[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 512 : ผู้มาเยือนปริศนา!
ผู้ที่โทรเข้ามาก็คือหนิงหลิงยู่ เธอพูดจาเป็นปริศนาคล้ายกับว่ามีแขกมาเยี่ยมเยียน และขอให้หลิงหยุนรีบกลับบ้านโดยเร็ว หลิงหยุนจึงตอบกลับว่าเขาจะไปถึงบ้านอีกในไม่ช้าแล้ว
สองพี่น้องไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมาย หลังจากที่วางสายไป หลิงหยุนก็ก้มหน้ามองหลินเมิ่งหานพร้อมพูดกับเธออย่างอ่อนโยน
“บ่ายนี้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณไม่ได้นะ.. ตั้งแต่มาถึงผมยังไม่ได้เข้าบ้านเลย..”
จนถึงตอนนี้หลินเมิ่งหานยังไม่ได้ถามหลิงหยุนเลยว่าเขาไปทะเลมาเป็นอย่างไรบ้าง?
เธอมีคำพูดมากมายที่ต้องการพูดกับเขา แต่น่าเสียดายที่มีเวลาอยู่ด้วยกันเพียงแค่ช่วงสั้นๆ!
แต่อย่างน้อยเมื่อหลิงหยุนมาถึงจิงฉูก็รีบตรงมาหาเธอเป็นคนแรก และยังไม่ลืมที่จะซื้อหาอาหารมาให้เธอด้วยความเป็นห่วงอีกด้วย เพียงแค่นั้นก็ทำให้เธอมีความสุข และอบอุ่นหัวใจอย่างที่สุดแล้ว
ช่างคุ้มค่าที่ได้ทำอะไรเพื่อเด็กหนุ่มคนนี้!
“แล้ว.. นายจะกลับมาที่นี่อีกครั้งตอนใหน?” หลินเมิ่งหานถามเสียงเศร้าสร้อยพร้อมกับกอดแขนหลิงหยุนแน่น
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ผมไปอยู่เกาะกลางทะเลมาเกือบเดือน แล้วนี่ก็เพิ่งจะกลับมาถึงจิงฉู สองสามวันนี้คงต้องยุ่งมาก แต่หลังจากที่ผมจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ผมจะสอนวิชาฝ่ามือน้ำแข็งให้กับคุณ”
หลิงหยุนเห็นว่าวิชาพลังเย็นของหลินเมิ่งหานนั้นก้าวหน้าขึ้นมาก และกำลังภายในระดับเริ่มต้นขั้นโฮ่วเทียน-9 ของเธอก็ค่อนข้างเสถียรแล้ว และสามารถที่จะเรียนวรยุทธสำหรับใช้ในการต่อสู้ได้แล้ว
วิชาฝ่ามือน้ำแข็งนั้นเป็นวรยุทธที่ฝึกได้ง่ายที่สุดในกลุ่มวิชาพลังเย็น เพราะเป็นเพียงแค่การรวบรวมพลังเย็นทั้งหมดไว้ที่ฝ่ามือ เพื่อใช้ทำร้ายคู่ต่อสู้เท่านั้นเอง
เมื่อได้ยินว่าหลายวันนี้หลิงหยุนจะต้องยุ่งมาก ในใจก็นึกถึงหญิงสาวคนอื่นๆของเขา และดวงตาคู่งามของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ผู้หญิงมีหรือที่จะไม่รู้สึกอิจฉา.. หลินเมิ่งหานเองก็เป็นผู้หญิงเช่นกัน เมื่อได้รู้ว่าหลิงหยุนจะต้องไปหาหญิงสาวคนอื่นๆ ยิ่งรู้ว่าตนเองไม่สามารถห้ามหลิงหยุนได้ ก็ต้องรู้สึกอิจฉาอยู่แล้ว
ความจริงแล้ว.. หลินเมิ่งหานไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลิงหยุนยุ่งจนไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องเหล่านี้ด้วยซ้ำไป สิ่งที่เขาครุ่นคิดอยู่ในตอนนี้ก็มีเพียงแค่เรื่องที่จะรับมือกับฉินตงเฉี่วยอย่างไรดี?
แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร หลิงหยุนก็ได้เพียงคำตอบเดียวคือต้องกลับไปบ้านเท่านั้น ไม่มีหนทางอื่นที่ดีกว่านี้
“ถ้าจัดการอะไรไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องเอาไข่มุกราตรีออกมาสักสองสามเม็ด หากน้าหญิงพอใจ ก็คงจะลงโทษข้าเพียงเบาๆ..”
หลิงหยุนครุ่นคิดหาหนทางอื่นไม่ได้จริงๆ
“ผมไปอาบน้ำก่อนนะ..” หลิงหยุนกระโดดลุกขึ้นจากเตียงทันที
หลินเมิ่งหานบิดตัว และกระโดดลงจากเตียงตามหลิงหยุนไป ตอนนี้เธออยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-9 แล้ว ร่างกายของเธอจึงไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แม้ว่าจะเหนื่อยล้า แต่ก็สามารถลุกขึ้นเดินเหินได้อย่างอิสระ
“สามี.. ฉันจะอาบน้ำให้นายเอง”
หลิงหยุนรีบยกมือห้ามพร้อมกับร้องขอความเมตตา “ได้โปรดหยุดอยู่ตรงนั้น..! ขืนคุณอาบน้ำให้ผม รับรองว่าผมคงไม่ได้ออกจากบ้านแน่..”
นับวันหลินเมิ่งหานก็ยิ่งมีเสน่ห์เย้ายวนมากขึ้น..
ตอนนี้หลินเมิ่งหานไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว และหลังจากที่เธอได้ปลดปล่อยตัวเองจากหัวโขนเหล่านั้น หลิงหยุนก็แทบจะไม่สามารถต้านทานหลินเมิ่งหานได้อีก
“รับรอง.. ฉันจะแค่อาบน้ำให้นายจริงๆ นายจะได้กลับบ้านด้วยความรู้สึกสะอาดสดชื่น..”
หลิงเมิ่งหานเดินตามหลิงหยุนเข้าไปในห้องน้ำอย่างดื้อดึง..
หลังจากที่อาบน้ำให้หลิงหยุนเสร็จแล้ว หลินเมิ่งหานก็ได้เตรียมเสื้อผ้า และรองเท้าไว้ให้เขา
“ลองใส่ดูสิว่าพอดีไม๊?” หลินเมิ่งหานปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาว และยืนยิ้มให้กับหลิงหยุน
หลิงหยุนเหลือบมองพร้อมกับคิดในใจว่า นี่หลินเมิ่งหานจัดการหาซื้อเสื้อเชิ้ต กางเกงขายาว กางเกงชั้นใน ถุงเท้าไว้ให้เขาครบชุดเลย แล้วยังจัดเตรียมไว้ให้หลังอาบน้ำเสร็จด้วย
หลังจากที่หลิงหยุนสวมเสื้อผ้าเรียบร้อย หลินเมิ่งหานก็ได้แต่คิดในใจว่า ผู้ชายของเธอช่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงๆ
“ผอมลงแล้วหล่อเหลาไร้ที่ติแบบนี้ สาวๆที่ใหนเห็นก็คงต้องตะลึงจนตาค้าง..”
หลินเมิ่งหานนึกชื่นชม แต่ก็อดที่จะหึงหวงพร้อมกับพูดประชดประชันออกมาไม่ได้
ในเรื่องของการแกล้งโง่นั้น หลิงหยุนนับว่าเก่งที่สุด และเขาก็รีบเปลี่ยนเรื่องพูด
“สองสามวันนี้ถังเมิ่งกำลังเตรียมงานสำหรับเปิดคลินิก ถ้าคุณเบื่อก็ไปช่วยเขาก็ได้..”
