ตอนที่ 136

The Strongest Hokage

ณ หมู่บ้านโคโนฮะ

ข่าวที่น่าประหลาดใจจากสนามรบได้ส่งมาถึง สภาสูง ของหมู่บ้าน

วินาทีแรกที่พวกเขาได้รับข้อมูล ผู้อาวุโสทั้ง 4 ของโคโนฮะ ต่างก็ตกใจและไม่อยากเชื่อในข้อมูลที่ได้รับมา พวกเขาคิดว่ามันไม่มีทางเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!

หลังจากที่พวกเขาตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างละเอียดแล้ว ปฏิกิริยาของพวกเขาก็เปลี่ยนจากการไม่เชื่อไปเป็นความตกใจถึงขีดสุด

ในที่สุด ทั้ง ซารุโทบิ และ ดันโซ ก็จัดการประชุมสภากับผู้อาวุโส 2 คน คือ อุทาทาเนะ โคฮารุ และ มิโตคาโดะ โฮมุระ เพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องของ ไนโตะ

ชั้นบนสุดของสำนักงาน โฮคาเงะ

ห้องขนาดเล็กที่อยู่ชั้นบนสุด และใช้สำหรับจัดการประชุมที่สำคัญเท่านั้น

มีเพียงคนระดับสูงสุดในหมู่บ้านเท่านั้นที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมระดับสูงเหล่านี้ได้ และ ฮาตาเคะ ซาคุโมะ ก็เป็นคนระดับสูงสุดในหมู่บ้านเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสเท่านั้นจึงจะมีสิทธิเข้าร่วมการประชุมสภา เพราะพวกเขาเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในโคโนฮะ

“พวกท่าคิดยังไงกับ ไนโตะ ?”

ซารุโทบิ เริ่มต้นการสนทนาด้วยคำถามนี้ ความตกใจยังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขาและน้ำเสียงของเขาก็ยังมีร่องรอยของความตกใจอยู่

“เขาทำภารกิจได้สมบูรณ์แบบตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นภารกิจลอบสังหาร ภารกิจสอดแนม หรือแม้แต่การต่อสู้ในสนามรบก็ตาม เขาสามารถทำหน้าที่ของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบและพลังของเขาก็แข็งแกร่งมาก…”

การแสดงออกของ ดันโซ นั้นเยือกเย็นมาก แต่ดวงตาของเขาก็เผยให้เห็นถึงความตกใจของเขา เขาไม่คิดว่า ไนโตะ จะทำแบบนั้นในสนามรบ

มันน่าเหลือเชื่อ!

อุทาทาเนะ นั่งเงียบอยู่นาน จากนั้นเธอก็พูดขึ้นมาอย่างช้า ๆ “ตามที่ ดันโซ ได้พูดไว้ บทบาทในสนามรบของ ไนโตะ นั้นสำคัญมาก การมีอยู่ของเขาทำให้เหมือนกับเรามีอาวุธสงครามไว้ในมือ แต่เขาจะต้องถูกควบคุมเหมือน พลังสถิตร่าง”

ซาคุโทบิ ได้ยินทั้งความคิดเห็นของ ดันโซ และ อุทาทาเนะ จากนั้นเขาก็หันไปทาง มิโตคาโดะ และพูดว่า “แล้วท่านละ คิดว่ายังไง มิโตคาโดะ ?”

“ฉันเชื่อว่าในตอนนี้ ไนโตะ นั้นสำคัญกว่ามากกว่า พลังสถิตร่าง เสียอีก แต่ฉันคิดว่าเราไม่ควรควบคุมเขาไว้เหมือน พลังสถิตร่าง เพราะเราต้องการพลังของเขาในสนามรบ”

เมื่อ ซารุโทบิ ได้ยินคำพูดนี้ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นด้วยเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็พยักหน้าและคิดว่านี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด

เมื่อเห็นท่าทางของ ซารุโทบิ ดันโซ ก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า “นี่ ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?! เพียงแค่ส่งเขาให้ฉัน แล้วฉันจะทำให้เขากลายเป็นอาวุธสงครามที่สมบูรณ์แบบเอง!”

