งานเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ของโรงพยาบาลประชาชนในเขตกวงหมิง นั้นจะจัดขึ้นในโรงแรมยอดนิยมแห่งหนึ่ง เนื่องจากโรงแรมนั้นเป็นเจ้าภาพจัดงานแต่งงานจำนวนมากอยู่เป็นประจำ ดังนั้นทางโรงแรมจึงมีการเตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยการติดตั้งเวทีชั่วคราวโดยใช้โครงเหล็กและปูพื้นด้วยพรมแดงมันจึงถูกแปลงให้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานกาล่าดินเนอร์ฉลองเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงในทันที
เมื่อเสี่ยวหลัวและสหายทั้งสามของเขามาถึง เสี่ยวรุ่ยอิง ซุนยู้ และ ถังเหริน ก็มารออยู่ที่ทางเข้าของโรงแรมอยู่ก่อนแล้ว
“พี่ชาย ในที่สุดพี่ก็มาถึงสักที!” เสี่ยวรุ่ยอิง ทักทายพวกเขา
“เส้นที่มาที่นี่รถมันติดมากเลย” เสี่ยวหลัว อธิบาย
เสี่ยวรุ่ยอิง มุ่ยปาก แต่เธอก็ยอมรับข้อแก้ตัวของเขา
เมื่อเห็นเสี่ยวหลัว ซุนยู้ ก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและทักทายเขาอย่างอ่อนหวาน“พี่ชายเสี่ยวหลัว”
เสี่ยวหลัวพยักหน้าและส่งรอยยิ้มกลับคืน
จาง ซูซาน รับผิดชอบหน้าที่ในการการแนะนำคนอื่นๆ “น้องเฟิง มานี่มา นี่คือ รุ่ยอิง น้องสาวของเสี่ยวหลัว หรือจะเรียกเธอว่า หลัวเหม่ย เหมือนกันกับฉันก็ได้ ส่วนผู้ชายหน้าขาวที่อยู่ข้างๆเธอ…อะแฮ่ม ฉันหมายถึงชายหนุ่มรูปหล่อคนนี้ก็คือสามีของ รุ่ยอิง ชื่อว่า ถังเหริน สำหรับสาวสวยคนนี้นายต้องให้ความสำคัญกับเธอให้มาก เธอคือ ซุนยู้ ภรรยาในอนาคตของเสี่ยวหลัว”
ซุนยู้ ตกตะลึง ใบหน้าที่น่ารักของเธอขึ้นสีแดงก่ำจากความเขินอาย เนื่องจาก จาง ซูซาน แนะนำอย่างตรงไปตรงมา
“สวัสดีครับ พี่สะใภ้!”
เฟิง อู๋ฮั่น และ เสี่ยวอู๋ ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน การแสดงออกของพวกเขาจริงจังมากและเสียงของพวกเขาก็ดังมาก
สิ่งนี้มันทำให้ใบหน้าของซุนยู้ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ และเธอก็รู้สึกอายมาก จนเธอต้องการที่จะขุดหลุมและซ่อนตัวเองอยู่ภายในนั้น “ฉัน…ฉันต้องไปที่หลังเวที เพื่อที่จะแต่งหน้าให้เสร็จเรียบร้อย พี่เสี่ยวหลัว พี่ตามพี่เสี่ยวรุ่ยอิง เข้าไปข้างในและหาที่นั่งเถอะ”
เมื่อพูดจบแล้ว เธอก็วิ่งออกไปราวกับว่าเธอกำลังพยายามที่จะหลบหนีจากการถูกจับกุม และเธอก็เกือบที่จะวิ่งชนคนหลายคน ระหว่างทางที่ไปยังหลังเวที
“จางหน้าใหญ่ ดูสิ่งที่คุณทำสิ คุณทำให้ ซุนยู้ กลัวจนหนีไปแล้ว!” เสี่ยวรุ่ยอิง จ้องมองไปที่ จาง ซูซาน เขม็ง เธอไม่พอใจกับการกระทำของ จาง ซูซาน
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ว่าผู้หญิงที่น่ารัก อย่าง ซูนยู้ จะเป็นคนที่ขี้อายขนาดนี้”
จาง ซูซาน โบกมือของเขาด้วยท่าทางที่ไร้เดียงสา จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า“แต่เมื่อตัดสินจากสถานการณ์นี้แล้ว หญิงสาวผู้น่ารัก ซุนยู้ ก็ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของฉัน เสี่ยวหลัวขอแสดงความยินดีด้วย! แกชนะใจเธอได้อย่างแน่นอนแล้ว”
เสี่ยวหลัวเตะไปที่ก้นของ จาง ซูซาน อย่างแรง แล้วพูดออกมาว่า “หยุดพูดเรื่องไรสาระ และปิดปากของแกลงไปได้แล้ว!”
