“ว้าว ซุนยู้ ชุดของคุณดูดีมาก!” จาง ซูซาน พูดด้วยความเยินยออย่างโจ่งแจ้ง จากนั้นเขาก็ถามเธอในทันทีว่า“แล้วสาวสวยที่ยืนอยู่ข้างๆคุณหละ เธอชื่ออะไร? แนะนำเธอให้รู้จักกับพวกเราหน่อยสิ นอกจากเสี่ยวหลัวแล้วพวกเราที่เหลือยังเป็นโสด!” จาง ซูซาน หยิบกระดาษเช็ดชู่ขึ้นมาเช็ดหน้าที่เบื้อนเหล้าของเขา
“ฉันขอแนะนำตัวเอง เอง”
หญิงสาวกล่าวแนะนำตัวเองอย่างจริงใจ“ฉันชื่อ หู่ ซัวหรง ฉันเข้ามาทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้ พร้อมกับยู้ยู้”
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของเธอจะไม่ดีเท่ากับซุนยู้ แต่เธอก็ยังน่ารักและมีรูปร่างที่ดี
“นั่นเป็นชื่อที่ดีเลยทีเดียว” เหมือนกับดอกบัวที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำ “ฉันชื่อ จาง ซูซาน ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับคุณ” จาง ซูซาน พูดพร้อมกับยื่นมือออกไปหา ซัวหรง
หู่ ซัวหรง จับมือของ จาง ซูซาน อย่างจริงใจและทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม:“สวัสดีค่ะ พี่ซาน!”
เมื่อได้ยินคำว่า“พี่ซาน” มันก็ทำให้ จาง ซูซาน รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็หันไปมอง เสี่ยวรุ่ยอิง แล้วพูดอย่างประชดประชันว่า“ดูสิว่า ซัวหรง เธอสุภาพแค่ไหน ไม่เหมือนกับใครบางคนที่เรียกฉันด้วยชื่อเล่นบ้าๆนั่นตลอดเวลา”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เสี่ยวหลัว และ ซุนยู้ ต่างก็พากันหัวเราะ
เสี่ยวรุ่ยอิง ลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธในทันทีและขว้างตะเกียบใส่ จาง ซูซาน: “จางหน้าใหญ่ คุณต้องการที่จะถูกทุบตีอีกครั้งใช่ไหม!”
“โอ้ น้องสาวคนดีของฉัน ฉันไม่ได้พูดเจาะจงสักหน่อยว่าเป็นใคร ทำไมเธอจะต้องร้อนตัวด้วย เธอรู้ไหมว่าเธอเป็นแบบนี้ ฉันก็ทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน!” จาง ซูซาน โบกมือและถอนหายใจ
“คุณ…!”
เสี่ยวรุ่ยอิง กระทืบเท้าของเธอด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ในเมื่อเธอไม่สามารถเอาชนะในการแข่งขันด้วยวาจากับ จาง ซูซาน ได้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจที่จะขอความช่วยเหลือจากพี่ชายของเธอ“พี่ชายดูสิ จางหน้าใหญ่กำลังกลั่นแกล้งน้องสาวของพี่ อีกครั้งแล้ว!”
เสี่ยวหลัวยิ้มและมองไปที่ถังเหริน:“ในสถานการณ์เช่นนี้เธอควรจะมองหาถังเหริน มากกว่าพี่ไม่ใช่เหรอ!”
เมื่อได้ยินชื่อของเขา ถังเหรินจึงวางปูที่เขากำลังกินอยู่ และเงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่งุนงง“พี่ชาย มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
เมื่อมองดูท่าทางที่ดูงุนงงของเขา ทุกคนที่อยู่ในโต๊ะก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เสี่ยวรุ่ยอิง กัดริมฝีปากของเธอและถอนหายใจ: “พี่เห็นไหม ว่าเขาไม่สามารถช่วยอะไรหนูได้เลย” จากนั้นเธอก็จ้องมองไปที่ถังเหรินอย่างคร่ำครวญ ที่เขาไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่เธอหวังไว้ “ไปกินปูขนของคุณต่อเถอะ และก็ไม่ต้องพูดอะไรออกมาอีก”
“ได้เลย คุณภรรยา!”