ระยะนี้คลื่นลมสงบ คลินิกก็ตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็เข้าที่เข้าทางหมดแล้ว เพียงแค่รอหลิงหยุนหาฤกษ์งามยามดีทำพิธีเปิดเท่านั้น
“ได้สิ!” หลินเมิ่งหานตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ตอนนี้การแต่งงานกับหลงเทียนหวู่ก็เป็นอันยกเลิกไปแล้ว หลินเมิ่งหานไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลหลงอีกแล้ว เธอจึงสามารถช่วยงานหลิงหยุนได้ด้วยจิตใจที่ไร้กังวล
หลิงหยุนรู้ว่าเหยาลู่เป็นผู้ดูแลทุกเรื่องในคลีนิคสามัญชน แต่ก็ยังเสนอให้หลินเมิ่งหานเข้าไปช่วย เห็นได้ชัดว่าหลิงหยุนเองก็ไม่ต้องการปกปิดหลินเม่งหาน และต้องการให้เธอรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
และนี่คือความไว้เนื้อเชื่อใจ และเป็นนิสัยการปล่อยวางของหลิงหยุน เขาไม่ต้องการปิดบังซ่อนเร้นอะไรทั้งสิ้น เพราะรู้ว่าเขาจะไม่สามารถปิดบังได้ตลอดไป
หลิงหยุนได้รับการดูแลเอาใจใส่จากหลินเมิ่งหานอย่างดี เขายืนสวมรองเท้าที่เธอซื้อให้พร้อมกับพูดยิ้มๆ “ผมไปแล้วนะ.. อย่าลืมฝึกฝนล่ะ!”
หลินเมิ่งหานเพียงแค่สวมเสื้อคลุมบางเบาเดินไปส่งหลิงหยุนที่ลานหน้าบ้าน
“กล้าออกไปส่งผมข้างนอกในสภาพนี้ไม๊?” หลิงหยุนเดินไปถึงหน้าประตูแล้วจึงหันกลับมาถามหลินเมิ่งหานพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ถ้านายกล้าให้ฉันออกไป.. ฉันก็กล้า!” หลินเมิ่งหานเดินบิดเอวพร้อมกับทำท่าจะเดินตามหลิงหยุนไป
“หยุด.. หยุด.. ไม่ต้อง!”
หลิงหยุนไม่ต้องการให้คนอื่นได้เห็นผู้หญิงของเขาในสภาพนี้ เขาจึงรีบบร้องห้าม และรีบออกจากบ้านไปทันที..
“สามี..”
หลิงหยุนหยุดพร้อมหันกลับไปถาม “อะไรอีกล่ะ?”
หลินเมิ่งหานยิ้มพร้อมกับตอบหลิงหยุนไปว่า “สามี.. นายต้องหาทางไปช่วยน้องเม่ยเฟิงกลับมาเร็วๆนะ ฉันคิดถึงเธอ!”
ไปเอาตัวเฉิงเม่ยเฟิงกลับคืนมางั้นหรือ..? นั่นเป็นเรื่องที่หลิงหยุนต้องทำอยู่แล้ว และใครก็ไม่สามารถหยุดเขาได้!
หลินเมิ่งหานพูดประโยคนี้ขึ้นมา ช่างเป็นคำพูดที่มีค่าสำหรับหลิงหยุน จนเขาต้องหันกลับไปมองเธอ
“แน่นอน..”
หลิงหยุนยิ้มอ่อนโยนให้กับหลินเมิ่งหาน และมุ่งหน้าออกไปทันที
……..