… …
งานกาล่าเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงจัดขึ้นที่ชั้นสามของโรงแรม มันมีโต๊ะทั้งหมด 30 ถึง 40 โต๊ะและผู้เข้าร่วมงานทั้งหมดต่างก็เป็นแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาล สถานที่แห่งนี้นั้นคึกคักและเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ที่โต๊ะมีการเสิร์ฟขนมไหว้พระจันทร์ในแต่ละโต๊ะพร้อมกับอาหารต่างๆ เสี่ยวหลัวก้มลงไปมองดูใกล้ๆ และเขาก็พบว่าขนมไหว้พระจันทร์นี้ ถูกผลิตโดย บริษัท หลัวฝาง เรื่องนี้มันทำให้เขารู้สึกถึงความสำเร็จในใจ เสี่ยวหลัว ยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
แน่นอนว่าที่ บริษัท หลัวฝาง ก็จัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงประจำปีด้วยเช่นกัน สวี่ กว่างซ่ง และ หลี่ จื่อเมิ่ง ได้รับมอบอำนาจอย่างเต็มรูปแบบในการจัดงานและเป็นเจ้าภาพจัดงานในปีนี้ เสี่ยวหลัว เขาเคยได้ยินมาว่ามันเป็นงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ไม่มีการแสดงใดๆในปีนี้ แต่มันจะมีการจับรางวัลแทนในตอนท้ายของงานเลี้ยงอาหารค่ำพร้อมรางวัลสูงสุด 10,000 หยวน ด้วยสิ่งนี้มันได้สร้างความสนใจอย่างมากในหมู่พนักงาน และพวกพนักงานก็ตั้งตารอคอยงานนี้ด้วยความคาดหวังเป็นอย่างมาก
“หลัวเหม่ย ถัง เหริน พวกเธอคิดว่าฉัน แตกต่างจากเมื่อก่อนไหม?” จาง ซูซาน ถาม
จาง ซูซาน ต้องการถามคำถามนี้มานานแล้ว ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มีแฟนคลับมากกว่า 800,000 คน บน Weibo การถ่ายทอดสดการพิจารณาคดีสาธารณะ มันทำให้เขากลายเป็นเน๊ตไอดอลในชั่วข้ามคืน จาง ซูซาน รู้สึกว่าตอนนี้เขามีสถานะคล้ายกับดาราอยู่หน่อยๆ แต่เมื่อเขาเข้ามาในงาน มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังกับปฏิกิริยาจากฝูงชนในปัจจุบัน แม้แต่ เสี่ยวรุ่ยอิง ก็ยังไม่พูดถึงเรื่องนั้น จนถึงตอนนี้
เสี่ยวรุ่ยอิง และ ถัง เหริน มองหน้ากันและกันและสงสัยว่า “มันต่างกันยังไง ความแตกต่างคืออะไร ใบหน้าของคุณมันใหญ่เพิ่มขึ้นอีกแล้วงั้นเหรอ?”
F * CK!!
จาง ซูซาน เกือบที่จะสถบออกมาเสียงดัง แต่เขาก็ยังคงถามคำถามต่อไป“หลัวเหม่ย ถังเหริน พวกเธอไม่ได้ดูการพิจารณาคดีสาธารณะที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ หรือไง?”
ถัง เหริน ส่ายหัวและตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า“ พี่ซาน นอกเหนือจากงานแล้ว ผมก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดไป เพื่อเตรียมพร้อมที่จะขอใบรับรองคุณวุฒิทางการแพทย์ของ Medical Practitioner และผมก็ไม่มีเวลาที่จะมาดูโทรทัศน์เลย นอกจากนี้ผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องของศาลเป็นพิเศษด้วย”
“เมื่อมีเวลาว่าง ฉันก็หาซีรี่ย์เกาหลีดู” เสี่ยวรุ่ยอิง เห็นด้วย
“ไม่ดูก็ไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าฉันที่หล่อเหลาดั่งไข่มุก พวกวัวมันก็มักจะไม่เห็นค่า”
จาง ซูซาน ถอนหายใจ ดูเหมือนว่า ชื่อเสียงของเขามันยังไม่เพียงพอ
เสี่ยวรุ่ยอิง วางตะเกียบลงแล้วจ้องไปที่ จาง ซูซาน เขม็ง: “จางหน้าใหญ่ คุณว่าใครเป็นวัวนะ?”
ร่างของ จาง ซูซาน สั่นสะท้าน จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่ เฟิง อู๋ฮั่น และ เสี่ยวอู๋ พร้อมกับพูดออกมาว่า “ฉันบอกว่าพวกเขาเป็นวัว มองดูพวกเขาให้ดีสิ พวกเขาสามารถกินวัวได้ทั้งตัวเลย.”
