งานสัมนาของเพรสตัน เป็นเวทีที่นักคณิตศาสตร์เกือบทุกคนใฝ่ฝันที่จะได้ไป
แต่…
หลินฟานปฏิเสธที่จะไป?
ผ่านไปไม่นานก็มีคนพูดขึ้น “หลิน…หลินฟานยังเด็กอยู่หนิ บางทีเขาอาจจะยังไม่รู้ว่าการที่ได้ไปสัมมนาที่เพรสตันคืออะไร เขาเลยปฏิเสธออกมา”
จากนั้นทุกคนในห้องประชุมก็พยักหน้าเห็นด้วย
อธิการบดีเซินเหลียงพูด “คณบดีหู คุณสามารถอธิบายให้หลินฟานเข้าใจรายละเอียดเกี่ยวกับ การสัมมนาที่เพรสตันในภายหลังได้ไหม ถ้าหลินฟานรู้ถึงความสำคัญและประโยชน์ของการได้ไปสัมมนาที่เพรสตันแล้ว บางที ฉันคิดว่า… เขาน่าจะตอบตกลงที่จะไปที่นั่นอย่างแน่นอน ”
จางหยงที่นั่งอยู่ข้างๆนั้น ก็ได้พยายามที่จะพูดออกมา
สิ่งที่เขาต้องการจะพูดคือ: หลินฟานจะไม่ยอมไปอย่างแน่นอน!
เพราะไม่นานมานี้จางหยงเองก็พึ่งจะพูดอะไรทำนองนี้ให้หลินฟานฟังเช่นกัน 
เพียงแต่ว่าตอนนี้ แค่เปลี่ยนจากการไปที่เมืองหลวง เป็นการไปสัมมนาที่เพรสตันแทนเท่านั้น
ไม่นานนัก การประชุมของวันนี้ก็เป็นอันจบลงแล้ว จากนั้นหูชวนเองก็รีบไปที่หอพัก 104 ด้วยตนเองทันที
ซงหยี่,เจิ้งจินเป่า,หม่าจง และคนอื่นๆต่างก็จ้องมองเมื่อเห็นหูชวนเข้ามา
นี่คือคณบดีของมหาวิทยาลัยของเรา!
พวกเขาจะได้เห็นหูชวนในเฉพาะวันที่มีพิธีเปิดการประชุมใหญ่ๆเท่านั้น
แต่ตอนนี้ ทำไมเขาถึงมาที่หอพักนักศึกษาของเรากัน!
จากนั้นหูชวนก็พูดขึ้น “หลินฟาน ฉันยังไม่ได้บอกนายให้ชัดเจนในสายตอนนั้น เรื่องที่องค์กรคณิตศาสตร์โลกต้องการเชิญนายให้ไปจัดงานสัมมนาในเพรสตัน”
“การสัมมนาครั้งนี้ใหญ่มาก มันแทบจะเป็นการสัมมนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้!”
“ และเมื่อถึงตอนนั้น นายก็แค่แสดงขั้นตอนการแก้ปัญหาโดยละเอียด และเผยแผร่แนวคิดปริศนาของโจวต่อหน้านักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เท่านั้นเอง!”
“ที่ผ่านมา มีชาวจีนไม่ถึง 10 คนที่เคยได้ไปจัดการสัมมนาในเพรสตัน!”
หูชวนพูดประโยคนี้ออกไปด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความตื่นเต้น
เขาตื่นเต้น ตื่นเต้นจนถึงที่สุด!
ราวกับว่าเป็นเขาเองที่กำลังจะได้ไปจัดการสัมมนาเพรสตัน
อย่างไรก็ตาม…
หลินฟานที่กำลังหาวออกมาอยู่ ก็พูดว่า “งั้นหรอ แต่ผมไม่ได้ต้องการไปที่เพรสตันเลย”
เมื่อประโยคนี้ได้พูดออกมา ก็เหมือนกับมีน้ำเย็นๆเทลงมาที่หัวของหูชวน
หม่าจง,ซงหยี่และเจิ้งจินเป่า ที่กำลังฟังอยู่ ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน
พวกเขาได้ยินไม่ผิดใช่ไหมที่หูชวนบอกว่ามีคนจีนไม่ถึง 10 คน ที่เคยได้ไปจัดการสัมมนาเพรสตัน
งั้นก็แสดงว่า ถ้าหากหลินฟานตกลงที่จะไปที่เพรสตันแล้วล่ะก็ เขาก็จะได้เป็นหนึ่งใน 10 คนนั้น!
