บทที่ 171 สองกลุ่มเข้าปะทะ (2)
ฟ้าว !
อวิ๋นเป้าพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วดั่งแสง พุ่งเข้าประชิดร่างนักรบอารามถือหอก เปิดให้นักรบอารามผู้นั้นแทงหอกมายังเขา
ทว่าเงาร่างอวิ๋นเป้าพลันเปลี่ยนทิศทาง ทิ้งภาพติดตาไว้แล้วยังคงพุ่งตัวไปต่อ หลังจากเข้าใกล้นักรบอารามได้ก็ปล่อยหมัดออกไปทั้งหมด 128 หมัด พร้อมทั้งใช้พลังจากยาจนถึงขีดสุด และหากไม่ใช่เพราะเขาดื่มยาฟื้นพลังระดับสูงเข้าไปละก็ ปล่อยพลังหมัดเช่นนี้ออกไปแค่คราเดียวก็อาจทำลายศอกเขาแล้วก็เป็นได้
เผ่าคนเถื่อนรู้ว่าตอนนี้ตนกำลังตกเป็นรอง ไม่มีเวลาใช้หอกปัดป้องการโจมตีได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงหลบหลีก พยายามรับมือกับหมัดที่ซัดเข้าปะทะร่าง
หมัดทั้งหลายรวมพลังกัน เกิดเป็นกลุ่มพลังระเบิดกลางอากาศที่ปล่อยคลื่นพลังออกคล้ายท้องน้ำกระเพื่อม
เผ่าคนเถื่อนนั้นเคลื่อนที่ว่องไว แต่อวิ๋นเป้ากลับรวดเร็วกว่า เขายังคงติดตามประชิดร่างเผ่าคนเถื่อนแล้วซัดพลังออกไปเรื่อยไม่หยุด
เสียงหมัดปะทะร่างดังขึ้นไม่หยุด เผ่าคนเถื่อนที่กำลังล่าถอยถูกฝ่ามือนับไม่ถ้วนปะทะเข้าร่าง
ในที่สุดพลังซัดรุนแรงก็ส่งร่างเขากระเด็นไปยังเผ่าคนเถื่อนคนอื่น ๆ พร้อมกับร้องเสียงหลง
กระทั่งอักขระที่ส่องแสงเรืองบนร่างยังไม่อาจรับมือกับการรัวหมัดเช่นนี้ได้ กระอักเลือดคำใหญ่ออกมา
เผ่าคนเถื่อนผู้นั้นไม่อาจเชื่อว่าตนจะอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายทั้งด้านกำลังและความรวดเร็ว ดังนั้นจึงดีดตัวขึ้น จากนั้นส่งสองฝ่ามือมาด้านหน้า ซัดฝ่ามือมายานับพันเข้าใส่อวิ๋นเป้า
พริบตาต่อมา ทั้งสองก็กระเด็นแยกออกจากกัน แต่ละคนได้แผลไปไม่น้อย
เมื่อเท้าแตะพื้นอวิ๋นเป้าก็ดีดตัวทะยานขึ้นในทันที ยาร่างเหล็กและยาฟื้นพลังระดับสูงช่วยเพิ่มพลังป้องกันและความสามารถในการฟื้นฟูของเขาขึ้นมาก สามารถไม่สนใจบาดแผลที่เพิ่งได้รับแล้วซัดพลังเข้าใส่นักรบอารามอีกคราได้ทันที
ทันใดนั้นนักรบอารามเพิ่งจับสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป หลังจากกระอักเลือดออกมาอีกครา เขาก็ถอยห่างออกไป
อวิ๋นเป้าไล่ตามไปสุดกำลัง เมื่อเริ่มลงมือกันเต็มกำลัง รูปแบบที่จัดตั้งไว้แต่เดิมก็เริ่มกระจายออก ทั้งสองฝ่ายเริ่มเคลื่อนออกจากตำแหน่งของตนเอง อวิ๋นเป้าไม่คิดป้องกันอีกต่อไป ใส่ใจเพียงจะสังหารศัตรูเท่านั้น
เฮ่ออวิ๋นตงพบว่าตอนนี้ตนกำลังประมืออยู่กับนักรบอารามที่ถังหมิงต่อสู้ไปเมื่อก่อนหน้านี้
ถังหมิงนั้นต่อสู้กับนักรบอารามตัวต่อตัวอย่างดุเดือด เฮ่ออวิ๋นตงเข้ามาสกัดกั้นไว้อย่างทันท่วงทีเช่นนี้นับว่าเป็นการให้เวลาเขาได้พักหายใจบ้าง
ตู้ม ตู้ม ตู้ม !
