ท่วงท่าของการเต้นรำมันสง่างามมากคล้ายกับวิธีที่นกนางแอ่นกำลังหวนกลับรัง แต่มันก็รวดเร็วเหมือนนกกางเขนที่โบยบินอยู่บนฝากฟ้าในตอนยามค่ำคืน ด้วยท่าเต้นที่สง่างามและนุ่มนวลมันทำให้ร่างกายของพวกเธอราวกับว่ากำลังล่อยลอยไปตามสายลมอยู่บนเวที

การแสดงของกลุ่ม ซุนยู ได้รับเสียงโห่ร้องอย่างกระตือรือร้นจากผู้ชมทั้งหมด เมื่อการแสดงของพวกเธอจบลง มันก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างท่วมท้น

“พี่ชาย ยู้ยู้ แสดงได้ดีเลยใช่ไหมล่ะ” เสี่ยวรุ่ยอิง กล่าวพลางมองไปที่ เสี่ยวหลัว โดยที่ไม่ได้มีเจตนาอื่นใดแอบแฝง

เสี่ยวหลัว พยักหน้าตอบ “ไม่เลวเลย!”

ใบหน้าของ เสี่ยวรุ่ยอิง ยิ้มแย้มแจ่มใส เพียงแค่คำชมเชยเล็กจากเสี่ยวหลัว เธอก็รู้แล้วว่า สิ่งที่เขาหมายถึงนั้นคืออะไร คำว่า“ไม่เลวเลย” ของเสี่ยวหลัวนั้นมันแปลได้ว่ายอดเยี่ยมมาก

“ฉันได้ยินมาจาก ซุนยู้ ว่าเธอก็มีการแสดงด้วยไม่ใช่เหรอ?” เสี่ยวหลัว ถามอย่างสงสัย

“เคยมีในตอนแรก แต่หนูก็ยกเลิกไปแล้ว การเตรียมตัวสำหรับการแสดง มันเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและน่าเบื่อหน่ายมาก หนูไม่อยากเสียเวลาว่างไปกับสิ่งเหล่านี้”

เสี่ยวรุ่ยอิง พูดพร้อมกับม้วนปากของเธอขึ้นมาเป็นรอยยิ้ม “โอ้ใช่ พี่ชาย หนูเคยพูดถึงเรื่องนี้กับพี่มาก่อน สำหรับผู้หญิงที่มีคุณสมบัติที่ดีอย่าง ยู้ยู้ เธอนั้นมีแฟนคลับมากมายในโรงพยาบาล และ ฝู กุยชั่ง ก็เป็นหนึ่งในนั้น และไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฝู กุยชั่ง นั้นเป็นคนที่มีความกล้ามากที่สุดในบรรดาคนมี่มาตามจีบ ยู้ยู้ และเขาก็มักจะให้ดอกไม้แก่ ยู้ยู้ ในทุกๆสามถึงห้าวัน”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ จาง ซูซาน จึงตบต้นขาของเขาอย่างแรง: “ฉันบอกแกแล้ว ว่าไอหลานชายคนนี้ มันมีความคิดที่ไม่ดีกับน้องสาว ซุนยู้ ”

“มันกล้าที่จะปล้นพี่สะใภ้ ของพี่ชายเสี่ยวงั้นเหรอ! ฉันจะไปฆ่ามัน” เฟิง อู๋ฮั่น ดื่มเหล้าลงไปหนึ่งแก้วแล้วหันไปมอง ฝู กุยชั่ง อย่างชั่วร้าย

“คนอย่างมันมีสิทธิ์อะไรที่จะมาเป็นคู่แข่งของเสี่ยวหลัว” จาง ซูซาน กล่าวดูถูก

“พี่จาง พูดถูก ไอเวรนั่น มันด้อยกว่าพี่เสี่ยว ในทุกๆด้าน”

