เช่นเดียวกับแพลนท์เวอร์ซัสซอมบี้ความก้าวหน้าและพัฒนาของฟางฉีนั้นต่างถูกเผยแพร่ออกไปในโลกสาธารณะ
จำนวนผู้เล่นมินิเกมใน QQ ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกระแสของฟางฉี แต่โดยส่วนมากมักจะโน้มเอียงไปทางแพลนท์เวอร์ซัสซอมบี้ เพราะมีไม่กี่คนนักที่จะเป็ยนักสู้ตัวจริงแห่งเกมคิงออฟไฟเตอร์
โดยตอนนี้เป้าหมายภารกิจของฟางฉีได้ดำเนินการไปมากกว่าครึ่งหนึ่ง 152/200 หมายความว่าอีกไม่นานเกินรอที่ แฮร์รี่พอร์ตเตอร์ภาคหนึ่งจะมาถึง
หากเทียบคิงออฟไฟเตอร์เวอร์ชั่นนี้กับเวรอ์ชั่นเดิม การล้างเวทีสำหรับเวอร์ชั่นเก่านั้นใช้แค่โทเคนเดียวเพื่อจัดการกับทุกสิ่ง แต่สำหรับเวอร์ชั่นนี้แล้วการใช้เงินก็ไม่ถือเป็นการแก้ปัญหาทั้งหมด แม้แต่ฟางฉีเองยังไม่สามารถล้าวงเวทีได้ด้วยโทเคนเดียว
เงื่อนไขในการปลดล็อคการเคลื่อนไหวและทักษะในคิงออฟไฟเตอร์คือผู้เล่นจะต้องเอาชนะศัตรูในโหมดเนื้อเรื่อง หลังจากเอาชนะศัตรูแล้วผู้เล่นสามารถเรียนรู้วิธีการฝึกฝนทักษะของตัวละครหลักที่พวกเขาเลือกใช้ในการต่อสู้ หากพวกเขาต้องการที่จะเรียนรู้การเคลื่อนไหว พวกเขาก็ต้องทำตามเงื่อนไขที่เกมได้กำหนดไว้พร้อมกับโทเคน
เหรียญทองคำยี่สิบเหรียญเท่ากับหนึ่งโทเคน ฟางฉีได้ขโมยผักของคนอื่นเป็นจำนวนมากเพื่อนำไปแลกเป็นโทเคน แต่เขาก็ยังชนะโอริจิเลยสักครั้ง มันค่อนข้างน่าอายเขาจึงพยายามอย่างมาก!
ฟางฉีสามารถเอาชนะผู้เล่นคนอื่นยๆ ในคิงออฟไฟเตอร์และในคาเฟ่ทั้งสองแห่งไม่มีใครเล่นเทียบเขาได้ เขาใช้คอมโบได้อย่างราบรื่นแม้จะเล่นมือเดียว
อย่างไรก็ตามในครั้งที่ผ่านมาฟางฉีไม่ได้เป็นที่สุดของนักสู้อีกต่อไป
“”
“ได้เวลาดูกระบี่เทพสังหารแล้ว!” ทุกคนหันความสนใจไปดูละคร วันนี้เป็นวันอัปเดทของสัปดาห์นี้พวกเขาจำได้โดยไม่ต้องมีการเตือนจากฟางฉี
“มานี่สิ! ใครก็ตามที่ต้องการดูมารวมตรงนี้!” ตั้งแต่พวกเขาสามาถรวมตัวและพูดคุยกันในคิวโซน พวกเขาสามารถดูละครด้วยกัน วันนี้กลุ่มของฟางฉีมีสมาชิกใหม่รวมถึงโมเทียนซิง, หวังปู่เต๋า, หลิวหนิงหยุนและโมเซียน
อาจารย์ซีชิและผู้เล่นคนอื่นๆ ที่เพิ่งเคยมาที่ร้านเมื่อวานครั้งแรกยังคงไล่ดูตั้งแต่ตอนแรก พวกเขายังคงเก็บดูและยังไม่ถึงตอนล่าสุด
“อ่า .. เจ้าของร้านกับผู้หญิงที่เฝ้าดูท่านเล่นคิงออฟไฟเตอร์ไปไหน?” ซงฉิงเฟิงมองไปรอบๆ บ้านแปลกใจที่ผู้เยี่ยมชมประจำคิวโซนของฟางฉีหายไป
“จริงๆ แล้วเขากำลังออกไเที่ยวกับปีศาจสาวนั่น!” โมเซียนและศิษย์น้องของเธอกำลังจับกลุ่มนินทา
“ข้าหวังว่าเขาคงจะไม่ได้หลงเสน่ห์ปีศาจสาว!”
