“แต่ฉันกลับรู้สึกว่า มันไม่ได้หมายหัวฉันแค่เพราะพลังจิตอย่างเดียว…หวังว่าฉันจะคิดผิดนะ” หลิงม่อหันกลับไปมองข้างหลังแวบหนึ่ง พลางทอดถอนใจ…
ช่องทางเดินถูกขุดลงมาลึกมา และยิ่งเดินลึกลงไปขนาดก็ยิ่งกว้างใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเมื่อพวกหลิงม่อเดินลงไปจนถึงสุดทาง พวกเขาก็พบว่ามันคือถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง และเจ้าตัวพวกนั้นที่พวกเขาเจอมาตลอดทาง ล้วนถูกจัดการหมดแล้ว…
ขณะที่แสงไฟฉายสาดส่องไปทั่วถ้ำใต้ดินรูปวงกลมอันมืดมิดแห่งนี้ พวกหลิงม่อจึงเพิ่งได้เห็นคลังเสบียงของแมงมุมยักษ์ตัวนั้นอย่างเต็มตา…ผนังฝังศพที่พวกเขาเห็นเมื่อกี้ เป็นเพียงเศษเสี้ยวปลายภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น…
“ฉิบ…หายย!” เย่ไคที่เป็นคนถือไฟฉายถึงกับอึ้งค้าง…
ในผนังที่สูงขึ้นไปจนเกือบสิบเมตร แทบทุกระเบียดนิ้วเต็มไปด้วยมือเท้าที่โผล่ออกมารวมถึงใบหน้าที่ถูก “สลัก” ไว้บนนั้น…นอกจากนี้ ยังมีศพจำนวนมหาศาลถูกกองรวมกันไว้ข้างกำแพง และเว้นที่ตรงกลางว่างไว้ โดยมีใยแมงมุมขนาดใหญ่ถูกถักทอไว้ตรงนั้นหนึ่งผืน…ขอบของใยแมงมุมมีศพถูกห้อยไว้เต็มทุกด้าน ส่วนตรงกลางที่ว่างเว้นไว้…ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่ามันคือ “ห้องนอน” ของเจ้าแมงมุมหัวคนตัวนั้นแน่นอน…
“เจ้านั่นแม้ว่าจะยังมีหัวคน แต่รสนิยมการกินกลับผิดมนุษย์มนาไปมาก…อ้อ ใช่สิ แค่มันมีรูปร่างหน้าตาแบบนั้นก็ถือว่าผิดมนุษย์มากพอแล้ว พอคิดอย่างนี้ อยู่ๆ ก็รู้สึกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดขึ้นมาเลย…” อวี่เหวินซวนเกาหัวแกรกๆ แล้วพูดขึ้น
“ที่นี่ถือว่าเป็นคลังอาหารของมันสินะ? คลังอาหารลับที่อยู่ใต้โกดังอาหารอีกที” ซย่าน่าเดินไปข้างหน้าสองก้าว จากนั้นก็เงยหน้ามองเหนือศีรษะ “อื่ม ขอเตือนอะไรอย่างนะ ถ้าหากไม่จำเป็นก็อย่าเงยหน้า…”
เพิ่งจะสิ้นเสียงพูดของเธอ ทุกคนกลับพร้อมใจกันเงยหน้ามองขึ้นไปแทบจะในทันที…
“เชี่ยย!” พวกหลิงม่อตะลึงลาน
“ว้าว…” พวกเย่เลี่ยนร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ…
ทว่ายังมีบางคนที่เปล่งเสียงที่ต่างกันออกมา “อุแหวะ!”
สวี่ซูหานยืนตบหน้าอก แล้วพูดอย่างยากลำบากว่า “วางใจ…ฉันยังทนไหว…อ้วกกก!”
