ตอนที่ 1111 ตอนนี้ปล่อยเธอไปเถอะ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

การกระทำของตี๋หลินเทียนทำให้เหลียงหย่งอวี๋แท้งลูก

งานแต่งงานที่ควรชื่นมื่นกลับตกอยู่ในความวุ่นวายเพราะเจ้าสาว ทำให้ตระกูลตี๋ต้องอับอาย อย่างไรก็ตาม…การสูญเสียที่แท้จริงของตระกูลตี๋ยังไม่จบแค่นั้น

เพราะถึงอย่างไรตี๋หลินเทียนก็ทำร้ายเหลียงหย่งอวี๋ต่อหน้าทุกคน และตอนนี้เธอมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องเงินมากกว่าเดิม

เหลียงหย่งอวี๋ใช้ถึงหนิงเป็นชนวน หลังจากมีปากเสียงกันจนดึงความสนใจจากทุกคนได้ เธอก็เบี่ยงประเด็นเพื่อฉีกหน้าตระกูลตี๋ และกลับบ้านไปพร้อมกับเงินของพวกเขา นี่คือเจตนาที่แท้จริงของเหลียงหย่งอวี๋

ตี๋หลินเทียนได้ยินเสียงเหลียงหย่งอวี๋ร้องไห้ต่อหน้าสื่อมาจากด้านนอกโรงพยาบาล เขาอยากจะเข้าไปข้างในและเย็บปิดปากเธอเสีย หากเขารู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นคงไม่มีทางอ่อนข้อให้เธอแน่

“ตระกูลตี๋ทำร้ายร่างกายลูกสาวฉันจนตาย แล้วถังหนิงก็ยังไม่ยอมช่วยในตอนที่ฉันต้องการความช่วยเหลือ ฉันจะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อสะสางทั้งสองเรื่องนี้ค่ะ…” เหลียงหย่งอวี๋ปล่อยโฮออกมาขณะที่ตอบคำถามกับสื่อ

สถานการณ์ในตอนนี้นั้นเกินที่ตระกูลตี๋จะควบคุมได้แล้ว ถึงอย่างไรเหลียงหย่งอวี๋ก็ก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตกลางงานแต่งงานของเธอเอง!

ตระกูลตี๋มาขอโทษโม่ถิงกับถังหนิงไม่นานหลังจากนั้น “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ประธานโม่… อย่างที่คุณเห็นว่าเราถูกหักหลังและเสื่อมเสียชื่อเสียงขนาดไหน ผมหวังว่ามันจะไม่ทำให้คุณกับภรรยาต้องคิดมากเกินไปนะครับ”

“ผมมั่นใจว่าเหลียงหย่งอวี๋กล้าทำอย่างนี้เพราะมีบางคนสอนเธอ คุณควรจะจับตาดูเธออย่างใกล้ชิดนะครับ” โม่ถิงเอ่ยแนะ “คุณเองก็ต้องบอกให้ลูกชายอย่าไปอารมณ์ขึ้นเพราะเธอด้วย ไม่อย่างนั้นเขาจะมีแต่ถลำลึงลงไปในหลุมพรางของเธอ”

“ขอบคุณที่ไม่ถือโทษนะครับ ประธานโม่”

ไม่ว่าพวกเขาจะไม่พอใจกันแค่ไหน มันก็ไม่คุ้มค่าที่โม่ถิงจะเสียเวลาไปกับเรื่องอย่างนี้ โดยเฉพาะเมื่อตระกูลตี๋ถูกเหลียงหย่งอวี๋วางแผนโจมตีขนาดนี้

ถังหนิงบอกโม่ถิงให้ลืมเรื่องทุกอย่างที่งานแต่งงาน ด้วยตระกูลตี๋ได้ตกที่นั่งลำบากอย่างกลับตัวไม่ได้แล้ว

“แต่ว่าชื่อเสียงคุณนายโม่…”

“สนแค่เรื่องของครอบครัวของคุณไปเถอะครับ” พูดได้อีกอย่างคือเขากำลังจะบอกอีกฝ่ายว่าไม่ต้องเป็นห่วงผู้หญิงของเขา

ครั้งนี้ถังหนิงพลอยเดือดร้อนไปด้วยและอยู่ในจุดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทุกคนรู้ว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด แต่เหลียงหย่งอวี๋ก็ยังทำให้เธอดูเป็นคนร้ายกาจ เพียงเพราะว่าไม่ยอมรับเลี้ยงลูกสาวของตัวเอง

ไม่นานความขัดแย้งที่ถูกบิดเบือนไปเริ่มแพร่สะพัดไปทั้งวงการ ดูเหมือนว่าทุกคนจะมองมันเป็นเรื่องน่าขัน

หากแต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือการที่เหลียงหย่งอวี๋ใช้ถังหนิงกับโม่ถิงเป็นสะพานเพื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเอง!

