ตอนที่ 154 ขอให้คุณมีความสุข

ระบบอัจฉริยะที่ไม่มีใครเสมอเหมือน

คำพูดของ จ้าว เหมิ่งชี เจือไปด้วยความเจ็บปวดและความเสียใจ เธอเคยลองส่งข้อความถึงเขามาก่อน แต่เสี่ยวหลัวเขาก็ไม่เคยตอบกลับมาเลย เขาไม่สนใจเธอเลยราวกับว่าเธอเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกัน มันไม่มีทางเลยที่เธอจะสามารถกลับมาอยู่ข้างกายเขาได้

หม่า หลินเจ๋อ ถอนหายใจออกมาด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดปลอบอย่างไร

ทันใดนั้นประตูต้อนรับลูกค้าก็เปิดออก จ้าว เหมิ่งชี และ หม่า หลินเจ๋อ ก็ต่างพากันตกตะลึงเมื่อเห็นเสี่ยวหลัว เดินออกมาพร้อมกับเจ้าของร้าน ซุน เจียนอัน ซึ่งเจ้าของร้านกำลังเดินพาเสี่ยวหลัวไปที่ทางออก

“เสี่ยว…เสี่ยวหลัว เขามาทำอะไรที่นี่?” หม่า หลินเจ๋อ คิดกับตัวเอง และอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ

จ้าว เหมิ่งชี ตกตะลึงอย่างถึงที่สุด ปากของเธอเปิดออกเล็กน้อย เธอยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม และจ้องมองไปที่เสี่ยวหลัวอย่างว่างเปล่า

เสี่ยวหลัว กำลังเดินใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามายิ่งขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะที่ เสี่ยวหลัว กำลังเดินเข้ามาใกล้ เธอก็เริ่มรู้สึกกังวลใจมากขึ้น และเธอรู้สึกว่าอัตราการเต้นของหัวใจของเธอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะถึงจุดที่หัวใจของเธอแตกออก ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความวิตกกังวล และเธอรู้สึกว่าหน้าอกของเธอแน่นจนหายใจแทบไม่ออก

เสี่ยวหลัวเดินผ่าน จ้าว เหมิ่งชีไป เขาไม่เห็นเธอ เพราะว่ามี หลี่ จื่อเมิ่ง ที่เดินอยู่ขนาบทางซ้ายของเขา และร่างของ หลี่ จื่อเมิ่ง ก็ได้ขวางทางสายตาของเขา เสี่ยวหลัวเขาอยู่ที่นั่นเพื่อตรวจสอบร้านค้าและไม่ได้สนใจลูกค้ามากนัก

“ประธานเสี่ยว ไม่ต้องกังวล ฉันจะศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับทฤษฎี 5S อย่างแน่นอน และจะนำมันไปปรับใช้ภายในร้านของเรา” ซุน เจียนอัน พูดอย่างเคารพ

เสี่ยวหลัวพยักหน้า เขาเคยศึกษาที่ IE วิทยาลัยที่เชี่ยวชาญในการจัดการและการผลิต หลักการแนวทางของมันคือการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุดและมีต้นทุนต่ำสุด ในการระดมทุนและแรงงานเพื่อเพิ่มผลกำไร ทฤษฎี 5S นั้นเป็นรากฐานของวิชาเอกของเขา แต่มันก็ยังคงเป็นทฤษฎี และมีคนที่รู้เกี่ยวกับทฤษฏีนี้เฉพาะกับคนในแวดวงวิชาการเท่านั้น ทั่วโลกแนวทาง 5S ไม่ได้รับการนำมาใช้อย่างเต็มที่ และมันมี บริษัท และผู้ผลิตขนาดใหญ่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่ดำเนินการตามทฤษฏีนี้

เมื่อมองเสี่ยวหลัวที่กำลังเดินไป จ้าว เหมิ่งชี ก็รู้สึกพ่ายแพ้และสิ้นหวัง เธอรู้สึกราวกับว่าชีวิตของเธอถูกฉีกออกจากกันเป็นชิ้นๆ “คนแปลกหน้าที่คุ้นเคยมากที่สุด…”: ในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายของวลีนี้

“เสี่ยว … .”