“พี่จาง พี่จะมาโบ้ยให้กันแบบนี้ไม่ได้นะ” เฟิง อู๋ฮั่น ยกศีรษะของเขาขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว
“โบ้ยเบ้ยอะไร ฉันกำลังชื่นชมนายอยู่ต่างหาก ฉันกำลังชมนายว่านายมันแข็งแกร่งและแข็งแรงเหมือนกับวัว นายไม่รู้หรือไง”
หลังจากที่ จาง ซูซาน พูดตำหนิ เฟิง อู๋ฮั่น เสร็จ เขาจึงเปลี่ยนหัวข้อ “โอ้ใช่แล้ว หลัวเหม่ย ฉันต้องบอกอะไรเธอสักอย่าง พี่เสี่ยว ของเธอไม่เหมือนเดิมแล้ว เขาอาจจะเคยเป็นผู้แพ้ในอดีต แต่ตอนนี้กลายเป็นซีอีโอและเป็นหนึ่งในคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดแล้วนะ”
เสี่ยวหลัว เหลือบไปมองที่เขา“แกจะโม้อะไรเยอะแยะ!”
เสี่ยวหลัว ไม่ได้ตั้งใจจะหยุด จาง ซูซาน และเขาก็ไม่เคยตั้งใจที่จะซ่อนมันจากน้องสาวของเขาเลย ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้ จาง ซูซาน พูดต่อไปตามที่เขาต้องการ
“ฉันกำลังช่วยเหลือแกอยู่นะ อย่ามาขัดจังหวะได้ไหม” จาง ซูซาน พูดออกมาอย่างไม่พอใจ
“จางหน้าใหญ่ คุณยังไม่ได้เริ่มดื่มอะไรเลย ทำไมคุณถึงเริ่มพูดเรื่องไร้สาระแล้วล่ะ” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดติดตลก
“ทำไม เธอไม่เชื่อฉันหรือไง! ฉันกำลังพูดความจริงอยู่นะ?”
จาง ซูซาน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและค้นหาวิดีโอจากการพิจารณาคดีสาธารณะในทันที “หลังจากดูคลิปนี้แล้ว เธอก็จะรู้ว่าฉันกำลังพูดความจริงหรือพูดโกหก”
เสี่ยว รุ่ยอิง และ ถังเหริน รับโทรศัพท์มาจาก จาง ซูซาน พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยกับความเชื่อมั่นของเขา จากนั้นพวกเขาก็คลิกไปที่คลิปและเริ่มดู
“พี่ซาน ทำไมพี่ถึงไปนั่งเก้าอี้ของโจทก์ได้? พี่เป็นตัวแทนของ บริษัท หลัวฝาง งั้นเหรอ?” ถัง เหริน พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
จาง ซูซาน รู้สึกเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาที่มีชื่อเสียงของเขา เขายื่นมือของเขาออกมาลูบเคราที่ไม่มีอยู่จริงบนคางของเขา เหมือนกับนักปราชญ์ทางจิตวิญญาณ “ดูต่อไป ฉันจะอธิบายให้ ฟังเองหลังจากที่ดูคลิปจบแล้ว”
เสี่ยวหลัว ทำเพียง กินอาหารของเขาอย่างเงียบๆ เขาสังเกตเห็นว่านอกจากการบอกความจริงที่ว่าเสี่ยวหลัวเป็นประธานของ บริษัท หลัวฝาง แล้ว จาง ซูซาน ก็กำลังยุ่งอยู่กับการพูดโอ้อวด เขาพูดซ้ำทุกรายละเอียดที่เกี่ยวกับความกล้าหาญและความประทับใจของเขาเมื่ออยู่ในศาล ให้ รุ่ยอิง และ ถังเหริน ฟัง
ตามที่คาดไว้หลังจากที่ดูวิดีโอเวอร์ชั่นย่อการพิจารณาคดีสาธารณ เสี่ยวรุ่ยอิง ก็มอง จาง ซูซาน ในมุมมองใหม่ “จางหน้าใหญ่ คุณมีความสามารถจริงๆ ฉันรู้สึกประหลาดใจมากที่คุณสามารถเป็นตัวแทนของ หลัวฝาง และทำให้ทนายความของอีกฝ่ายโกรธจนหัวเสียและถูกไล่ออกไปจากห้องพิจารณาดีได้ ฉันขอชื่นชมๆ”
“แค่จัดการกับ ฝูเฮ่ย มันเป็นเรื่องง่ายๆ ฮ่าฮ่าฮ่า…” จาง ซูซาน หัวเราะออกมาอย่างโอ้อวด
“ต่อหน้าพี่ชายซาน คนนี้ ฝูเฮ่ย ก็ไม่นับว่าเป็นตัวอะไรได้เลย เมื่อเห็นหน้าฉันเขาก็จะต้องคุกเข่าลงยอมรับความพ่ายแพ้ให้กับฉัน ฮ่าฮ่าฮ่า…”
จาง ซูซาน รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากที่ได้พูดโอ้อวดต่อหน้า หลัวเหม่ย และ ถังเหริน
เมื่อคำพูดของเขาจบลง ทันใดนั้นมันก็มีเสียงคำรามดังเข้ามา
“แกกำลังพูดหล่ามอะไรอยู่ห่ะ!”
จาง ซูซาน หันกลับไปมองทางต้นเสียงและเห็นว่าเสียงนั้นมาจากชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่กำลังโกรธจากคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้