บ่วงวิวาห์ ภรรยาตราบาป พันธะร้าย เจ้าสาวสีดำ บทที่ 413

เมื่อเอโลอิสพูดแบบนั้น เจเรมี่และฌอนหันไปมองที่เธอพร้อมกัน

ถึงแม้ว่ามาเดลีนจะบอกกับทุกคนว่า เลน ซามูเอล เป็นปู่ของเธอ แต่มันก็ชัดเจนที่ว่าเขาไม่ใช่ปู่ที่แท้จริงของมาเดลีน

ทำไมเอโลอิสรู้จัก เลน ซามูเอล ได้ล่ะ?

“คุณเคยเห็นชื่อของบุคคลนี้ที่บ้านงั้นเหรอ?” ฌอนเองก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นญาติหรือคนรับใช้แม้กระทั่งเพื่อนเขาเองก็ตาม เขามั่นใจว่าไม่มีคนที่ชื่อ เลน ซามูเอล อย่างแน่นอน

เอโลอิสพยักหน้ายืนยันอย่างมั่นใจ “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับไดอาน่า!”

“ไดอาน่า?” เจเรมี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เธอเป็นแม่บ้านของเรา เธอทำงานให้เราตั้งแต่ตอนที่เธออายุ 20 กว่า ๆ รวมมาถึงตอนนี้ก็ 32 ปีแล้ว” เอโลอิสอธิบาย

“เพราะชื่อเต็มของไดอาน่าคือ ไดอาน่า ซามูเอล นามสกุลของเธอคือ ซามูเอล…” เมื่อมาถึงการคาดเดาในตอนนี้แล้ว ภาวะจิตใจของเอโลอิสก็ค่อย ๆ กระวนกระวายมากขึ้นเป็นเพราะเรื่องบางอย่างที่กำลังคาดเดาได้ปรากฏขึ้นในใจของเธอค่อนข้างจะชัดขึ้น

“ฌอน เป็นไปได้ไหม… เราต้องกลับไปถามให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้!”

เอโลอิสรีบดึงฌอนขึ้นแล้วหันหลังเตรียมตัวออกจากสุสาน

เจเรมี่เหลือบมองที่ป้ายหลุมศพ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคู่สามีภรรยาที่รีบเดินตามไป ปมมากมายที่เขาสงสัยที่เคยมีในหัวใจของเขาถูกสรุปเอาไว้แล้ว

เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมนและเห็นเพียงแสงที่ส่องผ่านเมฆสีดำ

พระเจ้าไม่เคยเพิกเฉยต่อเขาอย่างแท้จริง

……

ทั้งเอโลอิสและฌอนมีอารมณ์โกรธในระหว่างทางที่เดินทาง

ทันทีที่เอโลอิสเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นเมื่อมาถึงบ้าน ไดอาน่าได้ถือชามซุปออกมา

“คุณผู้หญิง กลับมาทันเวลาพอดีฉันพึ่งทำซุปเสร็จ ฉันต้องขออภัยเป็นอย่างมากที่ทำร้ายคุณครั้งล่าสุดเพราะผู้หญิงเลวร้ายคนนั้น” ไดอาน่าเอ่ยขอโทษอย่างจริงใจ แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะโยนความผิดพวกนั้นไปให้มาเดลีน

เอโลอิสอยากจะเอ่ยถามเธอออกไปตรง ๆ แต่เมื่อเห็นไดอาน่าขอโทษอย่างจริงใจพร้อมกับหน้าสำนึกผิดทำให้เธอสงบลง แล้วยิ้มออกมา

“ฉันรู้ดีว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ เธอเองอยู่กับฉันมานานฉันรู้ดีว่าเธอเป็นไง แต่ไม่ว่าจะเป็นมาเดลีน หรือวีล่า พวกเธอไม่ใช่ผู้หญิงเลวร้ายอย่างที่เธอคิด”

ดวงตาของไดอาน่ากลายเป็นดุร้ายทันที “หมายความว่าไงกันคะ วีล่าคนนั้น? ผู้หญิงคนนั้นคือมาเดลีนคนร้ายกาจคนนั้นอย่างแน่นอน คุณอย่าหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ สิคะ คุณผู้หญิง คุณผู้ชาย! ผู้หญิงจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตคนนั้นเป็นคนฆ่าบริทนีย์ เธอน่าจะตายไปได้ตั้งนานแล้วทำไมเธอถึงยังมีชีวิตอยู่อีก!”

