ณ เมืองตะวันออกอันไกลโพ้นภายในเครือข่ายเสมือนจริงของจักรวาล

วิซ!

หลังจากที่ได้จัดการเรื่องลงทะเบียน เซี่ยปิงรวมถึงฉู่หลง ยวีชีชี เจียงยารุและซู่จี่ทั้งห้าคนก็ได้ปรากฏขึ้นมาในจุดเทเลพอร์ตของเมืองเสมือนจริงแห่งนี้ทันที

“ที่นี่คือพื้นที่วิทยายุทธของเครือข่ายเสมือนจริงหรือ? ช่างดูสมจริงเกินไป”

ยวีชีชีและคนอื่นๆต่างก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ นี่มันเป็นประสบการณ์ใหม่สำหรับพวกเธอ พวกเธอรู้สึกว่าโลกแห่งนี้มีความสมจริงอย่างถึงที่สุด เป็นเหมือนกับโลกที่แท้จริงก็ว่าได้ สามารถที่จะรับกลิ่น สัมผัส ลิ้มรส รู้สึกถึงความเจ็บปวดและอื่นๆ

นอกจากการที่ไม่สามารถตายได้นั้น โลกเสมือนจริงแห่งนี้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากโลกที่แท้จริงแต่อย่างใด

“ไม่คาดคิดว่าจะเข้ามาในเมืองตะวันออกอันไกลโพ้น?!”

เซี่ยปิงขมวดคิ้วขึ้นมา เพราะว่าตามระบบเมืองของพื้นที่วิทยายุทธนั้น มันจะถูกแบ่งแยกออกเป็นเมืองระดับต่ำ เมืองระดับกลางและเมืองระดับสูง

เมืองระดับต่ำนั้นเป็นสถานที่ที่ผู้บ่มเพาะในระดับราชวังสีม่วง ระดับสมปรารถนาและระดับหล่อหลอมสมบัติที่สามารถเข้าไปได้ เมืองระดับกลางนั้นเป็นสถานที่ที่ผู้บ่มเพาะในระดับหล่อหลอมสมบัติ ระดับเปลวไฟที่แท้จริงและระดับแกนทองที่เข้าไปได้ ส่วนเมืองระดับสูงนั้นเป็นสถานที่ที่มีเพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับแตกฉาน ระดับกฎเทวรูปและระดับลงทัณฑ์สายฟ้าที่เข้าไปได้

ทว่าเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นนั้นเป็นเมืองระดับต่ำซึ่งรอบรับเพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับราชวังสีม่วง ระดับสมปรารถนาและระดับกายาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ผู้บ่มเพาะที่อยู่ในระดับที่สูงกว่านี้จะถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปในเมืองระดับกลางโดยอัตโนมัติ

ทว่าเขาที่ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาในระดับหล่อหลอมสมบัตินั้น ตามกฎระเบียบจะไม่สามารถเข้ามาในเมืองแห่งนี้ได้ ทว่าตอนนี้กลับเข้ามาได้โดยที่ไม่มีปัญหาใดๆ

“หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับกฎยับยั้งตามธรรมชาติของโลกแห่งเมฆา?!”

เซี่ยปิงคาดเดา เขาได้ทำการครุ่นคิด ทว่าเหตุผลที่มีความเป็นไปได้ที่สุดนั้นก็คาดว่าจะต้องมีความเกี่ยวข้องกับโลกแห่งเมฆา

เพราะว่ากฎยับยั้งตามธรรมชาติของโลกแห่งเมฆาทำให้แกนพลังฉีของเขาถูกยับยั้งให้อยู่ในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด เหมือนกับการที่แกนพลังฉีถูกผนึกก็ว่าได้ บางทีเพราะว่าเป็นเช่นนี้เครือข่ายเสมือนจริงของจักรวาลจึงคิดว่าเขาเป็นเพียงแค่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงสามารถเข้ามาในเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นได้

ทว่าต่อให้จะเข้ามาในเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นได้ เขาก็ยังคงรู้สึกว่าแกนพลังฉีของตนเองถูกยับยั้งอยู่ที่ระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด ไม่สามารถที่จะแสดงพลังอำนาจในระดับหล่อหลอมสมบัติได้

อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นเช่นนั้น ด้วยพลังอำนาจของเขาในตอนนี้นั้น ก็ยังคงสามารถอาละวาดไปทั่วทั้งเมืองแห่งนี้ได้อย่างอิสระ ไม่มีใครที่จะต่อกรกับเขาได้

“การที่เข้ามาเครือข่ายเสมือนจริง ทำไมเจ้าจะต้องเปลี่ยนชื่อและรูปลักษณ์ของตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเรียกร้องให้พวกเราเปลี่ยนชื่อและรูปลักษณ์ของตนเองเช่นกัน?” เจียงยารุมองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่สับสน

เดิมทีพวกเธอก็ต้องการที่จะเข้ามาในเครือข่ายเสมือนจริงด้วยชื่อจริงและรูปลักษณ์ที่แท้จริง ทว่าภายใต้คำแนะนำของเซี่ยปิงนั้น พวกเธอก็ได้เปลี่ยนชื่อและรูปลักษณ์ของตนเอง เหมือนกับจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นคนอีกคนหนึ่ง

“หลักๆก็เป็นเพราะว่าจักรวาลนั้นมีอันตรายมากเกินไป เป็นโลกที่น่ากลัว หากเปิดเผยชื่อและรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตนเอง มันจะไม่ถูกศัตรูไล่ล่าได้อย่างง่ายดายหรือ? การที่จะทำอะไรนั้นจะต้องรอบคอบเสมอ ไม่สามารถที่จะเปิดเผยสถานะของตนเองได้อย่างง่ายดาย”

เซี่ยปิงใช้หลักการเหตุผลในการโต้แย้ง ใช้สถานะการเป็นรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์ของเครือข่ายเสมือนจริงในการบอกว่าจักรวาลเป็นสถานที่ที่อันตราย

“ปกติพวกเราก็ไม่เคยทำตัวโดดเด่นและไม่เคยสร้างปัญหาให้กับใคร ไม่มีทางที่จะกลายเป็นศัตรูกับคนอื่นๆ มีที่ไหนที่จะมีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการไล่ล่าตามล้างแค้นพวกเรา บอกพวกเรามาตามตรง เจ้าไม่ได้ก่อปัญหาอะไรจนผู้คนในสถานที่แห่งนี้ไม่พึงพอใจใช่หรือไม่ ไม่ได้สร้างศัตรูขึ้นทุกหนแห่งใช่หรือไม่?”

ยวีชีชีและคนอื่นๆมองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่เคลือบแคลงใจ พวกเธอคิดว่าเซี่ยปิงเป็นตัวสร้างปัญหา ไปที่ใดก็มักที่จะก่อเรื่องที่ใหญ่โตขึ้นมา สร้างศัตรูในทุกหนแห่ง

หากมีวันไหนที่เจ้านี่ไม่ได้สร้างปัญหาขึ้นมา พวกเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดอย่างมาก

“แน่นอนว่าไม่ใช่ ข้านั้นเป็นผู้ที่สงบเสงี่ยมเจียมตัว เป็นไปได้อย่างไรที่จะก่อเรื่องให้ผู้คนไม่พึงพอใจ พวกเจ้าควรที่จะมองผู้คนจากข้างในจิตใจ” เซี่ยปิงมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์ รู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม บ่งบอกว่าตนเองนั้นสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่มีทางที่จะก่อปัญหาขึ้นมา

ทว่าไม่ทันได้พูดอะไรมากไปกว่านี้ ทันใดนั้นก็มีผู้คนจำนวนมากที่เห็นเซี่ยปิง แต่ละคนต่างก็ตะโกนออกมาอย่างโมโห

“เจ้ายอดนักต้มตุ๋นอู๋ตี่ ไม่คาดคิดว่าเจ้าบัดซบนี่จะกล้าเข้ามาในเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นอีกครั้ง ช่างมีความกล้าหาญที่ใหญ่โตยิ่งนัก” ชายวัยกลางคนได้ตะโกนออกมา จ้องมองอย่างโกรธแค้น เหมือนกับจะไม่สามารถยับยั้งความโมโหของตนเองได้อีกต่อไป ต้องการที่จะพุ่งเข้าไปอัดเข้าเซี่ยปิงอย่างป่าเถื่อน