หม่า หลินเจ๋อ พยายามที่จะเรียก เสี่ยวหลัว แต่เธอก็หยุดตัวเองไว้ได้ทัน เพราะเธอเห็นว่ามีผู้หญิงหน้าตาดีที่อยู่ข้างๆเขา ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่มีความงามที่โดดเด่นด้วยรูปร่างที่เพรียวบางและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก๋ๆ ที่ดูค่อนข้างแพงและเต็มไปด้วยความมั่นใจ ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนกับผู้หญิงที่มีฐานะดี บางทีเธออาจจะเป็นแฟนของเสี่ยวหลัว

เมื่อเห็นเช่นนี้ หม่า หลินเจ๋อ จึงไม่ได้เรียก เสี่ยวหลัว เพราะเธอกลัวว่าจะทำให้ จ้าว เหมิ่งชี ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก

เธอหันกลับมามอง จ้าว เหมิ่งชี ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยความเศร้าโศก เธอดูน่าสงสารมาก! หม่า หลินเจ๋อ ตบไหล่ของเธอเบาๆ เพื่อปลอบใจเธอและพูดว่า“ไม่เป็นไร ไม่ต้องรู้สึกเสียใจไป เขาเกาะกับผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขาเพราะความมั่งคั่งของเธอ มันไม่คุ้มค่าที่จะไล่ตามผู้ชายอย่างเขา ที่ได้รับอิทธิพลจากเงินอย่างง่ายดายเช่นนี้”

“มันไม่น่าแปลกใจเลย ที่เขาเป็นคนใจกว้างและมอบเงิน $ 100,000 หยวน ให้กับเธอได้ง่ายดายเช่นนั้น ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นเหตุผลนั้นแน่ๆ” หม่า หลินเจ๋อ ให้เหตุผลกับตัวเองขณะที่เธอถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ในใจของเธอเธอกรีดร้อง“เสี่ยวหลัว ฉันผิดหวังกับคุณจริงๆ!”

“ฉันรู้สึกเสียใจมาก ฉันขอไปเข้าห้องน้ำเพื่อแต่งหน้าเพิ่มได้ไหม ท่านประธานเขาไม่ได้หันมามองมาที่ฉันเลย”

“เธอควรหยุดคาดหวังที่ไม่เป็นจริงได้แล้ว กลับไปทำงาน!”

“ใช่เธอพูดถูก ต้องทำงานให้หนักและพยายามเป็นหัวหน้าแผนก เพื่อที่จะทำให้ท่านประธาน หันมามอง ฮิฮิ…”

พนักงานหญิง พาร์ทไทม์ หลายคนที่รวมตัวกันอยู่ที่เคาน์เตอร์พูดคุยกัน

ท่านประธาน?

หม่า หลิงเจ๋อ ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เดินเข้าไปและโบกมือไปที่สาวๆ “ขอโทษนะคะ!”

“สวัสดีค่ะ! มีอะไรให้ช่วยคะ”

พนักงานสาวตอบอย่างกระตือรือร้นด้วยรอยยิ้ม สลับจากโหมดซุบซิบกลับไปเป็นโหมดทำงานอย่างมืออาชีพ เธอยิ้มอย่างสุภาพให้กับ หม่า หลินเจ๋อ

หม่า หลินเจ๋อ อยากรู้เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเธอได้พูดถึงเกี่ยวกับท่านประธานของพวกเธอก่อนหน้านี้และถามว่า“”ขอโทษนะคะ ท่านประธานที่พวกคุณพูดถึงก็คือ เสี่ยวหลัว ที่เพิ่งจะเดินออกไปเหรอคะ?”

