“แก ยิ่งใหญ่มาจากไหนห่ะ ถึงได้กล้ามาสาดเหล้าใส่หน้าฉัน!”
จาง ซูซาน ตะโกนเสียงดังใส่ ฝู กุยชั่ง ที่สาดเหล้าใส่ใบหน้าของเขา แม้ว่า เสี่ยวหลัว จะทำคืนให้กับเขาแล้ว แต่ความโกรธของเขามันก็ยังคงลุกโซนอยู่ดี เขาก็มีนิสัยเช่นเดียวกับเสี่ยวหลัว แม้ว่าศัตรูจะเป็นจักรพรรดิหยกเขาก็กล้าที่จะท้าทาย
ทันใดนั้นสีหน้าของชายวัยกลางคนที่กำลังยืนเฝ้าดูพวกเขาอยู่ก็กลายไปเป็นมืดครึ้ม
เสี่ยวรุ่ยอิง ที่ยืนอยู่ข้างๆ จาง ซูซาน สูดลมหายใจเข้าแล้วจ้องมองไปที่ จาง ซูซาน พร้อมกับเข้าไปกระซิบที่ข้างหู“เขาคือผู้อำนวยการแผนกของฉัน จางหน้าใหญ่ คุณช่วยหยุดคำพูดไร้สาระของคุณก่อนได้ไหม”
เสี่ยวหลัวจ้องมองไปที่ จาง ซูซาน แล้วส่งสัญญาณให้ จาง ซูซาน อยู่นิ่งๆเอาไว้ก่อน เพราะว่าเขาไม่ต้องการที่จะทำให้น้องสาวของเขาลำบากใจ
เมื่อเห็นว่า จาง ซูซาน ได้ระงับความโกรธของเขาแล้ว เสี่ยวรุ่ยอิง ก็ยิ้มหวานออกมาแล้วพูดกับชายวัยกลางคนว่า:“ผู้อำนวยการคะ ได้โปรดทำเป็นมองไม่เห็นหน่อยจะได้ไหมคะ”
เสี่ยวรุ่ยอิง กำลังใช้ทักษะที่มีเฉพาะเพศหญิงกับชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนดูเหมือนจะไม่ตอบสนองต่อเสน่ห์ของเธอ เขาพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า“ไม่! นี่เป็นงานเลี้ยงของโรงพยาบาล หากทุกคนนำญาติและเพื่อนๆมากันหมดเหมือนกับอย่างที่คุณทำ มันจะไม่กลายมาเป็นเรื่องยุ่งเหยิงเลยงั้นเหรอ? รุ่ยอิง คุณเป็นพนักงานอาวุโสของโรงพยาบาล คุณก็ควรที่จะเป็นผู้นำและเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ กฎก็คือกฎ!”
“โอ้ ผู้อำนวยการ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คุณก็แค่ต้องเป็นมองไม่เห็นเท่านั้นเอง” เสี่ยวรุ่ยอิง ยังคงยืนยันอย่างตั้งมั่น
“ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูด กรุณาขอให้พวกเขาออกไปด้วย!” ชายวัยกลางคนขึ้นเสียง
ฝู กุยชั่ง ที่ยืนอยู่ใกล้ๆเริ่มพูดเติมน้ำมันลงไปในกองไฟ: “ผู้อำนวยการพูดถูกแล้ว นี่คืองานเลี้ยงฉลองเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วงของโรงพยาบาลของเรา สำหรับพนักงานของเรา มันไม่ใช่สำหรับพวกหมาแมวบางตัว!”
“ไอปากหมา! แกอยากจะตายหรือไงหา?”