ทว่าไม่ทันรอให้เขาได้พุ่งเข้าไป ผู้คุ้มกันของเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นที่อยู่ใกล้ๆก็เห็นสถานการณ์นี้ทันทีและได้เข้าไปควบคุมตัวของเขาไว้ ใช้ไม้ทุบเข้าไปที่หน้าท้อง ทำให้เขาเจ็บปวดจนทรุดลงไปกับพื้น เสียงตะโกนที่น่าสมเพชดังออกมาอย่างต่อเนื่อง

ทว่าเขาก็ยังคงคำรามออกมา เหมือนกับว่ายังคิดที่จะอัดเซี่ยปิงให้ได้

“ที่นี่ไม่ต้อนรับนักต้มตุ๋นอย่างเจ้า รีบไสหัวออกไปซะ”

“คืนเงินพวกเรามา รีบคืนเงินพวกเรามาทันที”

“นักต้มตุ๋นอย่างเจ้ามีความละอายใจบ้างหรือไม่ ถามว่าเจ้ามีความละอายใจบ้างหรือไม่?!”

ผู้คนจำนวนมากคำรามออกมาอย่างโมโห พวกเขาต่างก็ตะโกนขับไล่เซี่ยปิงออกไป แต่ละคนต่างก็ไม่สบอารมณ์ รู้สึกไม่พึงพอใจกับความไม่ยุติธรรม

ทว่าที่นี่คือพื้นที่เมืองซึ่งเป็นพื้นที่เขตปลอดภัย พวกเขาไม่กล้าที่จะลงมือ ทำได้เพียงแค่ตะโกนออกมา

เทียบกับในช่วงเวลาที่พวกเขาโดนฉ้อโกงไปนั้น ตอนนี้ผู้คนของเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นเหมือนกับว่าจะโมโหมากกว่าเดิม ปรารถนาที่จะฉีกเซี่ยปิงให้เป็นชิ้นๆทันที

อันที่จริงนี่ก็มีเหตุผลอยู่เหมือนกัน

ก่อนหน้าที่เซี่ยปิงต้องการที่จะหารายได้นั้น เขาก็ได้เขียนหนังสือเคล็ดลับการหลอกลวง36วิธีขึ้นมา ซึ่งหนังสือเล่มนี้ขายดีอย่างมากในอาณาเขตดวงดาวจำนวนมาก กลายเป็นหนังสือที่โด่งดัง ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็รับรู้ถึงหนังสือเล่มนี้

ทว่าเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นกลับมีชื่อเสียงขึ้นมาเพราะเซี่ยปิงเช่นกัน เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ได้ถูกขุดคุ้ยโดยผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วน นักข่าวจำนวนมากได้เข้ามาเพื่อทำการสัมภาษณ์และสอบถามรายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ในที่สุดก็เห็นได้ชัดว่าผู้คนของเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นนั้นถูกผู้คนจำนวนมากแค่ไหนที่เยาะเย้ยถากถาง คิดว่าในหัวของพวกเขานั้นไม่ได้มีสมองอยู่ ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่จะถูกฉ้อโกงไปอย่างโง่เขลาเช่นนี้

ผู้คนจำนวนมากมองดูผู้คนของเมืองตะวันออกอันไกลโพ้นด้วยสายตาที่เหมือนกับมองคนพิการที่น่าสงสารก็ว่าได้ นี่ทำให้พวกเขารู้สึกรำคาญใจอย่างมาก

พวกเขาเกลียดชังเจ้าตัวการเซี่ยปิงที่ทำให้เกิดเรื่องเช่นนี้ไปจนถึงไขกระดูก ปรารถนาที่จะอัดเจ้านี่อย่างป่าเถื่อนและถลกหนังออกมา

“เพิ่งพูดว่าไม่สร้างปัญหา ทว่าทำไมตอนนี้ถึงได้มีผู้คนจำนวนมากที่ต้องการจะขับไล่เจ้าออกไปเช่นนี้?”