“ใช่ค่ะ เขาเป็นประธานของ บริษัท หลัวฝาง ของเรา” พนักงานตอบ

หม่า หลินเจ๋อ ขมวดคิ้ว“ไม่ใช่ว่า ประธานของ บริษัท หลัวฝาง นามสกุล ฝาง หรอกเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ มันเคยเป็นของ ประธานฝาง จนกระทั่งเมื่อเดือนที่แล้ว ที่ประธานเสี่ยว ได้ซื้อ บริษัท หลัวฝาง ของเราไป”

“ใช่แล้วค่ะ ถ้าท่านประธาน ไม่ซื้อ บริษัท หลัวฝาง ไป บริษัท จะล้มละลายอย่างแน่นอน”

“ท่านประธาน เป็นคนที่น่าทึ่งมาก เขาจัดการทุกกอย่างและนำ บริษัท หลัวฝาง กลับมาได้ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน และแม้กระทั่งเอาชนะบริษัท Taste Buds ที่เป็นคู่แข่งได้”

พนักงานหญิง พาร์ทไทม์ เต็มไปด้วยความเทิดทูล เมื่อพวกเธอพูดคุยเกี่ยวกับเสี่ยวหลัว และดวงตาของพวกเธอมันก็เต็มไปด้วยความชื่นชมอย่างลึกซึ้ง

หม่า หลินเจ๋อ ตกใจและยืนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

จ้าว เหมิ่งชี ก็แสดงปฏิกิริยาในทำนองเดียวกัน แต่หลังจากความตกตะลึงจางหายไป เธอก็ลดศีรษะลงด้วยความเสียใจและเจ็บปวดอย่างมากจนลึกไปถึงกระดูก

“ไม่มีทางเสี่ยวหลัว เขาหาเงินมาซื้อ บริษัท หลัวฝาง ได้อย่างไรกัน” หม่า หลินเจ๋อ ถามโดยไม่ได้ลดเสียงของเธอลงเลยแม้แต่น้อย

“พวกเราก็ไม่รู้เช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าท่านประธาน จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประธานชู จาก ฉางชาน พาวิลเลี่ยน”

“ใช่แล้ว ฉันก็ได้ยินเรื่องนั้นมาเหมือนกัน เดิมที บริษัท หลัวฝาง ถูกครอบครองโดย ฉางชาน พาวิลเลี่ยน และ ท่านประธาน ก็ซื้อมันมาจากมือของประธานชู”

“อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ท่านประธานมีทักษะที่สูงมาก และเขาก็หล่อเหลาที่สุด ใครก็ตามที่สามารถเป็นแฟนของเขาได้ จะต้องเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลกอย่างแน่นอน”

พนักงานหญิง พาร์ทไทม์ ต่างก็พากันตกอยู่ในห้วงภวังค์แห่งความฝัน

เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ชู หยุนเชียง จาก ฉางชาน พาวิลเลี่ยน ได้ยังไง? มันเป็นไปได้ยังไง?

จิตใจของ หม่า หลินเจ๋อ รู้สึกว่างเปล่า ราวกับว่ามีระเบิดได้ระเบิดขึ้นในหัวของเธอโดยไม่ทิ้งอะไรเอาไว้เลยนอกจากความว่างเปล่า ชู หยุนเชียง เป็นนักธุรกิจผู้มีอิทธิพลซึ่งมีเครือข่ายทางธุรกิจที่สำคัญในระดับสากล และการที่เสี่ยวหลัวไปมีความสัมพันธ์กับบุคคลเช่นนี้ได้นั้น มันไม่น่าเชื่อเลย

เหลวไหล เหลวไหลทั้งเพ!

