสียงพูด เสียงหัวเราะลั่นระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น
แสงน้อยนิดในสายตาของคุณหนูจวินกลายเป็นสว่าง
ฟ้าใกล้สว่างแล้ว คนเหล่านี้เดินทางมาหนึ่งคืน ตอนนี้ในที่สุดก็จะพบกับคนของตนเองแล้วสินะ?
เมื่อครู่นี้เองเสียงคุยเล่นกับเสียงหัวเราะของบุรุษแปลกหน้าดังขึ้นด้านนอก
“เหล่าเถียน เป็นอย่างไร?” พวกเขาสอบถามวุ่นวาย
“ไม่มีปัญหา สินค้าขนกลับมาปลอดภัย” บุรุษด้านข้างหัวเราะตอบ
เห็นชัดว่า ตนเองก็คือสินค้าชิ้นนี้ คุณหนูจวินยิ้ม บทสนทนาของพวกเขายังสืบเนื่อง คนที่ถูกเรียกว่าเหล่าเถียนยังเล่าว่าทำอย่างไร ไม่หลบเลี่ยงคุณหนูจวินที่นอนอยู่ในรถสักนิด
ได้ยินถึงเหล่าเถียนปลอมเป็นเจ้าฟันจอบส่งจดหมายเรียกค่าไถ่ฉบับหนึ่งให้ทหาร คนกลุ่มนี้ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ก็ควรทำเช่นนี้ นี่นับว่าพวกเรากวาดล้างโจรภูเขาขงอเขาจั้นหวงซานแล้ว เป็นเรื่องที่พวกเราผู้เป็นทหารสมควรทำ” มีคนเอ่ยเสียงดัง
ทหาร
เดิมทีคิดว่านี่เป็นเพียงการพูดเล่นของบุรุษคนนั้น ตอนนี้ดูแล้วคนที่นี่ช่างพูดเล่นเก่งนักนะ
ความคิดคุณหนูจวินแล่นผ่านไป หญ้าเขียวที่คลุมบนร่างก็ถูกเลิกพรึบออก แสงอรุณส่องลงมาทันที
คุณหนูจวินอดไม่ได้หลับตาลง หลังจากนั้นก็ลืมตาขึ้นช้าๆ