การที่ ดันโซ พูดออกมาแบบนี้ แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของเขาอย่างชัดเจน เขากำลังวางแผนบางอย่างอยู่

ซารุโทบิ จ้องไปที่ ดันโซ อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นในที่สุด เขาก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันคิดว่าความคิดของ มิโตคาโดะ เป็นทางออกที่ดีที่สุด และฉันก็เห็นด้วย”

“ฉันถาม ซาคุโมะ แล้ว เขาบอกว่า ไนโตะ สามารถเติบโตได้มากกว่านี้ หากได้ความช่วยเหลือขากเขา ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องควบคุมเขา เพราะตอนนี้เขายังอยู่ภายใต้การควบคุมของเราอยู่”

ดันโซ ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “แล้วถ้าปีศาจน้อยของท่านแข็งแกร่งขึ้นมากกว่านี้ แล้ว ซาคุโมะ จะหยุดเขาได้ไหมละ?”

“พัฒนาการของเขานั้นรวดเร็วมาก เขาทำให้เราประหลาดใจได้ทุก ๆ ครั้ง ถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้วเราจะทำอย่างไร?? มันจะเป็นเขาหรือพวกเรา ที่เป็นอันตราย!!”

คำพูดของ ดันโซ ทำให้ ซารุโทบิ ขมวดคิ้วเล็กน้อย

แต่ในที่สุด ซารุโทบิ ก็จ้องไปที่ ดันโซ ด้วยสายตาที่แข็งกร้าวแล้วพูดอย่างจริงจัง “ถ้าเขาแข็งแกร่งจน ซาคุโมะ หยุดเขาไม่ได้ ฉันจะเป็นคนหยุดเขาเอง!”

เมื่อฟังคำพูดของ ซารุโทบิ ทันใดนั้น ดันโซ ก็หยุดพูด

ดันโซ พร้อมที่จะงัดข้อกับ ซารุโทบิ ได้ทุกเมื่อ แต่คำพูดเหล่านั้นของ ซารุโทบิ ทำให้หน้าผากของ ดันโซ เต็มไปด้วยเหงื่อ

อำนาจของ ซารุโทบิ ทำให้ ดันโซ ไม่กล้าเถียง ยิ่งกว่านั้นเขารู้สึกกลัวมากจนเขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก

“นอกจากนี้ เราก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ไนโตะ จะแปรพรรคไปจากเราจริง ๆ หรือไม่ แต่ ดันโซ…ฉันกังวลเกี่ยวกับท่านมากกว่า…ดูเหมือนท่านจะกระตือรือร้นมากที่จะควบคุม ไนโตะ ให้ได้มากกว่าสิ่งใดเสียอีก”

“และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้ยินเรื่องแบบนี้ ฉันได้ยินมาว่าท่านต้องการควบคุม พลังสถิตร่างคนใหม่ ด้วยเช่นกัน ท่านกำลังวางแผนทำอะไรอยู่ลับหลังเราอยู่กันแน่?”

ใบหน้าของ ดันโซ แสดงออกถึงความตกใจอย่างชัดเจน ที่จริงแล้ว เขากำลังค้นหาวิธีในการควบคุม พลังสถิตร่างคนใหม่ อยู่ แต่เขาก็ไม่รู้ว่า ซารุโทบิ รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

มีคนทรยศใน หน่วยราก ของเขาอย่างนั้นเหรอ?

นั่นเป็นไปไม่ได้!

