บทที่ 103 แกรีบไสหัวออกไปเลย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เธอเดาไม่ผิดจริงๆ เป็นเรื่องนี้ดังคาด เธอกล่าวเสียงราบเรียบ “พวกเราเป็นเพื่อนกันค่ะ ตอนนั้นฉันเมาเขาเลยดูแลฉันหนึ่งคืนค่ะ”

ได้ยินดังนั้น ระหว่างคิ้วสุนันท์เผยความรังเกียจเดียดฉันท์อย่างไม่หยุดยั้ง พลางสบถออกมาสองพยางค์ “ใครเชื่อ?”

“ผมเชื่อครับ”!”เลอแปงที่นั่งบนโซฟาลุกขึ้นมากล่าว

“อยู่เงียบๆ อย่ามาพูดแถวนี้” สุนันท์มองเลอแปงอย่างตำหนิติเตียนปราดหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเชอร์รีน “ในเมื่อใช้ลูกมัดตัวออกัสสำเร็จ ได้แต่งเข้าบ้านสิริไพบูรณ์แล้วก็ควรรักนวลสงวนตัวหน่อย?เธอทนเหงาไม่ได้เลยเหรอ?”

สีหน้าเชอร์รีนเคร่งขรึมสุดแสน ทว่ายังไม่ทันพูดอะไร เลอแปงก็เป็นเดือดเป็นร้อนแทนแล้ว “พอแล้วครับ!”

“พออะไร?เลอแปง แกอ่านหนังสือพิมพ์หรือยัง รู้หรือเปล่าว่ามันสวมเขาให้พี่ชายยังไง ทำหน้าตระกูลสิริไพบูรณ์ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง?” สุนันท์พูดอย่างไม่น่าฟัง

เลอแปงไม่อาจทนฟังได้อีก เอ่ยปากพูดทีละคำอย่างชัดๆ“เธอไม่ใช่คนแบบนั้น ผมเชื่อมั่นในตัวเธอ นักข่าวต้องเขียนมั่วแน่!”

“แกเชื่อมัน?แต่แม่ไม่เชื่อ เกิดเรื่องอย่างนี้ มันยังไม่สำรวมอีก แกรู้ไหมตอนแม่ไปที่โรงเรียนแล้วเห็นอะไรบ้าง?”

สุนันท์หยุดพูดชั่ววูบ ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า“มันยังนั่งกินข้าวด้วยกันกับผู้ชายในข่าวอีก คุยกันซะชื่นมื่นเชียว ผู้หญิงที่ไหนเขาทำกันแบบนี้?มีแต่ผู้หญิงหน้าด้านเท่านั้นที่ทำเรื่องไร้ยางอายได้?ถ้าเป็นสมัยก่อน แกรู้ว่าว่ามันต้องเจอกับอะไร?”

“พอแล้วครับ !ผมไม่อยากฟังแม่ด่าประจานเธออีก พูดพอประมาณก็หยุดได้แล้วครับ ไม่งั้นผมจะพาเธอไปทันที” เลอแปงแสดงอารมณ์โกรธออกมาในท้ายที่สุด สองมือที่อยู่ข้างตัวของเขาค่อยๆกำแน่นขึ้น

ได้ยินดังนั้น ร่างกายสุนันท์ก็สั่นเทาเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่ได้ พลางชี้ไหล่เลอแปงสุดแรงแล้วด่าทอขึ้นมา

“ไอ้ลูกอกตัญญู แกจะทำให้ฉันตรอมใจตายใช่ไหม มันวางยาอะไรให้ แกถึงได้เป็นแบบนี้?มันมีดีอะไร?ถึงมันจะเป็นอาจารย์และพี่สะใภ้แก แต่พวกแกก็พึ่งอยู่ด้วยกันไม่นาน แต่ฉันคนนี้ที่เลี้ยงแกมาจนโต ทำไมแกถึงคอยปกป้องมัน ไม่เห็นปกป้องแม่บ้างเลย แกถูกผู้หญิงมารยาคนนี้ใส่ยาให้อะไรให้กิน หรือว่าแกจะชอบมัน?”