เสี่ยวอู๋ เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมเขาก็เข้าสู่การสนทนาในทันที จากนั้นเสี่ยวอู๋ก็พูดให้คำแนะนำแก่เสี่ยวหลัวอย่างกระตือรือร้นว่า“พูดตามตรงนะ พี่ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเทคนิคพิเศษใดๆ เช่นการให้ของขวัญช่อดอกไม้หรือเครื่องประดับอะไรพวกนั้นเลย เมื่อพยายามจีบผู้หญิงการทำแบบนั้นมันเป็นเรื่องไร้สาระ พ่อของผมบอกกับผมว่าในสมัยโบราณ เมื่อผู้ชายตามจีบผู้หญิง สิ่งที่ผู้ชายจะต้องทำก็คือตีผู้หญิงด้วยไม้ให้หมดสติและลากเธอกลับมาที่บ้านเพื่อรวบหัวรวบหางเธอซะ!”

ทำให้คนหมดสติด้วยไม้ตีแล้วลากกลับ?

เสี่ยวหลัว แทบที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่

จาง ซูซาน หัวเราะอย่างหนักจนน้ำตาไหลออกมา พร้อมกับยกย่องในความสามารถของ เสี่ยวอู๋

ในขณะนั้นเสี่ยวหลัวก็สังเกตเห็นใครบางคนที่คุ้นเคย เขาคนนั้นก็คือ เจียง หยงชุน ประธาน ของโรงงานพลาสติก หยิงตง

ตอนนี้ผู้อำนวยการเหอ เขากำลังจับมือกับ เจียง หย่งชุน ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม

“รุ่ยอิง คนคนนั้น ไม่น่าจะใช่ หมอหรือพนักงานโรงพยาบาลของเธอหนิ?” เสี่ยวหลัวถาม นี่มันไม่ถูกต้อง ดูเหมือนว่าผู้อำนวยการเหอ เขาจะละเมิดกฎเองซะแล้ว

เสี่ยวรุ่ยอิง มองไปตามสายตาของเสี่ยวหลัว และเห็น เจียง หย่งชุน เธอก็อธิบายว่า: “คนคนนั้นก็คือประธาน ของโรงงานพลาสติกที่จัดหาเข็มฉีดยาพลาสติกให้กับโรงพยาบาลของเรา เหอหร่วนเหลียง เจ้าอ้วนที่ไม่มีคางนั่น ได้รับเงินใต้โต๊ะมากมายมาจากชายคนนั้น ดังนั้นเขาจึงปฏิบัติต่อชายคนนั้น ราวกับว่าผู้ชายคนนั้นเป็นบรรพบุรุษของเขา ”

เสี่ยวหลัวเลิกคิ้วและคิดว่ามันก็คงจะเป็นเช่นนั้น และนอกจากนี้เขาก็ยังสังเกตเห็นอีกว่า เสี่ยวรุ่ยอิง ได้ผู้เรียกผู้อำนวยการของเธอว่า “เจ้าอ้วนไม่มีคาง” ซึ่งเขาก็คิดว่านี่มันช่างเป็นคำอธิบายที่เหมาะสมจริงๆ

“จะไปพูดถึงผู้อำนวยการนั่นทำไม สิ่งที่ฉันอยากจะถามก็คือทำไม น้องสาว ซุนยู้ ถึงยังไม่กลับมาหลังจากที่การแสดงของเธอจบแล้ว” จาง ซูซาน ถาม

“ยู้ยู้ ยังต้องลบเครื่องสำอางออกและเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก ทั้งหมดนั่นไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลาเลยหรือไง” เสี่ยวรุ่ยอิง ถามกลับ

จากนั้น เธอก็วางมือทั้งสองข้างไว้ที่สะโพกของเธอและพูดวลีออกมา “เหตุใดขันทีจึงวิตกกังวลมากกว่าจักรพรรดิ แม้แต่พี่ชายของฉันก็ยังไม่รีบร้อนเลยแล้วคุณจะรีบไปเพื่ออะไร”