“เอาละ ๆ พลังสถิตร่าง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก มันก็ไม่แปลกที่ ดันโซ จะให้ความสนใจกับเรื่องนี้”

อุทาทาเนะ พยายามพูดเพื่อปกป้อง ดันโซ

อีกด้านหนึ่ง มิโตคาโดะ ก็มองไปที่ ดันโซ แล้วพูดว่า “อย่างไรก็ตาม การแสดงความสนใจมากขนาดนี้ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ ซารุโทบิ จะสงสัย ฉันหวังว่าท่านจะไม่ทรยศเราใช้ไหม ดันโซ”

ดันโซ เงียบ

ซารุโทบิ ยืนขึ้น จากนั้นก็มองไปที่ ดันโซ และพูดว่า “การประชุมจบแล้ว”

มันเป็นความจริงที่ ดันโซ เป็นหนึ่งในคนระดับสูงของ โคโนฮะ และเขาก็มีอำนาจในมืออยู่มาก แต่เมื่อพูดถึงผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้าน มันจะไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ซารุโทบิ และเพราะ ดันโซ มักจะประดาบกับ ซารุโทบิ อยู่บ่อยครั้ง เขาจึงรู้ว่าไม่สามารถก้าวก่าย ซารุโทบิ ไปได้มากกว่านี้

 

 

 

 

เหมือนเรื่องราวในการ์ตูนที่ ดันโซ ได้ร่วมมือกับ โอโรจิมารุ เพื่อทำให้ โอโรจิมารุ ได้เป็น โฮคาเงะ รุ่นที่ 4 และนั้นคือสิ่งที่คุกคาม ซารุโทบิ

ดันโซ มักจะรู้สึกว่า โอโรจิมารุ มีด้านมืดมากเกินไป และไม่เหมาะที่จะเป็น โฮคาเงะ ดังนั้น ดันโซ จึงโต้แย้งแผนการของ โอโรจิมารุ มาโดยตลอด

สิ่งนี้ทำให้ความเกลียดชังในหัวใจของ ดันโซ เพิ่มมากขึ้น จนในที่สุดเขาก็วางแผนเพื่อจัดการลอบสังหาร ซารุโทบิ แต่สุดท้ายแผนของเขาก็ล้มเหลว

ท้ายที่สุดแล้ว ซารุโทบิ ไม่เคยคิดถึงเรื่องส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย เขาคิดถึง หมู่บ้านโคโนฮะ ก่อนเสมอ เพราะหมู่บ้านมีความสำคัญมากกว่าสิ่งใด แม้แต่ตัวเขาเองก็ต้องยอมลืมความบาดหมางและให้อภัย ดันโซ เพราะ ดันโซ มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อหมู่บ้าน ดังนั้นเขาจึงมอบอำนาจให้กับ ดันโซ และมอบหมายให้ ดันโซ จัดการกับภารกิจด้านมืดของหมู่บ้าน ในมุมของ ซารุโทบิ แล้ว ประโยชน์ที่ได้นั้นมีมากกว่าข้อเสีย

……

การต่อสู้ที่เด็ดขาดระหว่าง โคโนฮะ กับ อิวะ ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากทั่วทั้งโลกนินจาแห่งนี้

แม้แต่ หมู่บ้านคุโมะ ที่ไม่ได้เข้าร่วมใน มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 นี้ และ หมู่บ้านคิริ ที่อยู่ไกลออกไปทางทะเล ก็มีความกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับสงครามครั้งนี้

และเมื่อข่าวถูกกระจายออกไป มันทำให้โลกแห่งนินจาต้องสั่นสะเทือน

โลกทั้งใบสั่นไหว!

เมื่อ นินจาอิวะ ที่รอดชีวิตมาได้การต่อสู้ครั้งนั้น ถูกถามถึงเรื่องของ ไนโตะ พวกเขาแทบจะพูดอะไรไม่ออกและพวกเขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้โดยที่ร่างกายของพวกเขาไม่สั่น!”

ไนโตะ คือฝันร้ายของพวกเขา!

ภาพนั้นได้ตามหลอดหลอนพวกเขาอย่างแท้จริง ภาพร่างกายของชายคนหนึ่งที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือดที่วิ่งเข้าสนามรบและฆ่าทุกคนที่เป็นศัตรูของเขาโดยที่ไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้!