1 ใน 10 คนของจีน!
แต่หลินฟานก็เลือกที่จะปฏิเสธออกไป!
หูชวนกังวลกับเรื่องนี้มากและเริ่มทำการชักชวนเขาอีกครั้ง
และในที่สุดหลินฟานก็หาทางออกที่เขาพอจะทำได้ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นทันที “ถ้าพวกเขาต้องการฟังบรรยายจริงๆ ก็มาฟังที่เจียงเป่ยสิ ผมจะบรรยายให้พวกเขาฟังในเจียงเป่ยเอง ถ้าหากพวกเขาไม่ต้องการจะมาที่นี่ งั้นก็ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย”
ตอนนี้หูชวนรู้สึกหมดหนทางอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าจะเกลี้ยกล่อมหลินฟานยังไงดี
หลังจากที่ฟังหลินฟานพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้องทันที
“ตืดดด!”
และทันใดนั้น โทรศัพท์ของหูชวนก็ได้มีเสียงดังขึ้นมา
ซึ่งนั่นก็คือสายเรียกเข้าจากอาจารย์ใหญ่เซินเหลียง
“หลินฟานตกลงจะไปที่เพรสตันเพื่อบรรยายหรือเปล่า” เซินเหลียงถาม
เห็นได้ชัดว่าเขาก็กังวลกับเรื่องนี้มากเช่นกัน
เพราะถ้าเขายอมไป ก็จะสามารถพูดอวดเรื่องนี้ได้ ว่าตัวแทนที่ไปบรรยายมาจากมหาวิทยาลัยเจียงเป่ยของเรา
หูชวนก็ถอนหายใจออกมาก็จะตอบ “ดูเหมือนหลินฟานจะไม่ต้องการไป”
หลังจากหยุดชั่วคราว หูชวนก็พูดต่อ “แต่หลินฟานบอกว่า ถ้าใครต้องการที่จะฟังบรรยายก็ให้มาที่เจียงเป่ยเอาเอง”
ตอนนี้เสียงในโทรศัพท์ได้เงียบไปครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นาน เซินเหลียงก็พูดขึ้นมา “อันดับแรกเลย ลองแจ้งความต้องการของหลินฟานไปยังองค์การคณิตศาสตร์โลกก่อน ถ้าหากพวกเขาเห็นด้วยก็คงเป็นเรื่องที่ดีสำหรับทางเรา”
หูชวนเข้าใจดี ว่าเซินเหลียงหมายถึงอะไร
แต่การจะให้นักคณิตศาสตร์ที่มีชื่อเสียงขนาดนั้นมาที่เจียงเป่ยในประเทศจีน คงเป็นเรื่องที่ยากเกินไป!