“…” จาง ซูซาน พูดไม่ออก

… …

การแสดงอย่างอื่นยังคงดำเนินต่อไปตลอดทั้งงานเลี้ยงเทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง ทุกคนสนุกกับงานนี้อย่างเต็มที่ และเห็นพ้องต้องกันว่าการแสดงเต้นรำภาพและการร้องเพลงต่างๆนั้นมันยอดเยี่ยมมาก

ซุนยู้ กลับมาอยู่ในชุดปกติของเธอ แล้วนั่งลงข้างๆเสี่ยวหลัว หลังจากที่ เสี่ยวรุ่ยอิง เขยิบออกให้เธอนั่งที่นั่น เธอสวมเสื้อสีเหลืองพาสเทลแบบหลวมๆ พร้อมกับกางเกงยีนส์สีดำรัดรูป ที่ให้ความรู้สึกที่น่ารักและอ่อนเยาว์

“พี่เสี่ยวหลัว วันนี้ลุงของฉันพูดอะไรแปลกๆกับฉัน” ซุนยู้ พูดเปิดเริ่มการสนทนา

“เขาพูดอะไรแปลกๆงั้นเหรอ?” เสี่ยวหลัว ถาม

ซุนยู้ ใช้ประโยชน์จากเสียงของดนตรีที่กำลังดังก้อง และพูดออกมาอย่างกล้าหาญว่า:“เขาบอกให้ฉันจับพี่เอาไว้ให้แน่น!”

ใบหน้าของเธอแดงทันที หลังจากที่พูดจบประโยค

เสี่ยวหลัวมองไปที่เธอ แต่เธอก็หันหน้าออกไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว และแสร้งทำเป็นว่าสนุกกับการแสดงบนเวที

เสี่ยวหลัว ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า”เป็นแฟนกันไหม”

ซุนยู้ ถึงกับผงะ อัตราการเต้นของหัวใจของเธอ นั้นมันเร็วมากจนแทบที่จะหายใจไม่ทัน ในหัวใจของเธอมันเหมือนกับว่ามันกำลังมีกวางตัวน้อยที่กำลังกระโดดโล้ดเต้นไปมาอยู่รอบๆ อย่างไรอย่างนั้น” นี่เป็นคำสารภาพรักของเสี่ยวหลัวงั้นเหรอ? เขากำลังสารภาพรักกับเธออยู่จริงๆใช่ไหม?

ริมฝีปากของเธอแยกออกจากกันเล็กน้อย ดวงตาที่สวยงามของเธอเบิกกว้างและแก้มของเธอก็แดงก่ำ

เสี่ยวหลัวสูดหายใจเข้าลึก และพูดซ้ำออกมาว่า“ซุนยู้มาเป็น…”

เสี่ยวหลัว ยังไม่ทันจะได้พูดจบประโยค ก็โดนพิธีกรบนเวทีขัดจังหวะ พิธีกรบนเวทีพูดประกาศเสียงดังอย่างตื่นเต้น ซึ่งเสียงนี้มันได้กลบสิ่งที่เสี่ยวหลัวตั้งใจจะพูด

“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี การแสดงรอบสุดท้ายที่พวกเราทุกคนคาดหวังไว้มันกำลังจะเริ่มขึ้น มันคือเพลง” Be Your Man “ที่ถูกขับร้องโดย ดร.ฝู ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองที่อายุน้อยที่สุดและหล่อเหลาที่สุดในโรงพยาบาลของเรา หมอฝู ของเรานั้นมีความสามารถที่หลากหลาย เขาไม่เพียงแต่จะเป็นเสาหลักของโรงพยาบาลของเราเท่านั้น แต่เขายังเรียนเปียโนด้วยตัวเองอีกด้วย”

“หลังจากที่สอบเปียโนระดับ 7 จากสมาคมนักดนตรีผ่าน ความสามารถทางดนตรีของเขาก็ถือว่าสูงมาก ดังนั้นขอให้พวกเราทุกคนปรบมือต้อนรับเขา ขอต้อนรับ เทพเจ้าแห่งบุรุษพยาบาลของทุกคนในโรงพยาบาลของเรา ฝู กุยชั่ง!”