หลิงม่อมองเธออย่างเห็นใจ จากนั้นก็อดเงยหน้าขึ้นไปอีกครั้งไม่ได้ พลางบอกว่า “ฉันเริ่มสงสัยเพศเดิมของแมงมุมตัวนั้นแล้วล่ะ…”
“ขอร้องอย่าพูดแบบนี้ได้ไหม นี่ฉันเริ่มจินตนาการถึงอะไรที่น่าขยะแขยงแล้วนะ…” มู่เฉินส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง
บนเพดาน…เอาเป็นว่าตอนนี้เรียกว่าเพดานไปก่อนแล้วกัน…บนนั้น มีศพถูกห้อยกันเบียดเสียดอัดแน่น…
ร่างของศพเหล่านั้นถูกใยแมงมุมห่อหุ้ม แน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่กลางอากาศ แต่นอกจากนี้ ศพเหล่านั้นยังมีจุดที่เหมือนกัน…
คือพวกมันล้วนเป็นเพศหญิง! แถมยังไม่ได้ใส่กางเกงไว้อีกด้วย …
ถึงแม้อยู่ห่างกันมากจนมองเห็นอะไรได้ไม่ชัด แต่แค่จินตนาการถึงภาพดังกล่าว ก็ทำให้ทุกคนปากอ้าตาค้างได้แล้ว…
“ทุกคนคิดไปในทางที่ดีดีกว่า ไม่แน่ว่ามันอาจอยากใช้วิธีนี้ทำเนื้อตากแห้งก็ได้นะ…” ซย่าน่าบอก
“แบบนั้นเรียกว่าคิดในทางที่ดีแล้วหรอ?” มู่เฉินพูดจบ ก็พลันกัดฟันกรอดกำหมัดแน่น “พวกเราทำลายที่นี่ให้สิ้นซากกันเถอะ ชิท ไอ้แมงมุมยักษ์ตัวนั้นมันโรคจิตเกินไปแล้ว! ใช่สิ ยังมีซอมบี้ตัวนั้นอีก! ในเมื่อพวกมันร่วมมือกัน แสดงว่ามันก็ต้องมีส่วนผิดเหมือนกัน! บางทีที่อำเภอหลีหมิงถูกกวาดล้างอย่างง่ายดาย อาจเป็นเพราะมันด้วยก็ได้”
“เรื่องนี้ฉันเห็นด้วย ถึงจะพูดว่าอำเภอหลีหมิงถูกกวาดล้าง แต่ความจริงซอมบี้ที่มีระดับสูงหน่อยกับคนเป็นๆ ทั้งหมด ถูกจับมารวมไว้ที่นี่ทั้งหมด จุดจบของมนุษย์พวกนายก็เห็นแล้ว หลักๆ แล้วแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือจับมากลายพันธุ์เป็นซอมบี้ เพื่อเป็นอาหารให้แมงมุม อีกหนึ่งกลุ่มถูกนำตัวมาที่นี่ เพื่อเป็นจานเพาะเชื้อพลังจิต ส่วนจะคัดเลือกอย่างไรนั้น ฉันคิดว่าซอมบี้ตัวนั้นคงเป็นฝ่ายตัดสินใจ มันเล็งเห็นพี่หลิงได้อย่างรวดเร็ว แสดงว่ามันก็ต้องเลือกคนที่มีคุณสมบัติทางพลังจิตค่อนข้างใช้ได้จากในหมู่คนเหล่านั้น” ซย่าน่าบอก
“ที่บอกว่าคุณสมบัติค่อนข้างใช้ได้ ความจริงก็คือพลังจิตตานุภาพต้องแกร่งพอ และมีสมาธิแน่วแน่สินะ” เฮยซือเสริม
“ถ้าอย่างนั้น เหล่าคนที่ถูกเลือกมาที่นี่ก็ล้วนเป็นเด็กเรียนหัวกะทิน่ะสิ?” เย่ไคเบิกตากว้าง พลางถาม
“ถ้าอย่างนั้นฉันน่าจะปลอดภัยแล้วล่ะ…” อวี๋ซือหรานยกมือแล้วบอก
“ดูเหมือนว่าฉัน…ก็จะปลอดภัยเหมือนกัน” สวี่ซูหานครุ่นคิดอย่างจริงจัง แล้วพยักตาม