เฮ่ออวิ๋นตงปล่อยหมัดโลกันตร์คลั่งออกไปทันที แต่ละหมัดมีเปลวเพลิงลุกโชน พลังโจมตีสูงส่งไม่น้อย
นักรบอารามผู้นั้นเผยสรหน้าชั่วร้าย เขาเงยหน้ากู่ร้องเสียงดังสนั่น จากนั้นปล่อยหมัดหนึ่งออกมา ส่งผลให้อากาศโดยรอบเกิดความวุ่นวาย
ด้วยกลิ่นอายดุดันเย่อหยิ่งเหลือคณาที่แผ่ออกจากร่างนักรบอาราม แรงกดดันรุนแรงนั่นถึงกับขนาดสั่นสะเทือนฝุ่นบนพื้นจนตลบคลุ้งขึ้นมา
ทันใดนั้น รัศมีสว่างจ้าก็ปรากฏขึ้นในมือซ้าย มันพุ่งตรงไปยังลำคอของเฮ่ออวิ๋นตง
เป็นแสงที่สว่างเจิดจ้าน่าดูชม
เฮ่ออวิ๋นตงยื่นมือทั้งสองข้างออกมาแล้วเปิดใช้สายเลือดอสูรโลกันตร์คลั่งจนถึงขั้นสุด ร่างกายพลันเปล่งประกายสีแดงออกมาดั่งตะวันสีเลือด
รัศมีสว่างจ้าไม่อาจต้านเข้ามาได้อยู่ครู่หนึ่ง
จนกระทั่งเฮ่ออวิ๋นตงพบว่าอีกฝ่ายซ่อนใบมีดบางราวกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ในรัศมีแสงก้อนนั้นด้วย
เฮ่ออวิ๋นตงไม่คิดว่าเผ่าคนเถื่อนที่ใช้แต่พละกำลังจะใช้ของอย่างอาวุธลับเป็น
ใบมีดนั่นหยุดเคลื่อนไหวเพียงชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นมันก็กรีดผ่านเปลวเพลิงเข้ามาแล้วพุ่งเข้าแทงเฮ่ออวิ๋นตงในพลัน
หยาดเลือดพลันกระเซ็นขึ้นฟ้า ส่งผลให้แสงสว่างจ้าเจือไปด้วยสีโลหิต
นักรบอารามส่งสายตามองเฮ่ออวิ๋นตงอย่างเยือกเย็น จิตสังหารพุ่งทะยาน ซัดใบมีดที่โอบล้อมไปด้วยแสงออกมาอีกครา ครั้งนี้เล็งไปยังหัวใจของเฮ่ออวิ๋นตง
ใบมีดอันเยียบเย็นกรีดผ่านท่ามกลางเปลวเพลิงลุกโชติช่วงมายังเฮ่ออวิ๋นตงที่ไม่อาจหลบการโจมตีนี้ได้ทันเวลา
ดังนั้นเขาจึงประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าด้วยกันด้วยแรงทั้งหมดที่มี
ปึ่ง !
