หลังจากนั้นไม่กี่วัน

ณ ห้องที่เงียบสงบ เซี่ยปิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่พื้น ร่างกายของเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นหลุมวนพลังเวทมนตร์ รอบๆมีพลังฉีของธรรมชาติที่หลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ราชวังสีม่วงของเขาอย่างบ้าคลั่ง แปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังเวทมนตร์อย่างรวดเร็ว

อีกทั้งไม่ใช่แค่พลังเวทมนตร์เท่านั้น ด้วยการหายใจของเขา เหมือนกับว่าส่วนลึกของห้วงอากาศจะมีร่องรอยของออร่าความชั่วร้ายที่เอ่อล้นออกมา ออร่าที่ชั่วร้ายเหล่านี้ดูน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก แอบแฝงไปด้วยออร่าความกระหายเลือด ออร่าการฆ่าฟัน ออร่าความคลุ้มคลั่งและออร่าอื่นๆ

ตราบใดที่ปนเปื้อนเพียงเล็กน้อย มันเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนปกติธรรมดาคลุ้มคลั่งขึ้นมาได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเจาะทำลายการป้องกันพลังฉีดวงดาวได้โดยเฉพาะ

ภายใต้การกลืนกินของเซี่ยปิง ออร่าความชั่วร้ายเหล่านี้และสมุนไพรวิญญาณนั้นไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เมื่อถูกดูดซับเข้าไปในร่างกาย ในเสี้ยววินาทีมันก็ถูกแผดเผาโดยเปลวไฟ หลงเหลือเพียงแค่แก่นแท้พลังงานของมันเท่านั้น

ปัง!

ทันใดนั้นพื้นที่ของราชวังสีม่วงก็สั่นสะเทือน หลุมวนพลังเวทมนตร์ก็ได้ปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ในส่วนลึกของหลุมวนนั้นมีค่ายกลที่ลึกลับปรากฏขึ้นมา เหมือนกับว่าภายในแอบแฝงด้วยมังกรที่แท้จริง คำรามออกสู่ท้องฟ้า

อย่างรวดเร็ว หลุมวนค่ายกลนี้ก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นรูปแบบของมังกรที่แท้จริงและออกไปจากพื้นที่ราชวังสีม่วง จากนั้นก็ผสมผสานเข้ากับลำคอของเซี่ยปิงอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของเขาเปลี่ยนแปลงไป

“คำราม!”

เซี่ยปิงลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมา เขาได้อ้าปาก เสียงคำรามได้พุ่งออกไป นี่เป็นเหมือนกับการคำรามของมังกรที่แท้จริง คลื่นเสียงที่น่าสะพรึงกลัวได้กระจายออกไป เต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง

ตึบ ทั่วทั้งห้องที่เงียบสงบแห่งนี้เต็มไปด้วยคลื่นเสียง บดทำลายจนแตกกระจุยกระจายอย่างกะทันหัน ในช่วงเวลานี้กำแพงที่แข็งแรงทนทานได้มีรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นมามากมาย เป็นเหมือนกับใยแมงมุมก็ว่าได้

เศษหินจำนวนมากแตกกระจายออกมา แม้แต่ที่พื้นก็ปรากฏรอยแตกร้าวนับสิบขึ้น เหมือนกับว่าทั่วทั้งห้องที่เงียบสงบแห่งนี้กำลังจะถูกทำลายไปอย่างสมบูรณ์ก็ว่าได้

ยิ่งไปกว่านั้นนี่ก็เป็นการที่เซี่ยปิงควบคุมพลังเวทมนตร์ของตนเองให้อยู่ในระดับหนึ่ง ทว่ามันกลับทำให้ห้องที่เงียบสงบอยู่ในสภาพที่ยุ่งเหยิงเช่นนี้ บางทีหากกระตุ้นพลังอำนาจทั้งหมดออกมา ทั่วทั้งเกาะไจแอนอาจจะราบเป็นหน้ากลองได้

นี่คือความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร—เจ็ดบาปมังกรคำราม!