เธอรู้สึกอายเป็นอย่างมาก เมื่อนึกถึงข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ของเธอว่าเสี่ยวหลัว เขาเกาะลูกสาวจากครอบครัวที่ร่ำรวยเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งและชื่อเสียง

เมื่อเธอมองไปที่ จ้าว เหมิ่งชี เธอก็เห็นร่างที่อ้างว้างเสียใจจากความเศร้าโศกของเธอ จ้าว เมิ่งชี มองออกไปที่นอกร้านอย่างว่างเปล่าขณะที่น้ำตาไหลรินลงที่หางตาของเธอ

“เขาทำมันได้ เช่นเดียวกับที่เขาพูดจริงๆ เขาเคยพูดว่าวันหนึ่งเขาจะทำให้ทุกคนเงยหน้าขึ้นมามองที่เขา และเขาก็ทำมันได้จริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” จ้าว เหมิ่งชี หัวเราะเยาะเย้ยถากถางตัวเอง

หม่า หลินเจ๋อ ขมวดคิ้วของเธอ เธอไม่รู้ว่า จะปลอบน้องสาวคนนี้ของเธออย่างไร เพื่อที่จะทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น

ถ้า จ้าว เหมิ่งชี ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งล่อลวงของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่น่าทึ่งคนนี้ก็จะยังคงอยู่ข้างๆเธอ มันน่าเสียดายที่ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำได้อีกแล้ว ถ้ามันเป็นเธอ เธอก็คงจะเสียใจมาก จนถึงขั้นอาจวิ่งเข้าใส่กำแพงแล้วทุบตีตัวเอง!

เธอเดินเข้ามาและแตะเบาๆบนไหล่ของ จ้าว เหมิ่งชี เธอพยายามที่ปลอบและสารภาพว่า“อวยพรให้เขามีความสุขเถอะ เธอรู้ไหมว่าเงิน $ 100,000 หยวนนั้น ไม่ได้มาจากครอบครัวของฉัน แต่เขาให้มันมากับฉันเอง!”

เธอไม่สามารถซ่อนมันได้อีกแล้วเงิน $ 100,00 หยวน นั้นไม่ใช่จำนวนน้อยๆเลย ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่สามารถซ่อนคำโกหกและตัดสินใจที่จะยอมรับความจริง

จ้าว เหมิ่งชี ยืนตัวแข็งทื่ออยู่กับที่

……

7:00 P.M.เสี่ยวหลัว และ จาง ซูซาน ขับรถมุ่งหน้าไปยังเขตกวงหมิง เสี่ยวหลัว เขายังไม่ลืมว่าเขาได้สัญญากับ ซุนยู้ ว่าเขาจะไปดูเธอในงานเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง และเสี่ยวรุ่ยอิงน้องสาวของเขา ก็โทรตามเขามาหลายครั้งแล้ว แล้วถามว่าเขาอยู่ที่ไหน เสี่ยวหลัวได้แต่หวังว่า เขาจะสามารถเคลื่อนย้ายไปยังสถานที่จัดงานได้เลยในทันที

หลังจากเลิกงาน เฟิง อู๋ฮั่น และกลุ่มของพวกเขา ก็ได้ขอไปด้วย แต่รถคันเดียวมันไม่สามารถรองรับทุกคนได้ ดังนั้น เฟิง อู๋ฮั่น จึงได้เตะคนสามคนออกไปจากรถ นอกเหนือจาก เสี่ยวอู๋ เขา เสี่ยวหลัว และ จาง ซูซาน แล้ว คนจำนวนสี่คนมันก็เป็นจำนวนที่นั่งได้อย่างสบายๆอยู่พอดี

“พี่ชายจาง รถของพี่นั่งได้สบายมาก”

เสี่ยวอู๋ ตบไปที่เบาะหนังและเริ่มชื่นชม จาง ซูซาน“ นี่ต้องเป็นหนังแท้อย่างแน่นอน มันให้ความรู้สึกเหมือนกับผิวของผู้หญิงที่เรียบเนียนและสวยงาม”

“ให้ตายเถอะ! แกไม่พูดมากซักวันมันจะตายไหมห่ะ!” เฟิง อู๋ฮั่น ตบไปที่หัวของ เสี่ยวอู๋ อย่างแรง