หูชวนพูด “ฉันจะลองแจ้งไปยังองค์กรคณิตศาสตร์โลกตามที่คุณบอก”
…………
หลินฟานเป็นกังวลอยู่พอสมควรเกี่ยวกับเรื่องที่หูชวนมาชักชวนเขาถึงที่หอพักในมหาวิทยาลัย ดังนั้นเขาจึงได้ขับรถลัมโบร์กินี่มุ่งหน้าไปยังชุมชนยี่เกอ
ณ ห้อง 2501 ที่ชุมชนยี่เกอ
ดวงตาที่สวยงามของหวงหลิงตอนนี้มีแต่สีแดงและมีน้ำตาไหลออกมาราวกับสายน้ำ
เนื่องจากวันนี้ หวงหลิงมีเที่ยวบินไปยังเกาะแห่งหนึ่ง
แต่ในขณะที่อยู่ในห้องวีไอพี ชาวเกาะที่กำลังกินไอศกรีมอยู่ก็ได้บังเอิญมาชนเข้ากับเธอ
ซึ่งมันไม่ใช่ความผิดของหวงหลิงเลย
แต่ในฐานะของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน เธอก็ต้องพูดขอโทษออกมาและทำความสะอาดเสื้อผ้าของอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง
ซึ่งตอนนั้นชาวเกาะก็ยังยิ้มให้และแสดงความเข้าใจในตัวของหวงหลิง
แต่เมื่อหวงหลิงจากไป ชาวเกาะก็ไปหาหัวหน้าสายการบินและทำการยื่นเรื่องร้องเรียนหวงหลิง
และหลังจากนั้น หัวหน้าก็มาวิพากษ์วิจารณ์ใส่หวงหลิงอย่างรุนแรง
และเพื่อตอบสนองความพึงพอใจของชาวเกาะคนนั้น หัวหน้าจึงได้ทำการยกเลิกเที่ยวบินของหวงหลิงทันที และหักเงินอีก 10% จากโบนัสของเธอในเดือนนี้ ฉิวจือเฉียนจึงลูบหลังของหวงหลิง เพื่อให้เธอรู้สึกผ่อนคลายแล้วได้พูดว่า “ชาวเกาะพวกนี้ช้างร้ายกาจจริงๆเลย! ไม่เป็นไรนะหวงหลิง ไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ” 
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้จักนิสัยของชาวเกาะพวกนี้เป็นอย่างดี
หลังจากหยุดไปชั่วคราว เธอก็ได้พูดต่อ “หวงหลิง ถ้าเรื่องเป็นอย่างนี้แล้ว เธอก็ลาออกมาเหมือนกับฉันดีกว่ามั้ย”
“ให้ฉันลาออกเหมือนกับเธองั้นหรอ ?” จากนั้น ก็ดูเหมือนว่าหวงหลิงจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
ฉิวจือเฉียนพยักหน้าแล้วพูด “เธอเองก็ประทับใจในตัวของหลินฟานไม่ใช่หรอ ถ้าอย่างนั้นก็แค่… ”
“แต่งงานและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
“บางทีในอนาคต ถ้าเธอยังทำงานอยู่ที่นั่น เธอก็อาจจะเจอกับคนที่เธอรักมาก และก็อาจจะมีแรงบันดาลใจในการทำงานเก็บตังเอาไว้ก็จริง”
“แต่กว่าจะถึงวันที่มีเงินมากมายขนาดนั้น ตอนนั้นเธอก็คงจะแก่แล้วล่ะ แล้วเธอจะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะไม่ทิ้งเธอไป………… ”
ฉิวจือเฉียนจับมือของหวงหลิงและพูดคุยอยู่เป็นเวลานาน
และสุดท้ายฉิวจือเฉียนก็พูดว่า “หวงหลิง เธอคิดว่ายังไงบ้าง”
หวงหลิงได้กัดริมฝีปากล่างของเธอเบา ๆ
แต่หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดเธอก็ได้พยักหน้าลงเบาๆ
“พรึบ!”
ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดมาเข้า
และหลินฟานก็ได้เดินเข้ามาข้างในบ้าน
ตแนนี้ หวงหลิง, ฉิวจือเฉียนและหลินฟานได้มองหน้ากันไปมา
หวงหลิง ดูเหมือนกำลังคิดที่จะทำสิ่งไม่ดี และใบหน้าที่สวยงามของเธอก็แดงขึ้นทันที
ฉิวจือเฉียนไม่ได้คิดอะไรมาก จากนั้นเธอก็จับมือของหวงหลิงแล้วเดินไปหาหลินฟานอย่างช้าๆ และได้วางมือของหวงหลิงไว้บนมือของหลินฟาน
ซึ่งในคืนนั้น
ก็เกิดปรากฏการณ์แผ่นดินไหวบนเตียงอย่างรุนแรง