“โชคดีเธอไม่อยู่ที่นี่ ข้าไม่อยากดูละครกับปีศาจนั่น ..”
ฟางฉีที่เข้ามาพอดีพูดว่า “เธอยังคงดูไม่ถึงตอนปัจจุบัน”
“เฮ้! เจ้าหนุ่ม .. ข้าได้รู้จักเพื่อนใหม่มากมายที่นั้น” นาหลันฮงวูกล่าว “ทำไมเจ้าไม่แนะนำให้เรารู้จักบ้าง”
“นี่หวังปู่เต๋า!”
“ข้าโมเทียนซิงจากสมาคมเกมแห่งสวรรค์!”
“…”
ขณะเดียวกันนาหลันหมิงสือเองก็มองดูด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง ความสวยและราศีของเธอเปล่งประกายความน่ากลัวออกมาเล็กน้อย
“เจ้ายังเด็กอยู่!” เธอเอ่ยเตือนฟางฉี “เจ้ายังไม่ถึงสิบเจ็ดเลยยังมีเวลาอีกมาก”
“หึ!”
คนอย่างซัวเต๋า, โมเทียนซิงและคนอื่นๆ เริ่มเข้ากันได้ดี
“ไม่แย่ๆ” หวังปู่เต๋ากล่าว “เรามีประเพณีและการสืบทอดที่แตกต่างกัน ข้าเชื่อว่าเทคนิคและความเข้าใจของพวกเราน่าจะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกันไป”
“ขอบคุณ ขอบคุณ!” พวกเขาเริ่มชื่นชมซึ่งกันและกันอย่างมืออาชีพ “ข้าได้ยินมาว่าทะเลดวงดาวเป็นโลกที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนระดับสูง ข้าไม่แน่ใจว่าเทคนิคของที่นั้นนั่นลึกซึ้งเพียงใด”
“ขอบคุณ”
“เรามานั่งดื่มชาและแลกเปลี่ยนความคิดกันเถอะ!”
ขณะเดียวกันผู้คนที่กำลังดูละครตอนนี้ เรื่องราวกำลังเข้มข้น ส่วนบางกลุ่มก็เพิ่งเริ่มดู
สาเหตุที่พวกเขากระตือรือร้นที่จะดูตอนใหม่เพราะฉากจบคือฉากที่กลุ่มเมฆเขียวกำลังโจมตีสัตว์ประหลาด พวกเขาจึงอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรในตอนต่อไป ภูเขาด้านหลังของกลุ่มเมฆเขียวนั้นหลินจิงหยูกำลังจะตาย ชายชรากำลังกวาดพื้นเขาใช้สกิลสังหารมังกร ซึ่งนั่นเป็นคาถาที่หายไปนานตามตำนานของกลุ่มเมฆเขียว แสงสีเขียวปรากฎขึ้นพาให้ทุกคนที่รับชมดีอกดีใจ
“วัน .. อะ อะไร!?”
ผู้ชมพูดคุยกัน “เทคนิคคาบคุมดาบนี้มีพลังที่น่ากลัวมาก!”
“วัน .. อะ อะไร!?” นาหลันหมิงสือพูดขึ้น “เขาเป็นพี่อาวุโสของวัน ที่พวกเขากำลังพูดถึงกันหรอ?”