“เดี๋ยวๆ นี่ไม่ใช่รายการคัดเลือกเด็กเรียนหัวกะทิซักหน่อยนะ? มีงานอีกมากมายที่ต้องใช้สมาธิเหมือนกัน…จะว่าไปแล้วทำไมพวกเธอถึงได้โยงมาถึงเรื่องนี้ได้ล่ะ?” หลิงม่อตบหน้าผากอย่างเอือมระอา “ถ้าอย่างนั้น จุดจบของซอมบี้พวกนั้นก็ถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มแบบนี้เหมือนกันหรอ? ตัวที่ระดับวิวัฒนาการสูงหน่อย โดยเฉพาะพวกที่มีวิวัฒนาการด้านสติปัญญาที่ค่อนข้างสูง ก็จะถูกนำตัวมาที่นี่ ส่วนที่เหลือก็ถูกเอาไปเป็นอาหาร หรือไม่ก็เหลือไว้ทำหน้าที่กัดคน…”
จางซินเฉิงถอนหายใจ “ไม่ว่าจะจุดจบแบบไหน สุดท้ายก็ล้วนน่าอนาถไม่แพ้กัน…”
“จะว่าไปแล้ว ที่นี่ดูเหมือนจะมีแต่ศพนะ…ผลงานสำเร็จอยู่ที่ไหนล่ะ?” หลี่ย่าหลินโพล่งถามอย่างสงสัย
ทุกคนต่างพากันเงียบไปชั่วขณะ หลิงม่อถือไฟฉายสาดส่องไปรอบๆ สุดท้ายก็มุ่งเป้าสายตาไปที่เพดานข้างบน…
“ทุกคนคิดว่าจุดที่ถูกมองข้ามได้ง่ายที่สุด แต่ในขณะเดียวกันแมงมุมยักษ์ตัวนั้นต้องสนใจเป็นพิเศษแน่นอน คือตรงไหน?”
คนที่เหลือพากันเงยหน้าช้าๆ พร้อมกับใบหน้าครุ่นคิด…
“บอกไว้ก่อนนะ ผมยังโสด” จางซินเฉิงพลันถอยหลังหนึ่งก้าว “ผมไม่มีทางยอมเสียสละการใกล้ชิดกันอย่างลึกซึ้งครั้งแรกของผมไปอย่างนี้แน่ๆ…ดังนั้น ให้ตายยังไงผมก็ไม่ไป”
“ฉันอาจจะตกใจในระหว่างนั้นจนเผาทุกอย่างไหม้เกรียมก็ได้…” อวี่เหวินซวนพูดขึ้น “ตอนนี้มองขึ้นไปยังเป็นภาพโมเสค แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ท่อนล่างของพวกเธอชัดเจนขึ้น ความเร็วของฉันก็จะกลายเป็น 0 ทันที…”
“ฉันไปก็ได้นะ” เฮยซือเสนอตัวอย่างกล้าหาญ ท่าทางกระดี๊กระด๊า
แต่เมื่อทุกคนมองไปที่ใบหน้าไร้เดียงสาของเธอ กลับพากันเผยสีหน้าแหยเกออกมา…
“โอเคๆ ฉันรู้แล้ว…ฉันไปเอง” หลิงม่อถอนใจ พลางพูดขึ้น
“ไส้กรอก ระวังตัวด้วย นายไม่รู้หรอกว่าความจริงแล้วมีก้นคู่ไหนที่ยังไม่ตาย” อวี๋ซือหรานกลับสำทับเสริมหนึ่งประโยค ทว่าพอหลิงม่อหันมาเห็นสีหน้ากลั้นหัวเราะของเธอ เขาก็ตระหนักได้ว่าความจริงเธอกำลังหวังจะให้เกิดเรื่องแบบนั้นอยู่ต่างหาก…ไม่แน่ว่าตอนนี้เธออาจเริ่มจินตนาการและเริ่มทายว่าก้นคู่ไหนกันแน่ที่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมา…
“ฟู่วว…”
หลิงม่อสวมหน้ากาก และสวมแว่นสำหรับกลางคืน จากนั้นก็ตบมือสองสามที เตรียมพร้อมเคลื่อนไหว