หน่วยลับ ชื่อรหัส ยูจิน ได้หายไปในความมืด

และกำเนิดใหม่เป็น ไนโตะ ผู้มีฉายาว่า มนุษย์ครึ่งเทพแห่งสงคราม ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ !!

(Konoha’s Ashura the Demigod of War)

นี้คือฉายาที่พวกเขาใช้เรียก ไนโตะ และยังมีฉายาอื่น ๆ อีกมากมาย เช่น ยมทูต หรือแม้แต่ ฮาเดส เทพแห่งความตาย!!

นอกจากเรื่องของ ไนโตะ แล้ว เรื่องราวของ ซาคุโมะ ที่ตัดแขน นินจาระดับสูงของอิวะ ได้ ก็มีชื่อเสียงมากเช่นกัน

ฉายาที่พวกเขาเรียก เป็นฉายาเดียวกับที่เขาได้รับในการ์ตูน

ทั้งคู่ ได้รับชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

ผู้ประกอบพิธีกรรมสีเลือดแห่งโคโนฮะ! และ เขี้ยวสีขาวแห่งโคโนฮะ!

2 ฉายา , 2 นินจาที่ใช้วิชาดาบ ที่จะทำ โคโนฮะ ไปสู่ชัยชนะใน มหาสงครามโลกนินจาครั้งที่ 2 !

ณ ตอนนี้ ไนโตะ มีชื่อเสียงมาก

แม้แต่ตัว ไนโตะ เอง ก็ไม่คิดว่าเขาจะโด่งดังถึงขนาดนี้ แม้ว่าจะเป็นก่อนที่จะมีคนรู้จัก 3 นินจาในตำนานของโคโนฮะ ก็ตาม

ความแข็งแกร่งของเขาอาจยังไม่ถึงระดับที่เขาควรจะมีชื่อเสียง แต่สิ่งที่เขาได้ทำในสงครามครั้งนี้ ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งโลก

หมู่บ้านโคโนฮะ

ในที่สุด มินาโตะ ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและกลายเป็น จูนิน ตอนนี้เขากำลังเตรียมตัวเพื่อไปรับภารกิจ จากนั้นเขาจึงเดินตรงไปยัง ห้องประชุมภารกิจ

เมื่อ มินาโตะ เปิดประตูเข้ามาในห้อง แต่นินจาทุกคนในห้องนั้นก็ไม่ได้สนใจการมาถึงของ มินาโตะ เลย เพราะพวกเขายังคงตกใจอยู่กับข่าวของสงครามที่เพิ่งมาถึงพวกเขา

“ไม่น่าเชื่อ!”

“มันเป็นไปได้ยังไง?”

“ไนโตะ…ไม่สิ…ท่านไนโตะ แข็งแกร่งมาก!”

นินจาหลายคนกำลังพูดคุยกันถึงข่าวนี้ มินาโตะ ไม่รู้ว่าทำไม นินจาผู้รับผิดชอบ ถึงปล่อยให้เขายืนรออยู่ตรงหน้าโต๊ะรับภารกิจแบบนี้ แต่ทันทีที่เขาได้ยินชื่อของ ไนโตะ เขาก็แสดงความประหลาดใจออกมา

เขาอยากรู้ว่ามีอะไรเกี่ยวกับ ไนโตะ เขาจึงถามไปว่า “เกิดอะไรขึ้นกับ ไนโตะ งั้นเหรอครับ?”

หนึ่งในนินจาผู้รับผิดชอบเงยหน้าขึ้นแล้วหันมามอง มินาโตะ และเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่แปลกใจว่า “นี้นายยังไม่ได้ยินข่าวนี้เลยเหรอ?!”

“พวกนายหมายถึงอะไร? ได้ยินข่าวอะไร?”

มินาโตะ ดูสับสนมาก