หลังจากดูว่าเกิดอะไรขึ้น วันเจียนยี่ก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมดาบอมตะ!
[ชายชราลึกลับผู้ำนักอยู่ที่ศาลเจ้าผู้ก่อตั้ง เขาเคยมีความสัมพันธ์กับโจวจิ แต่พวกเขาไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้เนื่องจากพวกเขามาจากนิกายที่อยู่ตรงกันข้ามกัน ต่อมาเขาจึงกลายมาเป็นอาจารย์ของหลินจิงหยู]
ลูกค้าของฟางฉียังไม่ทรงว่าเหตุใตเรื่องนี้ถึงมีชื่อว่ากระบี่เทพสังหาร แต่ในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเข้าใจเมื่อเนื้อเรื่องเริ่มดำเนินต่อไปและเห็นการปรากฎตัวขึ้นของดาบอมตะ
(ผู้แปล : ผู้แปลอิ้งกล่าวว่านี่คือละครเรื่องจู้เสี้ยนชื่อภาษาจีนหมายถึงผู้ฆ่าเป็นอมตะ แต่เมื่อนำมาสร้างและทำใหม่จึงถูกดัดแปลงเนื้อเรื่องไปบ้าง)
ภูเขาและเมฆเขียวทั้งหมดสั่นสะเทือนราวกับแผ่นดินไหว บนยอดเขาแห่งสวรรค์ในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างขึ้น แสงในถ้ำแห่งดวงจันทร์ก็เช่นกันรัศมีสีม่วงเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนมันสวยงามและสง่ากว่าที่ผ่านมาในรอบหลายพันปี
ลำแสงหลายสีรวมตัวกันก่อเป็นสีรุ้ง สีทั้งเจ็ดรวมตัวกันสะท้อนอยู่ในดาบอมตะ ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วทุกหนแห่ง
“ดาบอมตะ!?” ขณะที่ผู้ชมกำลังมองดูลำแสงเจ็ดสีที่ดูไม่มีที่สิ้นสุด พลังงานดาบนั้นทรงพลังมหึมาชวนสยดสยองพาให้ผู้คนต่างตกตะลึง
พลังดาบนั้นรุนแรงราวกับพายุ ฉากที่ปรากฎขึ้นเป็นการต่อสู้กันเลือดหลั่งไหลราวกับสายฝนซัดสาด มันเหมือนกับนรกในกลุ่มผู้ฝึกฝน ผู้คนต่างพูดไม่ออก
ใบหน้าของพวกเขาดูตื่นเต้น พวกเขากลั้นหายใจด้วยความเสียวด้วยไม่รู้ตัว
“ข้าประหลาดใจในเทคนิคของกลุ่มเมฆเขียวมาก มันทรงพลังสุดๆ!” หลิวหนิงหยุนเอ่ยชม “ถ้าฝ่ายหนานหัวของเรามีแนวป้องกันและทักษะเช่นนี้เราคงไม่ได้รับความเสียหายจากมือของปีศาจเมื่อพันปีก่อนแน่!”
“หัวหน้ากลุ่มเมฆเขียวช่างเป็นอัจฉริยะที่น่าทึ่ง!”
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาก็ยังดูไม่ถึงฉากสุดท้ายของตอน จางเสียวฟานเปิดเผยความลับเบื้องหลังในการฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา
ขณะนี้ผู้ชมทั้งหมดสูญเสียความเป็นตัวเอง พวกเขานั่งไม่ติดเก้าอี้แถมความคิดในหัวตอนนี้เริ่มปั่นป่วนไปหมด หลังจากที่ได้เห็นดาบอมตะอันหน้าทึ่ง จิตใจของพวกเขานั้นวุ่ยวายและมืดมัวไปหมด
“วิญญาณอันมืดมนในนรกและปีศาจ ข้าจะเสียสละร่างกายและ ..” ผู้คนมองดูฉากคำสาปเลือด
คำสาปแห่งรัก!
แสงสีขาววาบปรากฎขึ้นทันทีในห้วงแห่งความสิ้นหวัง!