“สมกับที่เป็นความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรจริงๆ ช่างทรงอำนาจอย่างมาก”

เซี่ยปิงกำหมัดขึ้นมา ในการบ่มเพาะเป็นระยะเวลาหลายวันนั้น ในที่สุดเขาก็สามารถควบแน่นความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ได้สำเร็จ

เพื่อที่จะบ่มเพาะความสามารถศักดิ์สิทธิ์คลื่นเสียงของเผ่าพันธุ์มังกรนี้ได้สำเร็จนั้น เขาจำเป็นต้องดึงออร่าความชั่วร้ายของโลกเข้ามาและผสมผสานเข้ากับร่างกาย ผู้คนปกติธรรมดาที่ต้องการจะบ่มเพาะความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้จนสำเร็จนั้น เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเมื่อใดที่ออร่าความชั่วร้ายเข้ามาสู่ร่างกาย ทันใดนั้นก็จะกัดกร่อนร่างกาย ทำให้ร่างกายล่มสลายอย่างรวดเร็ว

มีเพียงแค่ผู้ที่มีศักยภาพร่างกายที่แข็งแกร่งในระดับเดียวกับเผ่าพันธุ์มังกรเท่านั้นจึงจะมีคุณสมบัติในการบ่มเพาะความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้จนสำเร็จ ต้านทานการกัดกร่อนของออร่าความชั่วร้าย คนอื่นๆที่คิดจะบ่มเพาะความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้นั้น เป็นเหมือนกับการรนหาที่ตายก็ว่าได้

ทว่าเมื่อมองดูพลังอำนาจของความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ มันก็สมเหตุสมผลกับความยากในการบ่มเพาะของมัน มันเป็นการผสมผสานพลังฉีชั่วร้ายเข้ากับร่างกายและประสานเข้ากับการคำรามของมังกรที่แท้จริงอีกครั้ง สร้างพลังทำลายล้างที่ไร้ที่ติออกมา

คาดการณ์ได้ว่าเมื่อกระตุ้นพลังอำนาจทั้งหมดออกมา ภายใต้การคำรามเพียงครั้งเดียว จะส่งผลกระทบออกไปในพื้นที่ระยะรัศมีนับ5พันกิโลเมตร

พื้นที่ในระยะรัศมี500กิโลเมตรรอบๆร่างกายของเขาจะกลายเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิต ด้วยออร่าชั่วร้ายที่กัดกร่อนนั้น สิ่งมีชีวิตปกติธรรมดาจะต้องตายเมื่อระยะเวลาผ่านไป เป็นเหมือนกับการเผชิญกับรังสีของนิวเคลียร์ก็ว่าได้

“ออร่าความชั่วร้ายยังไม่เพียงพอ หากสามารถที่จะหาออร่าความชั่วร้ายที่บริสุทธิ์ได้ในปริมาณมหาศาลเพื่อดูดกลืนเข้าไปและผสมผสานเข้ากับร่างกาย จะสามารถเพิ่มพลังอำนาจของความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้จนไปถึงจุดที่เหนือจินตนาการได้อย่างแน่นอน”

เซี่ยปิงมีสายตาเป็นประกาย เขาบ่มเพาะความสามารถศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรนี้ได้สำเร็จในขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้ยังคงมีศักยภาพอีกมากที่เขาต้องขุดคุ้ยออกมา

ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ควบแน่นความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้จนสำเร็จ พลังเวทมนตร์ของเขาก็ได้เพิ่มขึ้นมาอย่างมาก ทำให้เขาพัฒนาเข้าไปสู่ระดับหล่อหลอมสมบัติขั้นกลางมากยิ่งขึ้น ขัดเกลารากฐานวิทยายุทธของตนเอง

“โลกแห่งเมฆามีกฎยับยั้งของธรรมชาติที่ทรงอำนาจจริงๆ ไม่มีทางที่จะแสดงพลังอำนาจในระดับที่เหนือกว่ากายาศักดิ์สิทธิ์ได้เลย”