เหลียงหย่งอวี๋กล้าดีอย่างไรมาเหยียบถังหนิงเพื่อยกระดับตัวเอง!

“คิดหาทางตอบโต้กลับหน่อยสิคะ ทุกคนกำลังหัวเราะเยาะและบอกว่าคุณเป็นแค่คลื่นระลอกแรกที่กระทบฝั่งนะคะ!” หลงเจี่ยออกอาการไม่พอใจหลังจากได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาทั้งหมด “ผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไงมาเหยียบคุณขึ้นไปหน้าด้านๆ อย่างนั้น”

“ถ้ามันเป็นวิธีที่เธอแก้แค้นฉัน งั้นเธอก็ทำสำเร็จแล้วล่ะ” ถังหนิงหัวเราะ

“ฉันไม่ชอบเรื่องอย่างนี้เลยค่ะ ไม่ชอบเลยสักนิด!”

“เธอคิดว่าตระกูลตี๋จะปล่อยให้เหลียงหย่งอวี๋มีความสุขไปอีกสักกี่วันกันล่ะ พวกเขาก็แค่รอให้กระแสเงียบอยู่ ทันทีที่ไม่มีใครสนใจเรื่องนี้ก็จะถึงเวลาจัดการเธอ” ถังหนิงเอ่ย “ตอนนี้เธออาจจะนึกภูมิใจ แต่ฉันเกรงว่าต่อไปนี้เธอจะไม่มีวันที่ได้อยู่เป็นสุขอีกแล้วน่ะสิ

“หลงเจี่ย หาโอกาสตามติดความเคลื่อนไหวของเหลียงหย่งอวี๋ไว้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้หนีออกไปจากปักกิ่ง” ถังหนิงออกปากสั่ง “บางทีเธออาจจะเดาได้แล้วว่าฉันจะทำยังไงต่อไปแล้ววางแผนจะเริ่มโจมตีก่อน!”

ถังหนิงคาดเดาได้ถูกเผง เพื่อหยุดยั้งเหลียงหย่งอวี๋ไม่ให้ทำสิ่งที่แย่ไปกว่านี้ สุดท้ายตระกูลตี๋จึงแอบเสนอเงินให้เธอเป็นจำนวนหนึ่งพันล้านหยวน

แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกว่าเธอทำเกินไป แต่การเสนอเงิน 1 พันล้านหยวนนั้นยังดีกว่าการยกทรัพย์สินของตระกูลตี๋ครึ่งหนึ่งให้เธอ

หลังจากรับเงินหนึ่งพันล้านหยวนไป เหลียงหย่งอวี๋ก็ปรากฏตัวต่อหน้าสื่ออีกครั้งและเริ่มบีบน้ำตา เธอบอกพวกเขาว่าตัวเองฝันเห็นลูกสาวและตัดสินใจตัดขาดกับตระกูลตี๋ด้วยเป็นความปรารถนาของลูกสาว ซ้ำยังกล่าวว่าเธอจะไม่เรียกร้องสิ่งใดนอกจากค่าทำขวัญเล็กๆ น้อยๆ

มันทำให้เหลียงหย่งอวี๋ดูเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งในสายตาคนภายนอก ทว่ากลับคุยโวอย่างหน้าไม่อายต่อหน้าสื่อมวลชน

“ฉันเกลียดเงินที่สุดเลยค่ะ ฉันแค่อยากจะรู้ว่ามีรักแท้ในแวดวงสังคมชั้นสูงบ้างหรือเปล่า แต่ฉันกลับต้องแพ้พนัน!

“ต่อไปนี้ฉันจะเข้าสู่วงการหนังและโทรทัศน์ด้วยเงินทั้งหมดที่ฉันมี ฉันคิดว่าผู้หญิงทุกคนควรมีหน้าที่การงานเป็นของตัวเองค่ะ”

หากแต่ทันทีที่เหลียงหย่งอวี๋ก้าวเข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ เธอก็ได้ประกาศว่าจะสร้างภาพยนตร์ชื่อว่า ความตายของมดราชินี เมื่อข่าวนี้หลุดออกมา ทุกคนก็รู้จุดประสงค์ของเธอ

[เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย นี่มันแผนการเกาะถังหนิงอีกแล้วนี่นา นังสวะนี่อาจจะตั้งชื่อหนังของเธอว่ามดราชินีสองด้วยซ้ำ]

[ถึงฉันจะไม่ได้ตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้ แต่พอคิดว่ามันจะฉายในโรงและมีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ก็ชวนให้ฉันอารมณ์เสียแล้ว!]