เมื่อได้ยินคำพูดของ ฝู กุยชั่ง เฟิง อู๋ฮั่น ก็ยืนขึ้นในทันที และเอื้อมมือไปคว้าที่คอของ ฝู กุยชั่ง จนเท้าของเขาลอยขึ้นมาจากพื้น การกระทำที่น่าตกใจของ เฟิง อู๋ฮั่น มันทำให้ชายวัยกลางคนและทุกคนที่อยู่โดยรอบตกใจกลัว
“แกแก…แกต้องการอะไร ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้!” ฝู กุยชั่ง ตะโกนร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก เขาสามารถรับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของมืออันใหญ่ของ เฟิง อู๋ฮั่น ที่กำลังกำรอบคอของเขาอยู่เหมือนกับคีมเหล็ก เขาพยายามดิ้นเพื่อที่จะหลุดพ้น แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะทำได้
“แก…”
ฝู กุยชั่ง ในใจของเขามันเต็มไปด้วยความไม่พอใจ แต่ในเวลาเดียวกันเมื่อเขาเผชิญกับพลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้เ ขาก็ไม่กล้าที่จะทดสอบความอดทนของ เฟิง อู๋ฮั่น
“เสี่ยวรุ่ยอิง ดูคนที่คุณเชิญมาสิ พวกเขาทำตัวหยาบคายมาก ร.ป.พ ร.ป.พ!” ชายวัยกลางคนตะโกนเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยเพื่อมาขับไล่ เสี่ยวหลัวและเพื่อนๆให้ออกไป ใบหน้าของชายวัยกลางคนนั้นแสดงออกถึงความผิดหวังต่อเสี่ยวรุ่ยอิง อย่างชัดเจน
“ผู้อำนวยการ ได้โปรดอย่าเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยมาเลยนะคะ พวกเขาก็เพียงแค่…” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดออกมาอย่างกระวนกระวาย
“พี่เสี่ยวรุ่ยอิง เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอคะ?”
ทุกคนหันไปมองยังทางต้นเสียง และพวกเขาก็เห็น ซุนยู้ ที่ยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเธอได้ยินเสียงของความโกลาหลเธอก็รีบออกมาในทันที เธอเพิ่งจะแต่งหน้าเสร็จ ที่ข้างไเธอมีผู้หญิงอีกคนที่สวมชุดที่คล้ายกันกับเธอที่ยืนอยู่ พวกเธอกำลังจะเริ่มแสดงบนเวทีในคืนนี้
“ปล่อยเขาไป!”
จาง ซูซาน รีบเรียกให้ เฟิง อู๋ฮั่น รีบปล่อย ฝู กุยชั่ง ไปในทันที ในฐานะที่ เฟิง อู๋ฮั่น เป็นเพื่อนร่วมงานและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเสี่ยวหลัว ทุกคำพูดและการกระทำของเขาก็จะต้องถูกทุกคนที่อยู่โดยรอบรับรู้ จาง ซูซาน เขาไม่สามารถปล่อยให้ภาพลักษณ์ของ เสี่ยวหลัว ไม่ดีต่อหน้า ซุนยู้ ได้
เฟิง อู๋ฮั่น พยักหน้าทำตามที่ จาง ซูซาน บอก จากนั้นจึงเดินกลับไปยังที่นั่งของเขา ก่อนที่เขาจะนั่งลงเขาก็ยิงสายตาพิฆาตไปใส่ ฝู กุยชั่ง ด้วยท่าทางที่คุกคาม ความหมายของมันก็คือถ้า ฝู กุยชั่ง กล้าที่จะดูถูกพวกเขาอีกครั้งหละก็ ฉันจะฆ่าแกซะ!
“เสี่ยวยู้ การแสดงแรกเป็นของคุณไม่ใช่เหรอ คุณมาทำอะไรที่นี่ ทำไมถึงยังไม่ไปเตรียมตัวที่หลังเวที” ชายวัยกลางคนถามด้วยความอยากรู้
ฝู กุยชั่ง ปรับปกเสื้อของเขาขึ้นและยิ้มให้กับ ซุนยู้ ด้วยรอยยิ้มที่เขาคิดว่ามีเสน์ที่สุด: “ยู้ยู้ คุณดูดีมากจริงๆในชุดนี้!”