ถังเหรินตอบ จากนั้นเขาก็กลับไปกินปูขนต่อ
“คิคิ!” ซุนยู้ เธอรู้สึกขบขันกับวิธีการที่ถังเหรินตอบสนองต่อ เสี่ยวรุ่ยอิง มาก และหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหลัวหันหน้ามาหาเธอ เธอจึงพูดเสริมออกมาว่า“พี่ถังน่ารักมาก”
เสี่ยวหลัว มองไปที่ถังเหริน และพยักหน้าเห็นด้วย“ใช่เขาเป็นคนที่น่ารักอยู่บ้างนิดหน่อย”
ขณะที่เสี่ยวหลัว พูดเขาก็สังเกตเห็นว่า ซุนยู้ เธอกำลังจ้องมองมาที่เขา ด้วยดวงตากลมโตที่สดใสของเธอ แต่เขาก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเธอจ้องมองเขาแบบนั้นทำไม
“พี่เสี่ยวหลัว ที่หน้าของพี่มีอะไรบางอย่างติดอยู่ อย่าเพิ่งขยับนะ ฉันจะช่วยพี่เอามันออก” ซุนยู้พูดอย่างช้าๆ พร้อมกับขยับเข้ามาใกล้ พร้อมยื่นมือของเธอเข้ามาใกล้ที่ใบหน้าของเขา
เสี่ยวหลัวนั่งนิ่งไม่ขยับ จมูกของเขาได้กลิ่นหอมจางๆ จากนิ้วของซุนยู้ เขามองซุนยู้ดูอย่างเงียบๆ เธอดูมีสมาธิมากและลมหายใจของเธอก็มีกลิ่นหอมเหมือนกับดอกกล้วยไม้ และมันก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
ในเวลานี้คนอื่นๆ ก็เงียบเสียงลงโดยไม่รู้ตัว และก็พากันมองไปที่ เสี่ยวหลัว และ ซุนยู้ ด้วยรอยยิ้มที่ราวกับว่า พวกเขากำลังดูหนังโรแมนติก ที่นัยน์ดวงตาของพวกเขามันเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“เส้นผม?” เสี่ยวหลัว ถามพลางมองไปที่สิ่งของที่อยู่ระหว่างนิ้วของซุนยู้
“อืมใช่ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นของผู้หญิงนะ” ซุนยู้ พูดพร้อมกับหัวเราะคิกคัก
“ผมสั้นแบบนี้ มันไม่ได้มาจากผู้หญิงอย่างแน่นอน พี่สะใภ้คิดผิดแล้ว” เสี่ยวอู๋ พูดปกป้อง เสี่ยวหลัว
จาง ซูซาน,เสี่ยวรุ่ยอิง และ หู่ ซัวหรง ต่างก็พากันจ้องมองไปที่ เสี่ยวอู๋ ด้วยความโกรธ
“อึก.”
เสี่ยวอู๋ กลืนน้ำลายลงไปอย่างยากลำบาก เขามองไปที่ เฟิง อู๋ฮั่น อย่างขอความช่วยเหลือ“พี่เฟิงฉัน…ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า”
เฟิง อู๋ฮั่น ตบไปที่ด้านหลังศีรษะของเขาแล้วตะโกนออกมาว่า“แน่นอนว่าแกพูดผิด! พี่เสี่ยวกับพี่สะใภ้กำลังคุยกันในเรื่องของความรัก ทำไมแกจะต้องไปขัดจังหวะพวกเขาด้วย? แกไม่เพียง แต่ขัดจักหวะฉัน แต่แกยังจะขัดจังหวะพี่ชายเสี่ยวของฉันอีก แกคิดว่า ‘ปีกของแกงอกออกมาแล้วและแกจะสามารถบินไปที่ไหนก็ได้หรือไง’? แม้แต่อาหารที่อยู่ในปากของแก ก็ไม่สามารถปิดปากของแกได้!”
เสี่ยวอู๋ อยากจะร้องไห่แต่ไม่มีน้ำตา
ใบหน้าของ ซุนยู้ เปลี่ยนไปเป็นสีแดงอีกครั้ง แต่ตอนนี้เวลามันก็เกือบจะหมดแล้ว งานเลี้ยงกำลังจะเริ่มขึ้น เธอจะต้องกลับไปที่หลังเวทีเพื่อเตรียมตัว เช่นเดียวกับตอนที่เธอมา เธอรีบคว้าแขนของ หู่ ซัวหรง และรีบวิ่งออกไปในทันที
“เดี๋ยวก่อน! ฉันยังไม่ได้หยิบเอากระเป๋ามาเลย!”