รถแลนด์โรเวอร์ขับมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านในอ่าวจิงฉูด้วยความเร็วสูง””
หลิงหยุนเปิดกระจกรถยนต์ทั้งสองฝั่งเพื่อให้ลมโกรกเข้ามาในรถ เขาหวังว่าสายลมจะช่วยสงบจิตใจที่รุ่มร้อนของตนเองลงได้บ้าง
ระหว่างขับรถไปนั้น.. หลิงหยุนก็ครุ่นคิดเรื่องต่างๆในหัวจนวุ่นวายไปหมด เขาคิดเรื่องของเฉิงเม่ยเฟิง เสี่ยวเม่ยเม่ย และเกาเฉินเฉิน แล้วก็วกกลับไปคิดเรื่องขององค์กรนักฆ่า และนิกายมาร อีกทั้งยังคิดวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลเฉิน ตระกูลซัน ตระกูลหลิง และตระกูลฉินอีกด้วย
แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดสำหรับหลิงหยุนในเวลานี้ก็คือการไปนำตัวเฉิงเม่ยเฟิงกลับมา การหาทางช่วยเหลือเสี่ยวเม่ยเม่ย และการไปตามหาเกาเฉินเฉิน
ในที่สุดหลิงหยุนก็พอได้ข่าวคราวของเสี่ยวเม่ยเม่ยบ้าง แต่สำหรับเกาเฉินเฉินนั้นกลับเงียบหายไปไม่ได้ข่าวคราวเลย หลิงหยุนยิ่งรู้สึกไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มรับรู้ถึงความไม่ปกติ
สำหรับเฉิงเม่ยเฟิงนั้น หลิงหยุนกังวลใจน้อยที่สุด เพราะอารามจิ้งซินนั้นอย่างน้อยก็อยู่แห่งใดแห่งหนึ่งในประเทศจีน แม่ชีนั่นคงหนีไปใหนไมได้.. เขาเพียงแค่ต้องการหาสถานที่แห่งนี้ให้พบ และไปนำตัวเธอกลับมาเท่านั้นเอง
สำหรับที่อยู่ของอารามจิ้งซินนั้น หลิงหยุนสามารถสอบถามจากตู้กู่โม่ ฉินตงเฉี่วย ท่านหมอเสี่ยว เหล่ากุ่ย หรือแม้แต่ตงฟางถิง
หลิงหยุนคิดว่า ในบรรดาคนเหล่านี้ น่าจะมีใครสักคนที่รู้จักที่ตั้งของอารามจิ้งซินบ้าง
หากไม่มีใครรู้จริงๆ เขาก็เชื่อว่าตระกูลซันต้องรู้อย่างแน่นอน เพราะตระกูลเป็นผู้ที่ให้การสนับสนุนอารามจิ้งซินอยู่
ทางด้านเหล่ากุ่ยนั้น.. จนป่านนี้ก็ยังไม่กลับมา อีกทั้งเขายังดูลึกลับจนหลิงหยุนค่อนข้างประหลาดใจ หลิงหยุนคิดว่าเหล่ากุ่ยไม่ควรหายไปนานเช่นนี้ หรือไม่หากจะไปจริง อย่างน้อยก็ควรต้องให้เขารักษาอาการบาดเจ็บให้หายดีเสียก่อน
การจากไปอย่างกะทันหันของชายชราลึกลับผู้นี้ ทำให้หลิงหยุนยากที่จะสงบจิตสงบใจนิ่งเฉยอยู่ได้ เพราะเขารู้สึกเสมอมาว่าเหล่ากุ่ยมีความผูกพันกับเขาค่อนข้างแน่นแฟ้น
แม้ว่าเหล่ากุ่ยจะไม่พูดอะไรออกมา แต่หลิงหยุนสามารถสัมผัสได้ด้วยหัวใจ!
แต่ถึงกระนั้นเรื่องของเหล่ากุ่ยก็ยังไม่นับว่าเป็นเรืองสำคัญ!
ส่วนแม่ของเขานางฉินจิวยื่อนั้น ก็เดินทางไปที่สำนักกระบี่เทวะที่เขาเทียนซันนานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่ติดต่อกลับมาเลยหลิงหยุนจึงค่อนข้างเป็นห่วงอย่างมาก!