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้องโถง มีผู้ชมผู้หญิงจำนวนมากที่ตะโกนคำว่า“ดร.ฝู!” ลั่น ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันมีชีวิตชีวามาก

ฝู กุยชั่ง เดินออกมาจากหลังเวที พร้อมกับไมโครโฟน ในขณะที่พนักงานของโรงแรมผลักดันเปียโนออกมาจากหลังเวที

“ห๊ะ ไอหลานชายคนนี้ มันเล่นเปียโนได้ด้วยเหรอเนี้ย”

ใบหน้าของ จาง ซูซาน เต็มไปด้วยความดูถูก เขามองไปที่ เฟิง อู๋ฮั่น และพูดว่า“นายเชื่อไหม”

เฟิง อู๋ฮั่น ส่ายหัว:“ไม่! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!”

จาง ซูซาน หันไปหาเสี่ยวหลัวและพูดว่า:“แกหละเชื่อไหม”

“ถ้าเขาสามารถเล่นเปียโนได้จริงๆ ก็ขอให้มีใครสักคนมาฆ่าฉันซะ” เสี่ยวอู๋ พูดออกมาอย่างหนักแน่น

เสี่ยวหลัว พูดอย่างเรียบเฉย: “เมื่อกี้นายไม่ได้สังเกตเห็นมือของเขาเหรอ เล็บของเขานั้นสั้นและไม่เกินเนื้อที่ตรงปลายนิ้วของเขา ปลายนิ้วของเขานั้นกลมและฝ่ามือของเขาก็กว้าง นี่คือเครื่องพิสูจน์ว่าเขาเล่นเปียโนได้ ฉันมั่นใจว่าเขาจะต้องเล่นเปียโนได้อย่างแน่นอน แต่มันก็ยังไม่ชัดเจนว่าเขาสอบได้ระดับ 7 จริงๆหรือเปล่า ”

คำพูดนี้มันทำให้เสี่ยวอู๋ รู้สึกตกใจมากถ้า ฝู กุยชั่ง สามารถเล่นเปียโนได้จริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาจะถูกฆ่าตายจริงๆหรอกเหรอ!

เสี่ยวรุ่ยอิง หัวเราะออกมาคิกคักและพูดว่า:“พี่ชายของฉัน เป็นคนที่ช่างสักเกตุจริงๆ ไม่เหมือนกับคุณ ฉันจะบอกอะไรเอาไว้ให้ ฝู กุยชั่ง นั้นมีทักษะการร้องเพลงที่ดีมาก และน้ำเสียงของเขาก็คล้ายกับ จาง ซิ่นเจ๋อ เสียงของเขานั้นฟังดูนุ่มนวลและน่าฟัง และทักษะการเล่นเปียโนของเขา ก็ดีมากเช่นกัน ในงานเลี้ยงเทศกาลกลางฤดูใบร่วงเมื่อปีที่แล้ว การบรรเลงเปียโนในบทเพลงของโชแปง ของเขา มันทำให้ผู้ชมรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก”

“ปัง”

หน้าผากของ เสี่ยวอู๋ กระแทกกับโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับแสดงสีหน้าที่ไร้ชีวิตชีวาออกมา เขาคิดกับตัวเองว่า“ตัวของฉันไม่มีอะไรดีเลย นอกซะจากการด่าตัวเอง!”

ในขณะนั้น ฝู กุยชั่ง ที่ยืนอยู่บนเวที ก็เผยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ออกมาและพูดว่า“ก่อนที่ฉันจะเริ่มร้องเพลง ฉันอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับผู้หญิงคนหนึ่ง และฉันก็อยากให้พวกคุณทุกคนที่อยู่ที่นี่ เป็นสักขีพยานให้กับฉัน”