เพราะคำนึงถึงน้ำหนักของตัวเขาซึ่งศพเหล่านั้นไม่น่าจะรับไหว ดังนั้นหลิงม่อจึงเลือกใช้เสี่ยวเฮย…
เมื่อหนวดสัมผัสโอบรัดรอบตัวเขา ร่างหลิงม่อพลันลอยเหนือพื้น และค่อยๆ เข้าใกล้เพดานอย่างช้าๆ
ยิ่งเข้าใกล้ศพเหล่านั้น ภาพที่หลิงม่อเห็นก็ยิ่งชัดเจนขึ้น…
ท่ามกลางคลองสายตาสีเขียว หลิงม่อเห็นต้นขา รวมถึงบั้นท้ายสีเขียวมากมาย…
“ตามคาด…พอใส่แว่นแล้วมอง ทำให้รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย…” หลิงม่อลอบดีใจ
ทว่าในตอนนั้นเอง ท่ามกลางบั้นท้ายสีเขียวมากมายเหล่านั้น มีตัวหนึ่งกำลังหันมาช้าๆ…
“เอาล่ะ…” หลิงม่อลอยขึ้นสูงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็อยู่ในระดับเดียวกับศพศพหนึ่ง เขาหยุดลอยตัวขึ้นไปอย่างระมัดระวัง แล้วมองไปรอบๆ “การควบคุม” ของเสี่ยวเฮยทำให้เขาสามารถหยุดอยู่กลางอากาศได้อย่างมั่นคง และยังสามารถเคลื่อนไหวในช่องว่างระหว่างศพเหล่านี้ได้อีกด้วย มองจากข้างล่างศพเหล่านี้อาจเหมือนถูกห้อยไว้แน่นขนัด แต่ความจริงเมื่อมาถึงข้างบนนี้ ก็จะค้นพบว่าระหว่างศพพวกนี้ยังเหลือช่องว่างกว้างประมาณ 1 เมตร
ศพพวกนี้ล้วนเป็นผู้หญิงอย่างที่คิดไว้จริงๆ ด้วย ซ้ำยังมีลักษณะเด่นเหมือนกันหมด ก็คืออายุไม่มาก…หากดูจากดวงตาอย่างเดียว ซอมบี้มีจำนวนเยอะกว่า มีมนุษย์อยู่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น อีกทั้งร่างกายหลายส่วนมีร่องรอยเสียหายจากการถูกกัดแทะ
หลิงม่อเพิ่งจะหมุนกาย ก็พลันเผชิญหน้ากับซอมบี้หญิงตัวหนึ่งพอดี เขาเหลือบมองลงข้างล่างโดยไม่ทันตั้งตัว ทว่าไม่นานก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว พลางพูดเสียงเบา “ขอโทษที…มันตอบสนองโดยอัตโนมัติน่ะ…วางใจ ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น…”
เขารักษาระดับสายตาไว้ในแนวระนาบ จากนั้นจึงค่อยมองไปข้างหลังศพ ขณะเดียวกันร่างกายก็เคลื่อนไหวไปข้างหน้าอย่างนิ่มนวล
ทว่าสิ่งที่หลิงม่อไม่ทันสังเกตคือ ท่ามกลางต้นขามากมายที่กำลังห้อยต่องแต่งนั้น มีต้นขาคู่หนึ่งกำลังค่อยๆ เคลื่อนเข้าใกล้เขา…
“พวกเธอว่าพี่หลิงจะเจอผลงานสำเร็จไหม?” ซย่าน่าทอดมองจากข้างล่าง พลางถาม
“ไม่รู้สิ…แต่ถ้าหากมีผลงานสำเร็จอยู่จริงๆ ฉันว่ามันต้องฉลาดมากแน่ๆ” เฮยซือคาดเดา
เย่เลี่ยนกับหลี่ย่าหลิยมองตากันแวบหนึ่ง แต่ต่างคนต่างไม่พูดอะไร เพียงแต่เงยหน้ามองข้างบนเงียบๆ…