เฮ่ออวิ๋นตงใช้ทั้งสองมือประกบกัน รับใบมีดนั้นไว้ ปลายมีดอยู่ห่างจากหัวใจเขาเพียงคืบหนึ่งเท่านั้น
พริบตาต่อมาอักขระบนร่างนักรบอารามก็เปล่งแสงขึ้น คลื่นพลังบ้าคลั่งแผ่ออกจากร่างในพลัน แขนของเผ่าคนเถื่อนมีขนาดใหญ่ขึ้นในพริบตา
เฮ่ออวิ๋นตงไม่พร้อมรับมือกับกำลังที่เพิ่มขึ้นของอีกฝ่ายโดยฉับพลันเช่นนี้
ใบมีดเริ่มแทงเข้ามาในร่างเฮ่ออวิ๋นตง
“อ๊ากกก !” เฮ่ออวิ๋นตงเปล่งเสียงร้องดังลั่น พยายามรวมพลังให้ไหลเวียนมายังแขนทั้งสองเต็มที่
แต่ถึงกระนั้นใบมีดนั่นก็ยังคงเคลื่อนเข้ามาทีละนิด กระทั่งแทงอกเข้ามาอีก หมายจะทะลวงให้ถึงหัวใจ
“เจ้าไม่รอดแน่ !” นักรบอารามส่งเสียงคำรามลั่นด้วยความตื่นเต้นยินดี
ในตอนที่ใบมีดกำลังจมลึกลงไปใกล้จะทุลุหัวใจเฮ่ออวิ๋นตงนั่นเอง มังกรสีขาวราวหิมะตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าปะทะใบหน้านักรบอาราม ส่งร่างอีกฝ่ายหงายลงกองกับพื้น มังกรหิมะตัวนี้โจมตีรุนแรงมากจนกระทั่งหน้าตาของอีกฝ่ายแหลกเละไป
เฮ่ออวิ๋นตงดึงมือทั้งสองข้างออก ใบมีดสว่างจ้าปลิวออกไป โลหิตกระฉูดออกจากอกเฮ่ออวิ๋นตง เขาคว้าใบมีดที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศโดยไม่คิดแม้แต่จะก้มลงมองมันแล้วซัดมันออกไปในทันที
นักรบอารามที่เพิ่งลุกขึ้นได้เซไปเล็กน้อย จากนั้นร่างก็แยกออกเป็นสองส่วน
เฮ่ออวิ๋นตงหันไปก็พบว่าถังหมิงกำลังจ้องเขาอยู่
ถังหมิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ”
“โอ้อวดนัก” เฮ่ออวิ๋นตงส่ายหัวหมดหนทาง
ทันใดนั้นสองขาเขาพลันอ่อนแรงลงจนลงไปนั่งอยู่กับพื้นอย่างหมดสิ้นเรี่ยวแรง มือก็พยายามกดแผลที่อกไว้
สถานการณ์ทางด้านฝาแฝดแซ่เสิ่นนั้นต่างจากเฮ่ออวิ๋นตง เฟิงอี้กู่ และอวิ๋นเป้า ที่ต่างก็ต้องรับมือกับนักรบอารามที่นับว่าแกร่งที่สุดในเผ่าคนเถื่อนอย่างสิ้นเชิง
แม้ทั้งคู่จะแข็งแกร่งไม่ใช่น้อย แต่ก็คอยค้นหาคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่า ยิ่งกับพวกที่ถูกแยกออกมายิ่งชอบใจนัก นับว่าเจ้าเล่ห์เพทุบายไม่น้อย
เผ่าคนเถื่อนผู้หนึ่งเพิ่งจะพุ่งเข้ามา ทันใดนั้นก็พบว่าสายตาตนพร่ามัว เงาร่างของคนสองคนพลันเคลื่อนผ่านเขาไปในพริบตา
ยังไม่ทันจะรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น ร่างเขาก็กระเด็นไปในอากาศแล้ว
ทันใดนั้นสองฝ่ามือก็ปะทะเข้าที่อก กำลังที่เดิมทีมีมากหลายเท่าเพิ่มทวีคูณเข้าไปอีก คนเถื่อนถูกสองฝ่ามือปะทะร่างโดยพลัน รู้สึกว่ากระดูกในร่างตนแตกละเอียดในทันที
เผ่าคนเถื่อนผู้นั้นกู่ร้องเสียงโหยหวนก่อนจะซัดขวานรบออกไปคราหนึ่ง เป็นการโจมตีเดียวที่เขามีโอกาสออกกระบวนท่า ฝาแฝดหลบเลี่ยงการโจมตีอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะส่งคนละหนึ่งฝ่ามือปะทะเข้าที่หน้าผากอีกฝ่าย
ตู้ม !