ได้ยินดังนั้นสีหน้าของเอโลอิสกลับมืดครึ้ม พวกเขายอมไม่ได้เลยที่จะให้ใครมาใส่ร้ายลูกสาวอันมีค่าของพวกเขาขนาดนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาเดลีนเป็นคนที่บริสุทธิ์ในเรื่องนี้จริง ๆ

ในการตายของบริทนีย์ได้รับการพิสูจน์โดยพยานและหลักฐานแล้วว่ามาเดลีนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องที่เกิดขึ้น

ถึงแม้ว่าเธอกำลังไม่พอใจอย่างมาก แต่เอโลอิสเลือกที่จะสงบและระงับอารมณ์ของตัวเองเอาไว้เพื่อให้บทสนทนาได้เดินต่อไปอย่างราบรื่น “ไดอาน่า ดูเหมือนว่าเธอจะรักบริทนีย์มากบางทีก็อดเปรียบเทียบตัวฉันกับเธอในฐานะความเป็นแม่ไม่ได้จริง ๆ”

ใบหน้าของไดอาน่ามีรอยยิ้มที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความรักในทันทีทุกครั้งที่เอ่ยถึงบริทนีย์

“ฉันเลี้ยงคุณบริทนีย์ตั้งแต่ครั้งที่เธอยังเป็นเด็กน้อยวัยไร้เดียงสา เป็นเรื่องที่แน่นอนว่าฉันเองก็อยากมีลูกที่ทั้ง สวยและฉลาด มีกริยามารยาทที่อ่อนโย นและปฏิบัติตัวเช่นเธอ”เธอพูดในขณะที่รอยยิ้มของเธอได้หายไป ดวงตาของเธอดูชั่วร้ายมากขึ้นในขณะที่กัดฟันเอาไว้

“มาเดลีน นังผู้หญิงโหดร้ายคนนั้นทำร้ายเธออย่างรุนแรงและผู้หญิงคนนั้นแทงคุณบริทนีย์จนตาย!”

เมื่อเห็นเปลวไฟแห่งความเกลียดชังที่อยู่ในดวงตาไดอาน่าแล้ว เอโลอิสและฌอนได้ชำเลืองมองกัน “คนที่ฆ่าบริทนีย์จะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน มันจะเป็นบทลงโทษที่พวกเขาจะไม่ทำสิ่งที่โง่เขลาในการทำร้ายผู้บริสุทธิ์คนอื่นได้อีก” เอโลอิสพูดขึ้นอย่างจริงจังพร้อมกับเอามือแตะที่หลังมือไดอาน่าพร้อมยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน

“ช่วงนี้เธออารมณ์ไม่ค่อยดี กลับไปพักผ่อนที่บ้านเกิดตัวเองสักหน่อยเป็นไง? ฉันจำได้ว่าพ่อของเธออาศัยอยู่ที่นั่นใช่ไหม เขาชื่ออะไรนะ ถ้าฉันจำไม่ผิดพ่อของเธอชื่อว่า เลน ซามูเอล ใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินคำว่า ‘เลน ซามูเอล’ นัยน์ตาของไดอาน่ามีอาการตื่นตระหนกทันที

“คุณผู้หญิงคะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย คุณไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับฉันเลย ฉัน… ถ้าไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ อย่าลืมทานซุปฉันทำเอาไว้ด้วย” ไดอาน่าพูดพร้อมอาการที่ดูตกใจ ปากของเธอยังพูดติดขัดในขณะที่รีบหันหลังกลับและจับผ้ากันเปื้อนเอาไว้ด้วยสองมือที่สั่นเทา

ปฏิกิริยาที่ดูแปลกไปอย่างเห็นได้ชัดของไดอาน่า ทำให้เอโลอิสหันไปจ้องหน้าฌอนอย่างตื่นเต้น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหมายและสิ่งที่อยากจะพูดออกมา

ฌอนเองก็สังเกตเห็นถึงว่าเรื่องนี้แปลกอยู่เช่นกัน เขาจับมือเธอเอาไว้เพื่อปลอบประโลมเธอ “ใช่ เรื่องนี้มันดูแปลกจริง ๆ นั่นแหละ หล่อนดูเหมือนไม่อยากบอกความจริงกับเรา”

“แล้วฉันควรทำยังไงดี? ฉันรอไม่ไหวแล้ว!” เอโลอิสเริ่มกระวนกระวาย “ฌอน ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าลูกสาวของเราจะต้องเจอกับอะไรบ้างในตอนนั้น…”

ฌอนถอนหายใจด้วยความโกรธปะปนไปด้วยความเจ็บปวด มีบางอย่างดลใจให้เขานึกอะไรออกและรีบโทรหาเจเรมี่ทันที

เจเรมี่ที่เพิ่งเดินทางมาถึงบริษัท เมื่อรับสายฌอน เขากำลังยืนลังเลกับคำขอที่ได้ฟังเล็กน้อย

เป็นเวลาเดียวกันกับที่มาเดลีนได้เตรียมอาหารมากมายมาไว้ที่ห้องทำงานของเขา