ยวีชีชีก็พูดอะไรไม่ออก นี่เป็นความเดือดดาลของสาธารณะอย่างแท้จริง ในบรรดาคนเหล่านี้ก็มีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดเป็นจำนวนมากเช่นกัน การที่ถูกจับจ้องโดยศัตรูเช่นนี้ เธอคิดว่าชีวิตสุนัขของตนเองกำลังจะดับสลายไป

ถึงแม้ว่าเธอจะล่วงรู้ว่าเซี่ยปิงนั้นเป็นบุคคลที่ชอบสร้างปัญหาขึ้นมาทุกหนแห่ง ทว่าเธอก็ไม่คาดคิดว่าเรื่องที่เจ้าบัดซบนี่ได้ก่อขึ้นมานั้นจะใหญ่โตเช่นนี้ มีศัตรูเป็นจำนวนมาก หากพวกเธอล่วงรู้ก่อนล่ะก็ ให้ตายพวกเธอก็จะไม่เดินทางมาด้วยกันกับเจ้าบัดซบนี่ ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าพวกเธอต้องเผชิญกับเหตุการณ์โชคร้ายบางอย่าง

“ไม่ คนเหล่านี้เป็นแฟนคลับ เป็นผู้ที่เคารพสรรเสริญข้า พวกเขาเพียงแค่ตื่นเต้นมากไปหน่อยเท่านั้น” เซี่ยปิงแก้ตัวออกมาน้ำขุ่นๆ ไม่ยอมรับความจริง

“ไม่ใช่แค่พวกเขาดูหงุดหงิด ทว่าเหมือนว่าพวกเขาจะต้องการสังหารเจ้าให้ได้ หากไม่ใช่เพราะมีผู้คุ้มกันของเมืองที่จัดการดูแลอยู่ บางทีเจ้าก็อาจจะตายไปด้วยความโกรธแค้นของสาธารณะ”

เจียงยารุกัดมุมปาก

“ใช่ นี่เป็นความรักจากบรรดาแฟนคลับ เป็นความคลั่งไคล้ในรูปแบบใหม่ ทว่าข้าก็เข้าใจได้ ข้าก็เกิดอาการตื่นเต้นเหมือนกันเมื่อได้เจอกับไอดอลของตนเอง”

เซี่ยปิงยืนไขว้มือไว้ข้างหลังทั้งสองข้าง

“ใช่รึ? ทำไมข้าถึงได้ยินเสียงของผู้คนจำนวนมากที่ตะโกนขับไล่เจ้า อีกทั้งยังขอให้เจ้าคืนเงินให้กับพวกเขา อันที่จริงเจ้าได้ก่อเรื่องอะไรไว้ถึงทำให้ผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ไม่พึงพอใจ?” ฉู่หลงกัดฟันพูดออกมา เธอคิดว่าเซี่ยปิงได้กลายเป็นศัตรูของผู้คนทั่วทั้งเมือง เป็นเป้าหมายที่ถูกไล่ล่าโดยทุกๆคน

ไม่ประหลาดใจว่าทำไมเจ้าบัดซบนี่ถึงไม่กล้าที่จะเปิดเผยสถานะที่แท้จริงของตนเอง แม้แต่ชื่อก็ปกปิดไว้ หากเปิดเผยสถานะที่แท้จริงออกไปล่ะก็ บางทีอาจจะมีมนุษย์ต่างดาวจากอาณาเขตดวงดาวมากมายที่ต้องการเข้ามาสังหารเขาที่โลกแห่งเมฆา

“คนเหล่านี้เป็นแอนตี้แฟน ชอบใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น วันๆเอาแต่สร้างปัญหา อย่าไปสนใจพวกเขา ในฐานะคนดังนั้น มันเป็นเรื่องปกติที่จะมีแอนตี้แฟนเหล่านี้อยู่ ข้าคุ้นชินกับเรื่องเช่นนี้แล้ว”

เซี่ยปิงถอนหายใจออกมา ในฐานะคนดังนั้น ออกไปไหนก็จะมีแต่ผู้คนรายล้อม มีทั้งแฟนคลับและแอนตี้แฟน ความกดดันของเขาก็มากพอสมควร ทว่าเขาก็ยังสามารถที่จะแบกรับความกดดันนี้ได้

“ข้าคิดว่าใบหน้าของเจ้าด้านหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองเสียอีก”

ซู่จีมองไปที่เซี่ยปิงด้วยสีหน้าที่รังเกียจ