ชายคนนั้นเขาสวมชุดสูทที่ดูดีและดูมีราคาแพง ใบหน้าของเขานั้นยาวและเกลี้ยงเกลา โดยรวมแล้วเขาก็ถือว่าเป็นคนที่หล่อเหลาในระดับหนึ่ง

แต่ในขณะนี้ใบหน้าของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความโกรธ เป้าหมายของความโกรธของเขาไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคนนั้นก็คือ จาง ซูซาน

“พี่ชายซาน นั่นคือ ฝู กุยชั่ง ศัลยแพทย์สมองที่อายุน้อยที่สุดของโรงพยาบาลของเรา และเขาก็ยังเป็นหลานชายของทนายความ ฝูเฮย อีกด้วย!” ถังเหริน กล่าว

WTF?

ใบหน้าของ จาง ซูซาน เปลี่ยนไปเป็นข่มขื่นในทันที จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่กล่าวหาว่า“ไอน้องชาย ทำไมนายไม่บอกฉันก่อนหน้านี้หละว่ามีหลานชายของ ฝูเฮ่ย อยู่ที่นี่ ฉันจะได้ไม่พูดเรื่องนั้น!”

ถังเหริน ค่อนข้างรู้สึกผิด,“ ผมกำลังจะบอกพี่แล้ว, แต่… ว่า …”

ตอนนั้นเขามุ่งเน้นไปที่การเตรียมตัวสอบขอใบรับรองการแพทย์ และเขาก็ไม่ได้ติดตามสถานการณ์ปัจจุบันเลย ที่เขารู้จัก ฝูเฮ่ย นั้นก็เพราะว่า ฝู กุยชั่ง หลังจากที่เขาได้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ในตอนนั้นเขายังเป็น แพทย์ฝึกหัดอยู่ ดังนั้นเขาจึงได้ทำงานอยู่ภายใต้ ฝู กุยชั่ง มาเป็นระยะหนึ่งและก็ได้ยินเรื่องนั้นมาจากเขา

เขาตั้งใจจะบอก จาง ซูซาน จริงๆ แต่ตอนนี้ เขาไม่มีโอกาสที่จะทำเช่นนั้นอีกแล้ว แล้วเขาจะไปรู้ได้อย่างไรหละว่า ฝู กุยชั่ง จะนั่งอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาและบังเอิญได้ยิน จาง ซูซาน ที่กำลังคุยโม้?

เมื่อเห็นว่าสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นได้อย่างไรเสี่ยวหลัวก็รู้สึกพูดไม่ออก เขากลอกตาพร้อมกับมองไปที่ จาง ซูซาน และพูดตำหนิออกมาว่า“ในอนาคตแกจะเก็บความลับได้ยังไงถ้าแกยังเป็นแบบนี้อยู่”

“ฉันเป็นคนที่เก็บความลับได้ดีมาก ฉันไม่ได้ขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับไมโครโฟนแล้วประกาศประวัติอันรุ่งโรจน์ของฉัน ซักหน่อย” จาง ซูซาน โต้กลับตามแบบปกติของเขา

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของ จาง ซูซาน หมอหนุ่ม ฝู กุยชั่ง และกลุ่มเพื่อนเจ็ดหรือแปดคน จากโต๊ะของเขา ก็ได้จ้องมองไปที่ จาง ซูซาน ด้วยความเกลียดชังที่ลึกซึ้ง

“แกพูดว่าอะไรนะ? ลองพูดใหม่ดูอีกครั้งทีสิ ถ้าแกมีความกล้า”

ฝู กุยชั่ง จ้องมองไปที่ จาง ซูซาน พร้อมกับขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

แม้ว่า ถังเหริน จะดูเหมือนเด็ก แต่เขาก็เข้าร่วมกับสังคมมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และเขาก็ยังเข้าใจวิธีปฏิบัติตน เขาลุกขึ้นยืนทันทีและทักทาย ฝู กุยชั่ง ด้วยรอยยิ้มที่ขอโทษ: “พี่ฝู อย่าไปสนใจเขาเลย เขาแค่ดื่มเหล้าแล้วพูดอะไรไร้สาระไปเรื่อย”

“ใช่ใช่ ไม่ต้องไปใส่ใจอะไรกับเขาหรอกดร.ฝู บุคลิกของเขามันก็เป็นแบบนี้แหละ มักจะชอบพูดโอ้อวดไปเรื่อย”

เสี่ยวรุ่ยอิง ทำตามสามีของเธอ ทั้งสองลุกขึ้นยืนแล้วพูดขอโทษด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็มองไปที่ จาง ซูซาน แล้วส่งสัญญาณให้เขาพูดขอโทษ

แม้ว่า จาง ซูซาน จะเป็นคนที่หยาบคาย แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผล และอีกฝ่ายก็ยังเป็นหลานชายของ ฝูเฮ่ย ถ้าเป็นตัวของเขาเองที่มีคนมาพูดจาไม่ดีกับลุงของเขา เขาก็คงจะไม่สามารถยอมรับได้เช่นกัน นอกจากนี้พวกเขาก็ยังอยู่ในงานเฉลิมฉลองเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ที่จัดขึ้นโดยโรงพยาบาลของ เสี่ยวรุ่ยอิง และการขอโทษมันก็เป็นการดีแล้ว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา

จาง ซูซาน เทเหล้าลงไปที่แก้วแล้วถือแก้วเอาไว้ในมือขณะที่ยืนขึ้น เขาหันหน้าไปเผชิญหน้ากับ ฝู กุยชั่ง พร้อมกับพูดว่า“พี่ชาย มันเป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่ควรที่จะพูดเรื่องไร้สาระ การดื่มเหล้านี้ขอแทนคำขอโทษจากฉัน”

เมื่อพูดจบแล้ว จาง ซูซาน ก็เงยหน้าขึ้นแล้วดื่มเหล้าลงไปจนหมดแก้วในคราวเดียว

ฝู กุยชั่ง จำคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาได้ ชัดเจนว่าบุคคลผู้นี้ก็คือไอสารเลวคนนั้น ที่ทำให้ลุงของเขา อับอายในการพิจารณาคดีในศาลในวันนั้น และได้ทำลายอนาคตของลุงของเขาเป็นการส่วนตัว เขาอาจจะลืมมันถ้ามันเป็นคนอื่น แต่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นกับ จาง ซูซาน แล้วจะให้เขาลืมมันไปได้อย่างไร

เขาพูดอย่างเย็นชา“แก้วเดียว มันน้อยไปหรือเปล่า”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมาจากปากของ ฝู กุยชั่ง เฟิง อู๋ฮั่น และ เสี่ยวอู๋ ที่กำลังกินก็เงยหน้าขึ้นมาในดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา

เสี่ยวหลัว หยุดชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็จ้องมองไปที่หมอหนุ่มคนนั้น จาง ซูซาน ได้ขอโทษไปแล้ว ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจที่จะหาเรื่อง เสี่ยวหลัวก็จะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน แน่นอนว่าภายนอกเสี่ยวหลัวไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา เขาทำเพียงกินอาหารของเขาต่อไปราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พี่ฝู ลืมมันไปได้ไหม เขาเป็นเพื่อนของผมเอง … ” ถังเหริน พยายามหาทางแก้ปัญหา

“ถังเหริน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย!”

ก่อนที่ ถังเหริน จะพูดจบคำพูดของเขา ฝู กุยชั่ง ก็ผลัก ถังเหริน ออกไปที่ด้านข้าง ถังเหริน ที่ค่อนข้างจะอ่อนแอ หลังจากที่โดนผลัก เขาก็ล้มลงไปที่พื้นในทันที

“ฝู กุยชั่ง นายทำอะไร!”

เสี่ยวรุ่ยอิง ต่อว่า ฝู กุยชั่ง ขณะที่เธอเดินเข้าไปช่วย ถังเหริน ที่เป็นสามีของเธอ

ฝู กุยชั่ง ไม่สนใจเธอ เขาเดินเข้าไปเทเหล้าใส่แก้วที่ จาง ซูซาน ถือ พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ออกคำสั่ง“ดื่มมัน!”

“เฮ้…คุณคิดว่าคุณเป็นใคร ถึงได้มาสั่งให้พี่จาง ดื่ม”

เฟิง อู๋ฮั่น โยนตะเกียบของเขาลง แล้วลุกขึ้นยืนพร้อมกับจ้องมองไปที่ ฝู กุยชั่ง ด้วยความโกรธ จาง ซูซาน เป็นผู้มีพระคุณของเขา และเขาก็พึ่งพาความช่วยเหลือจาก จาง ซูซาน ในระหว่างที่เขาได้รับบาดเจ็บในวันนั้น เขาไม่สามารถที่จะทนนั่งดู จาง ซูซาน ถูกรังแกได้

ฝู กุยชั่ง มองไปที่คนที่ดูเหมือนกับอันธพาลคนนั้น และพวกเพื่อนๆของเขาเจ็ดแปดคน ต่างก็พากันรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็น เฟิง อู๋ฮั่น ยืนขึ้น

จาง ซูซาน ยกมือของเขาขึ้นแล้วบอกให้ เฟิง อู๋ฮั่น นั่งลง เขามองไปที่ ฝู กุยชั่ง ด้วยรอยยิ้มและพูดออกมาว่า “แน่นอน ฉันจะดื่มเหล้าทั้งหมดในแก้วนี้ เดิมทีมันก็เป็นของฉันอยู่แล้ว ในไม่ช้าก็เร็วมันก็จะต้องลงไปที่ท้องของฉันอยู่ดี!”

แม้ว่าเขาจะรู้สึกไม่ชอบใจ แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหาและทำลายบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ ที่เอื้อให้เสี่ยวหลัวและซุนยู้พัฒนาความสัมพันธ์ของพวกเขา

แต่เมื่อเขาเอื้อมมือไปที่แก้วเหล้า ฝู กุยชั่ง ก็ราดเหล้ารดลงบนใบหน้าของเขาในทันที

“ตอนนี้ฉันยกโทษให้คุณแล้ว!”