เลอแปงรู้สึกปวดบริเวณไหล่เล็กน้อย ทว่ายังคงไม่ขยับเขยื้อน ปล่อยให้เธอเอามือทิ่มอยู่อย่างนั้น เขาตอบอย่างจริงจังและหนักแน่นว่า “ใช่ ผมชอบเธอ!”

เมื่อประโยคนี้ดังขึ้น สุนันท์ก็ตัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน

หยาดฝนก็รู้สึกอึ้ง จ้องมองเลอแปง เธอคิดว่าตัวเองฟังผิดหรือเปล่า เลอแปงเขา ……เขา……เมื่อครู่นี้เขาพูดอะไรนะ?

“แก……แก……แกพูดอะไร……พูดอีกรอบสิ” สุนันท์รู้สึกหน้ามืดฉับพลัน สองมือพยุงโซฟาด้านหลัง ส่วนสายตานั้นจับจ้องอยู่ที่ตัวเลอแปง

เลอแปงไม่มีความลังเลหรือถดถอยเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว กล่าวทีละคำอย่างชัดเจนว่า “ผมชอบเธอ!”

สิ้นเสียงก็ได้ยิน“เพี๊ยะ——”สุนันท์ยกมือตบหน้าเขาอย่างเต็มกำลัง

เธอคล้ายจะใช้แรงทั้งหมดที่มี ใบหน้าหล่อของเลอแปงถูกตบจนเอียงไปอีกทาง ทั้งยังบวมแดงในชั่วพริบตา บ่งชี้ให้เห็นว่าสุนันท์ใช้แรงมหาศาลเพียงใด

ทว่าดวงตาเลอแปงไม่ไหวติงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ยังเป็นวัยรุ่น ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมากลับไม่ยอมให้ซักถามเกี่ยวกับข้อสงสัยและไม่ยอมให้สบประมาท

“แม่รู้ได้ยังไงว่าพี่สะใภ้ใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนจนท้องกับพี่ชาย?ตอนนั้นพี่เมาจนเข้าห้องผิด เลยทำให้เกิดเรื่องอย่างนั้น ถ้าตอนนั้นไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น เธอก็ไม่แต่งงานกับพี่ชายหรอก คนที่อยู่กับเธอตอนนี้ก็ต้องเป็นผม”

เขาถึงกับกล้าเอ่ยปากพูดแบบนี้เลยหรือ!

ประโยคนี้สะเทือนจิตใจสุนันท์อย่างแรงกล้า เธอยกมือขึ้นตบหน้าเขาแรงๆอีกครั้ง

รู้สึกทนดูต่อไปไม่ได้ หยาดฝนเข้าไปดึงแขนสุนันท์ไว้“พี่สะใภ้ พอได้แล้วค่ะ”

ได้ยินเลอแปงพูดแบบนี้ ในใจหยาดฝนก็ผ่อนปรนลงมาก แถมยังรู้สึกเบิกบานชนิดที่ไม่รู้จักสรรหาคำใดมาสาธยาย ทำให้หัวใจเธอพองโตยิ่งนัก

เขาทำเรื่องแบบนั้นตอนเมาเหล้า ซึ่งไม่ใช่ตอนมีสติ……

เมื่อรับรู้สิ่งนี้ อารมณ์ซึมเศร้าและกระสับกระส่ายในช่วงนี้ก็ทุเลาลง ยิ่งไปกว่านั้น มุมปากยังยกขึ้นนิดๆอีกด้วย

ส่วนเชอร์รีนไปดึงแขนเลอแปง สื่อให้เขารู้ว่าอย่าพูดพร่ำอีก เธอมองหน้าบวมแดงของเขาอย่างเป็นห่วง ทำไมเขาต้องแทรกเข้ามาตอนนี้ด้วยนะ?