ซุนยู้ ไม่สนใจ ฝู กุยชั่ง เธอเดินตรงผ่านเขาไป เธอมองไปที่เสี่ยวหลัว จากนั้นเธอก็พูดกับชายวัยกลางคนว่า:“ผู้อำนวยการคะ พวกเขาเป็นเพื่อนของฉันและเป็นพี่ของพี่สาวรุ่ยอิง ฉันรู้ว่ามันผิดกฎที่จะเชิญชวนให้พวกเขามา แต่ฉันก็หวังว่าผู้อำนวยการ จะทำเป็นมองไม่เห็นในครั้งนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ การแสดงออกทางสีหน้าของชายวัยกลางคนและ ฝู กุยชั่ง นั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
ยังไม่ทันที่ ชายวัยกลางคนจะทันได้ตอบอะไร ฝู กุยชั่ง ก็หัวเราะออกมาก่อน: “ฮ่าฮ่า … ยู้ยู้ คุณบอกว่า พวกเขาเป็นเพื่อนของคุณและรุ่ยอิง งั้นเหรอ ถ้าอย่างงั้นพวกเขาก็คงจะไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มอันธพาลที่เข้ามาทานอาหารและเครื่องดื่มฟรีอย่างแน่นอน“ฝู กุยชั่ง ยิ้มแล้วพูดกับชายวัยกลางคนต่อว่า” ผู้อำนวยการเหอ มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด! ยู้ยู้ บอกว่าพวกเขาเป็นเพื่อนของเธอ ทำไมเราถึงไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ ”
ชายวัยกลางคนมองไปที่ ฝู กุยชั่ง แล้วรู้สึกพูดไม่ออก เขาคิดกับตัวเองว่า: คุณเป็นคนที่บอกให้ฉันไล่พวกเขาออกไปเอง แต่ตอนนี้คุณกลับต้องการที่จะให้พวกเขาอยู่ต่อ ทำไมคุณถึงได้กลับกลอกเช่นนี้!
“อะ….อะแฮ่ม!”
ฝู กุยชั่ง ไอแห้งออกมาสองสามครั้ง เพื่อส่งซิกให้กับผู้อำนวยการ “เมื่อ ฝู กุยชั่ง พูดเช่นนั้น พวกเขาก็อยู่ที่นี่ได้ เสี่ยวอิง,เสี่ยวยู้ เนื่องจากพวกเขาเป็นเพื่อนของคุณ คุณก็ดูแลพวกเขาในนามของโรงพยาบาลให้ดีๆ อย่าทำให้โรงพยาบาลขายหน้าหละ”
“ขอบคุณคะ ผู้อำนวยการ!”
เสี่ยวรุ่ยอิง ส่งยิ้มให้พร้อมกับโค้งคำนับเพื่อขอบคุณ
ชายวัยกลางคนตบที่ไหล่ของซุนยู้ แล้วเดินจากไป
อย่างไรก็ตาม ฝู กุยชั่ง ก็ยังไม่ได้เดินออกไป เขาจับจ้องไปที่ซุนยู้ พลางจ้องมองไปทั่วทั้งร่างกายของเธอ พร้อมกับมีรอยยิ้มที่น่าขนลุกอยู่บนใบหน้า
“เสี่ยวหลัว จากประสบการณ์เจ็ดแปดปีของฉันในการจีบสาว ไอเวรนี่ มันกำลังมีความคิดที่ไม่ดีกับซุนยู้คนสวยของเราอยู่” จาง ซูซาน กระซิบที่ข้างหูของเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวไม่ได้ตอบอะไรกลับ เขาก็สังเกตเห็นมันเช่นกัน และเขารู้สึกอึดอัดใจอยู่เล็กน้อย
วิธีการที่ ฝู กุยชั่ง จ้องมองไปที่ ซุนยู้ นั้นมันชัดเจนมาก ถ้าไม่มีใครตาบอดก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ฝู กุยชั่ง นั้นชอบ ซุนยู้ มิฉะนั้นทัศนคติของมันที่มีต่อพวกเขา ก็คงจะไม่เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วขนาดนี้
“อะแฮ่ม…ดร.ฝู ฉันคิดว่าคุณควรจะกลับไปนั่งที่โต๊ะของคุณได้แล้วนะ”
เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าวโดยที่ไม่ได้ซ่อนความรังเกียจของเธอที่มีต่อ ฝู กุยชั่ง เลยแม้แต่น้อย ซุนยู้ เป็นผู้หญิงที่เธอแนะนำให้รู้จักกับพี่ชายของเธอ และเธอก็ได้ยอมรับแล้วว่า ซุนยู้ จะต้องมาเป็นพี่สะใภ้ในอนาคตของเธอ ฝู กุยชั่ง ที่จ้องมอง ซุนยู้ อย่างกัยมีหางกระดิกอยู่อย่างนี้ มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
“ยู้ยู้ มานั่งข้างพี่ชายของฉันสิ!” เสี่ยวรุ่ยอิง ดึงร่างของ ซุนยู้ มานั่งข้างๆเสี่ยวหลัวในทันที.