[คนที่มีอำนาจช่วยอนุญาตให้ถังหนิงสร้างหนังไซไฟแค่คนเดียวไม่ได้เหรอ ได้โปรดอย่างปล่อยให้นังแพศยานั่นสร้างเรื่องหายนะเลย!]

แต่ไม่ว่าสาธารณชนจะเย้ยหยันเธอเพียงใด เหลียงหย่งอวี๋ก็ยังได้รับความสนใจอย่างที่เธอต้องการ เธอรู้ว่าตัวเองกำลังมีเรื่องกับตระกูลตี๋ ดังนั้นการการปรากฏตัวต่อหน้ากล้องอยู่เป็นครั้งคราวจึงเพียงพอที่จะรับรองความปลอดภัยของเธอ ในกรณีที่คนตระกูลตี๋วางแผนล้างแค้นเธอ

อีกทั้งภาพยนตร์ของเธอมีชื่อว่าความตายของมดราชินี ถังหนิงไม่ได้เป็นเจ้าของคำว่า มดราชินี สักหน่อย การที่เธอนำมาใช้บ้างจึงไม่ใช่เรื่องผิด

ทว่าเรื่องที่ฉลาดที่สุดที่เธอทำคือการจ้างนักแสดงชื่อดังมาร่วมแสดงภาพยนตร์ของเธอ อย่างไรเสียเธอก็มีเงินทองมากมาย และยังเป็นทางเดียวที่เธอจะต่อกรกับถังหนิงได้ น่าเสียดายที่เรื่องใดๆ ก็ตามรังแต่จะทำให้ทุกคนไม่พอใจ พวกเขารู้สึกว่าถังหนิงคงดวงตกที่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับนังคนไร้สมองอย่างนั้น

ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงอยากจะสับเหลียงหย่งอวี๋เป็นชิ้นๆ!

เมื่อก่อนมีนังตัวปลอม หม่าเวยเวย ตอนนี้เหลียงหย่งอวี๋ก็โผล่มาอีก

เพียงแค่เพราะถังหนิงไม่ยอมรับเลี้ยงลูกสาวของเธอ เจ้าหล่อนก็เอาแต่ตามรังควานถังหนิงไม่เลิกรา

“คุณอยากจะเปลี่ยนชื่อภาคต่อของมดราชินีไหมคะ” หลงเจี่ยรู้สึกขยะแขยงกับชื่อภาพยนตร์ของ

เหลียงหย่งอวี๋ เธอไม่ต้องการจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับนังสวะชิ้นนี้เสียจริง

“ทำไมเราต้องเปลี่ยนชื่อหนังด้วยล่ะ ต่อให้เราเปลี่ยน เหลียงหย่งอวี๋ก็จะหาชื่อที่คล้ายกันอยู่ดี มันเลี่ยงไม่ได้หรอกนะ” ถังหนิงหัวเราะ

“ฉันรู้ค่ะ แค่รู้สึกขยะแขยงเฉยๆ น่ะค่ะ! ทุกคนต่างยอมรับหนังของคุณกันแล้ว หวังว่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลจะจัดการบางอย่างกับเรื่องนี้นะคะ!”

เมื่อมาถึงจุดนี้ โม่ถิงได้ครุ่นคิดเรื่องนี้มาเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถบังคับให้เหลียงหย่งอวี๋เปลี่ยนชื่อภาพยนตร์ได้ เขาก็มีทางทำให้ภาพยนตร์ของถังหนิงเป็นที่จดจำได้ง่าย

หากทำเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ต้องคอยกังวลว่าผู้คนจะสับสนกับภาพยนตร์ที่คล้ายกันอย่างภาพยนตร์ของเหลียงหย่งอวี๋ โดยเฉพาะในตลาดนานาชาติ!

“ผมวางแผนจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อว่า ถังฟิล์ม ขึ้นมาครับ รับผิดชอบด้านการประชาสัมพันธ์ของมดราชินี และมีสัญลักษณ์ของตัวเองในทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับตัวแทนของเรา อย่างนั้นต่อให้มีใครพยายามอาศัยชื่อของคุณ คนก็จะรู้ว่ามันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเราครับ

“ส่วนเรื่องเหลียงหย่งอวี๋ ตอนนี้ปล่อยเธอไปเถอะครับ ผมก็อยากจะเห็นว่าแผนของเราจะได้ผมแค่ไหน!”

อีกความหมายหนึ่งคือการปล่อยให้เธออยู่กับลมหายใจเฮือกสุดท้ายและมีความสุขกับวาระสุดท้ายของตัวเอง