ไม่ใช่ว่าหนิงเทียนหยาตายแล้วงั้นรึ? แม่เของเขาถึงต้องเดินทางไปนานเช่นนี้! แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะเป็นห่วงแม่ของเขามากเพียงใด ก็ไม่สามารถติดต่อนางไดไ!
แต่ก็นับว่าโชคดีที่น้าหญิงของเขามาอยู่ที่เมืองจิงฉูด้วย จากที่หลิงหยุนสัมผัสได้นั้น.. น้าหญิงฉินตงเฉี่วยดูจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนางฉินจิวยื่อมาก อาจเพราะทั้งคู่เป็นพี่น้องกันนั่นเอง และตราบใดที่ฉินตงเฉี่วยไม่เป็นกังวล หลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรมากเช่นกัน
“มีแขกมาที่บ้านเช่นนั้นรึ? หลิงยู่จึงได้โทรหาข้าทำเสียงลึกลับเช่นนั้น คงจะไม่ใช่แขกธรรมดาๆอย่างแน่นอน?”
หรือว่าผู้ที่มานั้นจะมีข่าวคราวเกี่ยวกับแม่ของเขา?
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หลิงหยุนจึงลืมความกังวลเรื่องที่จะถูกน้าหญิงของเขาลงโทษไปเสียสนิท และรีบเหยียบรถแลนด์โรเวอร์ไปด้วยความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทันที
รถแลนด์โรเวอร์มาจึงหน้าหมู่บ้านในอ่าวจิงฉู และตรงเข้าไปยังบ้านเลขที่ 9 ทันที ประตูบ้านเปิดกว้างไว้อยู่แล้ว หลิงหยุนจึงขับเข้าไปจอดภายในลานหน้าบ้าน
เมื่อได้ยินเสียงรถเข้ามาจอด.. คนสามคนจึงเดินออกมาจากห้องรับแขก..
ฉินตงเฉี่วยยิ้มอย่างเบิกบาน ส่วนหนิงหลิงยู่ก็ดูมีความสุขอย่างมาก พร้อมกับมีชายหนุ่มร่างสูงอายุราวยี่สิบเก้าปียืนอยู่ข้างๆ
หลิงหยุนอดใจรอไม่ได้ เขาจึงใช้จิตหยั่งรู้สำรวจชายลึกลับผู้นั้น และดวงตาของเขาก็ถึงกับสั่นไหว!
‘ยอดฝีมือ.. ต้องเป็นยอดฝีมือแน่ๆ ข้าถึงมองไม่เห็นระดับกำลังภายในของเขา!’
“พี่ใหญ่..”
เมื่อหลิงหยุนลงจากรถ หนิงหลิงยู่ก็วิ่งตรงเข้ามาเกาะแขนหลิงหยุนอย่างดีอกดีใจ
หลิงหยุนยังคงมีทีท่าสงบนิ่ง เขาโอบหนิงหลิงยู่ไว้ในอ้อมแขน และพูดกับเธออย่างอ่อนโยน “หลิงยู่.. พี่ขอโทษ! คิดไม่ถึงว่าจะล่าช้าไปนานหลายวันแบบนี้ ทำให้หลิงยู่ของพี่ต้องกังวลใจแล้วก็เป็นห่วง?”
“พี่ใหญ่.. ในที่สุดพี่ก็กลับมาอย่างปลอดภัย! รู้ไม๊ว่าที่ทะเลจีนตะวันออกเมื่อสองสามวันก่อนมีพายุถล่มรุนแรง พวกเราต่างก็เป็นห่วงพี่มาก!”
หนิงหลิงยู่เกาะแขนหลิงหยุนแน่น..
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แพร่กระจายออกมาจากร่างกายของหนิงหลิงยู่พร้อมกับลูบแผ่นหลังของเธอเป็นการปลอบปะโลม
“พี่ปลอดภัยดี..”