ฝู กุยชั่ง ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ต่อ ดังนั้นเขาจึงต้องเดินกลับไปยังที่นั่งของเขา แต่แล้วเขาก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเขาพบว่า ผู้หญิงที่เขาโปรดปราน เธอกำลังรินไวน์ให้กับผู้ชายคนนั้น ด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิ
สถานการณ์แบบนี้มันผิดปกติ!
ทันใดนั้นเองเขาก็ตระหนักได้ว่า เสี่ยวหลัว นั้นเป็นคู่แข่งทางความรักของเขา!
เขารู้สึกจุกอกขึ้นมาในทันที เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่า ตัวเองเพิ่งจะเปิดทางให้กับคู่แข่งทางความรักอยู่ต่อ!
ฝู กุยชั่ง กัดฟันของเขาด้วยความเกลียดชัง มือของเขากำกำปั้นไว้แน่น เพราะดูเหมือนว่า ซุนยู้ จะปรนนิบัติผู้ชายคนนั้นราวกับว่าเธอเป็นแฟนสาวของเขา เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่บาดตาบาดใจนี้มันทำให้นัยน์ดวงตาของเขา มันเต็มไปด้วยความโกรธแค้น มันทำให้เขารู้สึกอิจฉาและเกลียดชังเสี่ยวหลัวเป็นอย่างมาก .
“ไอเวรเอ้ย!”
บนใบหน้าของ ฝู กุยชั่ง เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เขานั่งทรุดตัวลงบนเก้าอี้ พร้อมกับหน้าตาที่มืดม่น
“พี่ฝู ดูเหมือนว่าพี่มีจะคู่แข่งนะ”
“อย่าเพิ่งตื่นตระหนก รอให้เธอขึ้นแสดงบนเวทีก่อน จากนั้นพี่ก็ค่อยสารภาพความรู้สึกกับเธอ”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว พวกเราจะคอยประสานงานกับผู้ชมแล้วให้พวกเขาตะโกนคำว่า ‘เป็นเลยๆเอง’ ซุนยู้ เธอจะต้องตอบตกลงรับรักพี่อย่างแน่นอน แล้วในคืนนี้พี่ก็สามารถพาเธอกลับไปนอนที่บ้านได้เลย ฟันธง!”
พวกผู้ชายที่อยู่ในโต๊ะเดียวกัน ต่างก็พากันพูดให้กำลังใจ ฝูกุยชั่ง กันทีละคน
ฝู กุยชั่ง ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง และเขาก็ตระหนักได้ว่า สิ่งที่เพื่อนของเขาพูด นั้นมันก็สมเหตุสมผล ดังนั้นเขาจึงรินไวน์ แล้วดื่มมันลงไปหนึ่งแก้ว แล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย:“เอาล่ะ ฉันจะทำตามที่พวกแกพูด!”