เซี่ยปิงต้องการที่จะรวบรวมพลังอำนาจของสวรรค์และโลก ทว่าเขากลับค้นพบว่าพลังอำนาจของกฎในโลกแห่งนี้ทรงอำนาจอย่างถึงที่สุด เหมือนกับว่าพลังอำนาจของเขาถูกยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ผนึกไว้ก็ว่าได้ ไม่สามารถที่จะแสดงพลังอำนาจในระดับหล่อหลอมสมบัติออกมาได้

ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เหมือนกับว่าเท้าของเขาถูกตรวนไว้ด้วยโซ่ก็ว่าได้ ไม่สามารถที่จะออกวิ่งได้อย่างเต็มที่

ทว่าการบ่มเพาะในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน สามารถที่จะมองเห็นได้ถึงข้อบกพร่องต่างๆของตนเอง

“ออกไป เหมือนกับจะอยู่ในห้องที่เงียบสงบแห่งนี้มานานเกินไป”

เซี่ยปิงลุกขึ้นยืน เสียงกระดูกและกล้ามเนื้อดังขึ้นมา เป็นเหมือนกับเสียงสายฟ้าฟาดก็ว่าได้ จากนั้นเขาก็ได้เดินทอดน่องออกไปจากห้องที่เงียบสงบแห่งนี้ ออกไปเพลิดเพลินกับแสงอาทิตย์ข้างนอก

เมื่อได้ออกไปจากห้องที่เงียบสงบ เขาก็ค้นพบว่าข้างนอกนั้นมีฉู่หลง เจียงยารุ ซู่จีและยวีชีชีหญิงสาวทั้งสี่คนที่อยู่ในห้องนั่งเล่น พวกเธอกำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย บนโต๊ะมีอาหารหลากหลายมากมายวางไว้อยู่ มีกลิ่นที่หอมหวนโชยออกมา

ในช่วงระยะเวลาหลายวันนี้ พวกเธอเอาแต่กินอย่างบ้าคลั่ง เหมือนกับว่าต้องการจะทดแทนสำหรับอาหารที่น่าเบื่อหน่ายที่พวกเธอได้กินในระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา

“กินมากเพียงนี้ ไม่กลัวอ้วนหรือ?”

เซี่ยปิงนั่งลงด้านข้างและพูดออกมาอย่างอิสระ

“การที่พูดคำต้องห้ามเช่นนี้ เจ้าอยากให้ข้าชกเจ้าหรือ?!”

ฉู่หลงชำเลืองมอง ดวงตาที่งดงามของเธอเผยให้เห็นถึงออร่าจิตสังหาร ไม่คาดคิดว่าจะกล้าพูดคำต้องห้ามเช่นนี้กับผู้หญิงที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหาร นี่ไม่ใช่เป็นการที่ต้องการจะถูกชกหรือ? เธอปรารถนาที่จะทุบเขา

“เหอะ ไม่ว่าเจ้าหญิงผู้นี้จะกินมากเพียงใดก็จะไม่มีวันอ้วน เป็นที่รู้จักกันดีว่าข้าคือผู้ที่งดงามตามธรรมชาติ”

ยวีชีชีหยิบเค้กชิ้นใหญ่ขึ้นมา จากนั้นก็นำเข้าปาก ง่ำ ง่ำ กินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับมองเซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน

“ข้ามองไม่เห็นความงดงามตามธรรมชาติ เห็นได้เพียงแค่ใบหน้าที่ด้านหน้าเพียงอย่างเดียว”

เซี่ยปิงพูดออกมาอย่างดูถูก

ยวีชีชีกัดฟันอย่างแน่น ต้องการที่จะปาเค้กใส่เขา

“อ้วน?”

ซู่จีและเจียงยารุทั้งสองคนก็รู้สึกเกรงกลัวเล็กน้อย มองดูรูปร่างของตนเอง เหมือนจะกังวลเรื่องนี้อยู่เช่นกัน

“ส่วนอื่นๆไม่ได้อ้วนเลย มีเพียงแค่บางส่วนที่อ้วน เหมือนกับไขมันไปกองอยู่ที่บริเวณเหล่านั้น”

เซี่ยปิงเอามือเท้าคาง มองดูรูปร่างของซู่จีและเจียงยารุทั้งสองคนตั้งแต่หัวจรดเท้า เหมือนกับได้เห็นเป็นบุญตา

“เหอะ!”