ทว่าเลอแปงไม่ฟังคำหักห้าม พูดต่อไปว่า“ยังไม่รู้ความจริงก็ด่าเธออย่างนี้เลยเหรอ?ทำไมต้องด่าเธอแบบไม่มีชิ้นดีด้วย?”

ได้ยินดังนั้น สุนันท์พลันโกรธจัดหายใจไม่สม่ำเสมอ รู้สึกจุกกลางอกอย่างทรมาน และรู้สึกโกรธจนพูดอะไรไม่ออก

เห็นภาพนี้แล้ว หยาดฝนรีบตบหลังสุนันท์เบาๆ ช่วยให้เธอหายใจสะดวกขึ้นพร้อมกับพูดกับเลอแปงว่า “ไม่เห็นแม่นายกำลังโกรธจัดเหรอ เลิกพูดเสียที”

เลอแปงกลับฟังคำห้ามปรามไม่เข้าเลยสักประโยค“ผมพูดความจริงทั้งหมด ช่วงนี้สติของแม่ไม่ค่อยสมประกอบเลย!”

“ออกไป แกไสหัวออกไปเลย นับจากตอนนี้ แกอย่าก้าวเข้าบ้านสิริไพบูรณ์อีก ฉันจะถือซะว่าไม่มีลูกชายอย่างแก” สุนันท์ชี้นิ้วด่าเลอแปง บนโลกนี้มีลูกชายคนไหนต่อว่าแม่ตัวเองอย่างนี้

“พูดจริงหรือว่าพูดด้วยอารมณ์?” เลอแปงถามอย่างขึงขังจริงจัง

สุนันท์โกรธจนหายใจไม่สะดวก ความกราดเกรี้ยวเต็มใบหน้า“พูดจริงอยู่แล้ว!นับจากตอนนี้ อย่าโผล่หน้ามาให้ฉันเห็นเป็นอันขาด แกไม่ใช่ลูกชายฉันอีกต่อไป!”

สีหน้าเลอแปงจริงจังมากโข ตอบหนึ่งเสียงว่า“ได้”

สิ้นเสียง เขาก็หมุนกายพร้อมกับคว้าข้อมือของเชอร์รีน หมายจะพาเธอออกไปด้านนอก

“ไสหัวไป รีบไสหัวไปเลย” สุนันท์โกรธจนยืนไม่ไหว เธอหยิบแก้วบนโต๊ะขึ้นมาปาใส่เลอแปง

ซึ่งไม่ได้ปาโดนเขา แค่กระแทกใส่ข้างเท้าเขาเท่านั้น จากนั้นแก้วกระจกก็แตกเป็นชิ้นเล็กๆ

เวลาเดียวกันนี้ก็มีเสียงฝีเท้าดังลอยเข้ามา ร่างสูงของออกัสก็ก้าวเข้ามา สภาพเขาในตอนนี้คือ พับเสื้อกันหนาวสีดำขลับไว้ที่แขน ผมเผ้ายุ่งเหยิง คล้ายกับเร่งมา และเมื่อมาถึงก็ต้องเห็นภาพตรงหน้านี้

ดวงตาลุ่มลึกหรี่ขึ้น เข้าก้าวไปด้านหน้าหลายก้าว จากนั้นก็คลายข้อมือของเชอร์รีนออกจากเลอแปง

เมื่อความอุ่นจากการสัมผัสหลุดออกไป หัวใจเลอแปงก็ค่อยกลายเป็นว่างเปล่าทีละนิด

“แกจะออกไปไม่ใช่เหรอ?ยังมายืนเสนอหน้าที่บ้านฉันอีกทำไม?นับจากตอนนี้ บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์มีแกไม่มีฉัน มีฉันก็ต้องไม่มีแก” สุนันท์ตะคอกใส่เลอแปงอย่างไม่ลืมหูลืมตา

ได้ยินดังนั้น เลอแปงปรายตามองเชอร์รีนเป็นพิเศษ จากนั้นก็ไม่รั้งอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว เขารีบออกจากบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ทันที