ฝู กุยชั่ง รู้สึกพอใจ เขาเผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา จากนั้นเขาก็หันหลังแล้วเดินกลับไปยังที่นั่งของเขา

“รอเดี๋ยว!”

เสียงที่สงบและมั่นคงดังออกมาอย่างแผ่วเบา

ฝู กุยชั่ง หยุดเดินและหันหลังกลับมา ในขณะที่เขาหันกลับมา เขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยน้ำเหล้าขนาดใหญ่ ที่สาดใส่ใบหน้าของเขา ตัวของเขาเปียกโชกไปหมด และมันก็มีเหล้าบางส่วน ที่กระเดนเข้าไปในรูจมูกของเขา ในรูจมูกของเขามันเหมือนกับว่ามันกำลังมีแมลงอยู่สองสามตัวที่กำลังดิ้นอยู่ในรูจมูกของเขา มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก

เมื่อเขาได้สติกลับมา เขาก็เห็นว่ามันไม่ใช่คนที่เยาะเย้ยลุงของเขาที่เป็นคนทำ แต่มันเป็นคนที่กำลังกินอยู่อย่างเงียบๆ ต่างหากที่เป็นคนทำ!

ชายคนนั้นมีใบหน้าที่เรียบเนียนและคิ้วหนาที่ได้รูปราวกับปั้นที่สง่างาม … มันไม่มีใครอื่นนอกจาก เสี่ยวหลัว!

เสี่ยวหลัว มองไปที่ ฝู กุยชั่ง อย่างเฉยเมย “ขอโทษ ฉันผิดเอง ฉันคิดว่ามันเป็นถังขยะ ฉันจึงได้ราดมันลงไป”

ถังขยะ?

ฝู กุยชั่ง รู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก จนใบหน้าของเขากระตุก เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผู้ชายคนนั้นกำลังดูถูกเขา

“ไอสารเลวเอ้ย…”

“กุยชั่ง คุณกำลังทำอะไร?”

ในขณะที่ ฝู กุยชั่ง กำลังจะระเบิดอารมณ์และตรงเข้าไปที่เสี่ยวหลัว ทันใดนั้นเองมันก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วไวน์ที่อยู่ในมือ ผมของชายวัยกลางคนนั้นมันแว็บและถูกหวีให้เสมอกัน ชายวันกลางคนมีหน้าท้องขนาดใหญ่ และมีใบหน้ากลมจนคางของเขาแทบจะมองไม่เห็น แต่ท่วงท่าและท่าทางของเขานั้นมันเต็มไปด้วยความเป็นผู้นำ

เมื่อเห็นชายวัยกลางเดินเข้ามา ใบหน้าที่ดุเดือดของ ฝู กุยชั่ง ก็เปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มในทันที: “ผู้อำนวยการ มันไม่มีอะไรมันเป็นแค่ … ” ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่เสี่ยวหลัว จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เหยียดหยามว่า “ดูเหมือนว่าที่ตรงนี้ มันจะมีคนที่ไม่เกี่ยวข้อง มาที่งานเลี้ยงของโรงพยาบาลของเรา ท่านคิดว่ามันจะดีกว่าไหม ถ้าเราขอให้พวกเขาออกไป?”

แน่นอนว่า เขาไม่ได้อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยต่อสาธารณชน ว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับลุงของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้อำนวยการของโรงพยาบาลของเขา

“โอ้? คนที่ไม่เกี่ยวข้อง?” ชายวัยกลางคนจ้องมองไปที่ เสี่ยวหลัว และเพื่อนๆของเขา

เสี่ยวรุ่ยอิง รีบยิ้มแล้วสรุปสถานการณ์ทุกอย่างให้กับผู้อำนวยการฟัง: “ผู้อำนวยการ พวกเขาล้วนแต่เป็นเพื่อนของฉัน และฉันก็รู้ว่าเราไม่ได้มีคนมากพอที่จะเติมที่นั่งสำหรับการเฉลิมฉลองในคืนนี้ ดังนั้นฉันจึงเชิญพวกเขามาร่วมสนุกด้วย ”

“รุ่ยอิง งานเลี้ยงนี้มีไว้สำหรับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเท่านั้น เธอไม่รู้งั้นเหรอ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยสำเนียงอย่างเป็นทางการ

เสี่ยวรุ่ยอิง รีบพูดอธิบายต่อไปว่า: “ผู้อำนวยการเขาเป็นพี่ชายของฉัน พวกเขาไม่ใช่ … ”

ชายวัยกลางคนโบกมือและขัดจังหวะคำพูดของเธอ “เราไม่สามารถให้พวกเขาอยู่ที่นี่ได้ แม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายของเธอ มันขัดกับกฎและเธอก็ควรที่จะขอให้พวกเขาออกไปได้แล้ว”