“เจ้าคนป่าเถื่อน!”

ใบหน้าที่งดงามของซู่จีและเจียงยารุแดงขึ้นมา ทันใดนั้นก็ได้ชักสีหน้าใส่เซี่ยปิงทันที พวกเธอก็ล่วงรู้ว่าเจ้าคนป่าเถื่อนนี้กำลังหมายความว่าอะไร โดยเฉพาะสายตานั้น เหมือนกับปรารถนาที่จะเปลื้องผ้าพวกเธอก็ว่าได้

“ใช่สิ เจ้าอันธพาล”

ยวีชีชีเหมือนกับนึกขึ้นได้ถึงบางอย่าง เธอกระพริบตาที่งดงามและเป็นประกายในขณะที่มองไปที่เซี่ยปิง “บนตัวของเจ้ายังมีอุปกรณ์เหลืออีกหรือไม่? พวกเราต้องการที่จะเข้าลองเข้าไปดูในเครือข่ายเสมือนจริงของจักรวาลเช่นกัน”

ได้ยินเช่นนี้ เจียงยารุ ซู่จีและฉู่หลงก็พยักหน้าเช่นกัน พวกเธอก็อยากรู้อยากเห็นอย่างมากว่าเครือข่ายเสมือนจริงเป็นอย่างไร นี่คือวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่อยู่เหนือจินตนาการ เข้าไปในเครือข่ายเสมือนจริงด้วยจิตใต้สำนึก เหมือนกับนำร่างที่แท้จริงไป สัมผัสถึงโลกเสมือนจริง เป็นหนึ่งในความฝันของมนุษย์ทุกๆคน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของโลกแห่งเมฆานั้นไม่สามารถที่จะบรรลุขั้นนี้ได้

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หากสามารถที่จะล็อกอินเข้าไปในเครือข่ายเสมือนจริงได้ พวกเธอก็สามารถที่จะทำการสื่อสารแลกเปลี่ยนกับมนุษย์ต่างดาวได้ รู้จักวัฒนธรรมและสังคมใหม่ๆภายในจักรวาล

ทว่าการที่ไม่มีอุปกรณ์นั้น พวกเธอก็ไม่สามารถที่จะลงทะเบียนได้ ทำได้เพียงแค่มองดูด้วยความอิจฉาเท่านั้น

“ไม่มีปัญหา ข้ายังมีเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง รอให้ได้เข้าไปดูด้วยกัน”

เซี่ยปิงได้ตักน้ำซุปเข้าปากพร้อมกับตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก

เขาก็นึกขึ้นได้อย่างกะทันหันว่าถึงเวลาที่ตนเองควรเข้าไปในเครือข่ายเสมือนจริง เป็นระยะเวลาหนึ่งปีแล้วที่เขาได้ยืมเงินจากกลุ่มของเด็กเหล่านั้นมา แน่นอนว่าสำหรับตัวเขาในตอนนี้ เงินจำนวนนี้ไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึง เป็นเพียงแค่เงินเล็กน้อย

ทว่าเขาก็เป็นคนที่รักษาคำพูดของตนเอง เขาจะต้องคืนเงินจำนวนนี้อย่างแน่นอน

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง เซี่ยปิงก็พึงพอใจกับมื้ออาหารของตนเอง ทันใดนั้นก็ได้หยิบอุปกรณ์ของเครือข่ายเสมือนจริงออกมาจากร่างกายและโยนให้กับยวีชีชีและอีกสามคน จากนั้นก็สอนวิธีการใช้งานกับพวกเธอ

อย่างรวดเร็ว ทั้งห้าคนก็ได้ล็อกอินเข้าไปในโลกของเครือข่ายเสมือนจริงด้วยกัน