หู่ ซัวหรง รีบวิ่งกลับไปที่โต๊ะ และหยิบกระเป๋า แต่ก่อนที่เธอจะจากไป เธอก็ถือโอกาสพูดกับ เสี่ยวหลัว ว่า“ยู้ยู้ เป็นเด็กดี ถ้าคุณรักเธอก็จงพาเธอไปให้ไกลๆ เพราะการเป็นพยาบาลนั้นไม่ใช่อาชีพที่ง่ายๆเลย มีบ่อยครั้งที่เธอจะต้องนอนดึก แม้แต่หญิงสาวก็ยังสามารถแก่ตัวได้อย่างรวดเร็ว”
เมื่อพูดเสร็จ เธอก็ส่งยิ้มให้กับทุกคน แล้วหันหลังวิ่งกลับออกไป
“คำพูดของ น้องสาว ซัวหรง นั้นมันสมเหตุสมผล ตำแหน่งของพยาบาลแม้ว่ามันจะฟังดูสูงส่ง แต่มันก็มีเพียงแค่พวกเขาเท่านั้นที่จะสามารถเข้าใจในความยากลำบากของอาชีพนี้ได้ ฉันพูดถูกใช่ไหมน้องสาวหลัวเหม่ย” จาง ซูซาน พูด หลังจากที่ หู่ ซัวหรง วิ่งออกไป
“ถูกต้อง ตั้งแต่ที่คุณเข้ามาในห้องโถงจนถึงตอนนี้ นี่คือสิ่งที่ถูกต้องที่สุดที่คุณพูด!”
เสี่ยวรุ่ยอิง ยกแก้วขึ้นและพูดว่า “มาเถอะจางหน้าใหญ่ ฉันขอดื่มให้กับคุณ ที่พูดในสิ่งที่ถูกต้อง”
“ให้ตายเถอะ แม้แต่ดื่มเหล้า เธอก็ยังล้อเลียนฉัน!”
จาง ซูซาน ลุกขึ้นยืนและชนแก้วของเขากับ เสี่ยวรุ่ยอิง จากนั้นทั้งคู่ก็ดื่มเหล้าลงไปจนหมดแก้ว
“กินอาหารเถอะ ไม่งั้นถังเหรินสามีของฉัน ก็คงจะกินอาหารพวกนี้จนหมดแน่” เสี่ยวรุ่ยอิง พูดเตือนทุกคน
จาง ซูซาน พูดออกมาโดยที่ไม่ได้เป็นกังวลอะไร:“ ถังเหริน เขาจะกินได้มากแค่ไหนกันเชียว? น้องเฟิงมาแสดงความกระหายของนายให้เธอเห็น และมาทำให้เธอกลัวจนตายกันเถอะ!
เมื่อได้ยินประโยคว่า ‘ทำให้เธอกลัวจนตาย’ เสี่ยวรุ่ยอิง ก็หัวเราะออกมา เกือบจะพ่นเครื่องดื่มของเธอออกไปทั่วโต๊ะ แต่โชคดีที่เธอหันหน้าออกไปได้อย่างรวดเร็ว แล้วนำมันไปกองกับพื้น มิฉะนั้นอาหารบนโต๊ะก็คงจะสูญเปล่าไปจนหมดแน่ๆ
ไม่นานหลังจากนั้นการแสดงก็เริ่มขึ้น
ซุนยู้ และ หู่ ซัวหรง พร้อมด้วยสาวๆอีกสี่คน เดินไปที่กลางเวทีและเริ่มเต้นรำไปกับเพลงเบาๆ
เสี่ยวหลัว ไม่ได้สนใจคนอื่นๆมากนัก ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของเขามุ่งเน้นไปที่ ซุนยู้ เพียงอย่างเดียว ซุนยู้ เต้นรำไปกับดนตรีอย่างสวยงาม เธอเคลื่อนไหวได้อย่างนุ่มนวลและสง่างาม รูปร่างที่เพรียวบางของเธอล่องลอยไปตามเวที ด้วยเครื่องแต่งกายของเธอ มันทำให้นึกถึงภาพของผีเสื้อที่กำลังส่องแสงระยิบระยับขณะที่กำลังบินลงมาจากท้องฟ้า ความงามของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกมึนเมา
ตึกตัก ตึกตัก
เสี่ยวหลัวเกือบจะได้ยินเสียงของหัวใจของตัวที่กำลังเต้นเร็วขึ้น เขารู้สึกได้ว่าเลือดของเขามันกำลังพุ่งขึ้นไปที่ศีรษะ เพียงแค่ดูการเต้นของซุนยู้ บนเวที เสี่ยวหลัวก็นั่งตัวแข็งทื่อเหมือนกับคนที่งี่เง่า
“เสี่ยวหลัวดูเหมือนว่าแกจะหลงเสน่ห์ของเธอเข้าแล้วใช่ไหม ยังจะรออะไรอยู่อีกหละ รีบเข้าไปหาเธอได้แล้ว…” จาง ซูซาน พูดกระตุ้น
เสี่ยวหลัว กลอกตามองบนมาที่ จาง ซูซาน และพูดออกมาอย่างหงุดหงิด“ฉันดูเหมือนกับคน ที่ต้องให้แกสอนหรือไง!”
“ให้ตายเถอะ! ฉันแค่เป็นห่วงแก!” จาง ซูซาน พูดอย่างเป็นกังวล