หัวของเผ่าคนเถื่อนปริแตกออก ก่อนที่เนื้อและของเหลวภายในจะพุ่งออกมาเปรอะเต็มพื้น
เอาชีวิตอีกฝ่ายโดยใช้เพียงสองกระบวนท่าเท่านั้น !
จากนั้นคู่แฝดก็เริ่มออกหาคู่ต่อสู้ต่อไป
กลยุทธเช่นนี้จัว่าน่าไม่อายก็ใช่ แต่ก็มีประสิทธิภาพ ใช้เวลาไม่นาน คู่แฝดก็สามารถสังหารเผ่าคนเถื่อนไปได้ถึง 4 คน และหากไม่ใช่เพราะจู่ ๆ เผ่าคนเถื่อน 2 คนที่เลือกมาไม่ได้อ่อนแออย่างที่คิดและสู้จนสุดตัวจนกระทั่งเสียเวลาไปมากละก็ ทั้งสองก็คงจะได้ละเลงเลือดคนมากอีกหน่อยไปแล้ว แต่ถึงกระนั้นเผ่าคนเถื่อนสองคนนั้น ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องสิ้นชีพในมือของคู่แฝดอยู่แล้ว
เมื่อยา 5 ชุดถูกใช้ไปจนหมด เผ่ามนุษย์จึงพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบ
นักรบอาราม 3 คนถูกฝ่ายมนุษย์กดไว้ ส่วนฝาแฝดแซ่เสิ่นก็สร้างความหายนะไปทั่ว ตอนนี้นับว่าเผ่ามนุษย์ได้เปรียบมาก ที่เหลือก็เพียงใช้จังหวะได้เปรียบนี้เพื่อเอาชนะอีกฝ่ายให้สิ้นซาก
หากแต่ซูเฉินกลับไม่เผยแววดีใจแม้แต่ในนัยน์ตา
เขายังคงมองไปรอบด้านด้วยสายตาเป็นกังวล ราวกับกำลังหาใครบางคนอยู่
ตานปา !
ในหมู่เผ่าคนเถื่อนที่พุ่งเข้าโจมตีพวกเขา ตานปาไม่ได้อยู่ในนี้ด้วย
นักรบอารามที่เคยปั่นหัวซูเฉินมาแล้วคราหนึ่งตอนนี้ยังไม่เผยตัวออกมา
ซูเฉินจึงรู้สึกว่าจิตใจอยู่ไม่เป็นสุขเอาเสียเลย
เขาไม่รู้ว่าตานปากำลังรอจังหวะอันใดอยู่ แต่ตรายใดทีอีกฝ่ายยังไม่ปรากฏตัวขึ้น ซูเฉินก็ไม่กล้าคิดว่าฝ่ายตนกำชัยชนะไว้มั่นคงแล้วได้
เขาสอดส่องสายตาไปโดยรอบ หวังว่าจะเห็นร่องรอยของตานปาบ้าง
ทันใดนั้นซูเฉินก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่าง
เขาหันไป พบว่าคนผู้นั้นกำลังยืนอยู่หน้าห้องทดลองแล้ว กำลังจ้องมองมาทางซูเฉินด้วยสายตาเย็นยะเยือก
นัยน์ตานั้นทั้งเยียบเย็น ดุดัน และฉายแววเกลียดชัดออกมาอย่างชัดเจน
ซูเฉินพลันรู้สึกตัวก่อนตะโกนขึ้น “ไม่นะ !”
หากแต่ตานปาหันไปซัดพลังหมัดส่งไปยังห้องทดลองนั่นแล้ว !