ตอนที่ 316 ไม่ยุติธรรม
ตอนที่ 316 ไม่ยุติธรรม

จ้าวเหวินเทาเป็นชาวสวนโดยพื้นฐานอยู่แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้คือการปลูกพืชผลช่วงฤดูร้อนและเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงในทุก ๆ ปีไม่เพียงแต่ไม่ล่าช้า แต่ยังเก็บเกี่ยวเสร็จก่อนคนอื่น ๆ ด้วย ยกตัวอย่างเช่นปีนี้ แม้ว่าจ้าวเหวินเทาจะจ้างพ่อลูกตระกูลชุยไปแล้ว แต่อีกฝ่ายก็มีที่ดินของตัวเอง ฤดูร้อนยังดีหน่อย แต่ฤดูใบไม้ร่วงไม่สามารถปล่อยให้ล่าช้าได้ จ้าวเหวินเทาจึงต้องไปจ้างคนอื่น! ผลลัพธ์ที่ได้คือเขาเก็บเกี่ยวเสร็จเป็นคนแรกอีกเช่นเคย หากอ้างตามคำพูดของพี่สามจ้าวก็คือ ไม่ยุติธรรมเลย!

 

พี่สามจ้าวหดหู่จนอยากกระอักเลือดออกมา ทำสวนและค้าขายเหมือนกันก็จริง แต่การค้าขายของเขาในหนึ่งปีต้องหยุดครึ่งปีเพื่อมาทำสวน ส่วนจ้าวเหวินเทากลับไม่หยุดแม้แต่วันเดียว พืชผลที่ปลูกอยู่ในสวนก็ปลูกตามเวลาไม่ได้ล่าช้าลงเลย เขาไม่เข้าใจ และไม่สามารถทำใจยอมรับได้

“คุณจะเอาแต่อิจฉาน้องหกไปทำไม?” พี่สะใภ้สามจ้าวฟังน้ำเสียงของพี่สามจ้าวที่อิจฉาตาร้อน จึงพูดอย่างไม่สบอารมณ์

  

“เธอจะไปเข้าใจอะไร เธอจะไปเข้าใจอะไร!” พี่สามจ้าวโกรธจนไม่ไหวแล้ว “เขาค้าขายยุ่งจะตายไป แต่ก็ยังทำสวนได้อยู่ พวกเราล่ะ ทำเต้าหู้ยังไม่มีเวลาให้ทำเลย จะทำเต้าหู้ก็ต้องหาคน เธอลองพูดมาสิ หาเงินแบบนี้จะสู้เขาได้ไหม! ถ้าฉันไม่คิดหาสาเหตุ ชีวิตของพวกเราจะใช้กันได้เหรอ เธอจะได้กินหรูอยู่สบายไหม? เธอจะได้อยู่บ้านแบบเจ้าหกนั่นไหม?”

 

พี่สามจ้าวพ่นคำพูดเปรียบเทียบออกมาเป็นแถว พี่สะใภ้สามจ้าวได้ยินถึงกับกลอกตา “ฉันไม่เคยพูดว่าอยากมีบ้านแบบเจ้าหก มีแต่คุณนั่นแหละที่อยากอยู่ อย่าโยนความผิดมาให้ฉัน”

พี่สามจ้าวรู้สึกว่าตัวเองล่าช้าเพราะภรรยาโง่คนนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงร่ำรวยไปนานแล้ว!

 

“พ่อกับแม่ก็ลำเอียงเกินไปจริง ๆ!” พี่สามจ้าวพูดอย่างโกรธเคือง

พี่สะใภ้สามจ้าวหมดคำพูดจริง ๆ ทำไมถึงโยงไปถึงพ่อแม่สามีอีกแล้ว นี่มันอะไรกันเนี่ย?

พี่สะใภ้สามจ้าวตามความคิดของสามีไม่ทันแล้ว หล่อนก็ไม่อยากจะไล่ตามแล้วเช่นกัน จึงไปทำงานของตัวเอง แต่กลับไม่รู้เลยว่าความหมายของสามีก็คือ ทำไมคุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวถึงได้ให้เขามาแต่งงานกับภรรยาแย่ ๆ แบบหล่อน ลำเอียงกันชัด ๆ!

จ้าวเหวินเทาปลูกต้นทานตะวันก็เพราะเมล็ดของมันนำมาแทะกินได้ เคาะออกมาไม่ถึงวันก็ขายแล้ว ของแบบนี้ต้องขายตอนเปียก ๆ ถึงจะขายได้ราคาดี อีกอย่างตอนนี้คนในหมู่บ้านก็กำลังตัดดอกทานตะวัน เร็วที่สุดก็คือเคาะดอกทานตะวัน

 

“น้องหกเก็บผลผลิตเร็วจริง ๆ” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดกับพี่รองจ้าว

ทั้งสองคนก็เก็บเกี่ยวเร็วมากเช่นกัน ถั่วเก็บมาหมดแล้ว รอย้ายไปที่ลานนวดข้าว หากไม่สามารถนวดถั่วได้ในทันที ทางที่ดีที่สุดคือวางไว้ในที่ดิน อย่าได้ย้ายไปที่ลานนวดข้าว มิเช่นนั้นอาจขึ้นราได้ วางไว้ในดินแปดวันสิบวันก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร พวกเขามีประสบการณ์ในการเพาะปลูก เข้าใจเรื่องทั่ว ๆ ไปนี้อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อตัดถั่วแล้วจึงไปตัดทานตะวันต่อ

“เขาไปหาคนมากมายขนาดนั้นมาช่วย ไม่งั้นก็คงไม่เร็วแบบนี้หรอก”

  

พี่รองจ้าวพูดไปพลางขนจานดอกทานตะวันที่อยู่บนรถลงมา วางทับซ้อนกันแบบสลับฟันปลาเพื่อระบายอากาศ ป้องกันไม่ให้จานดอกทานตะวันเน่า

 

“เขาไปหาคนพวกนั้นมาจากที่ไหนกันเนี่ย” พี่สะใภ้รองจ้าวอิจฉาอย่างมาก “เด็กหนุ่มเยอะแยะขนาดนั้น ทำงานกันเร็วจริง ๆ!”

“กินก็เร็วเหมือนกัน” พี่รองจ้าวกล่าว “วันนี้จัดการพวกนี้ก่อนแล้วกัน ผมจะไปขนหญ้ากระต่ายบนเขากลับมา คุณไม่ต้องตามไปนะ พลิกดอกทานตะวันของเมื่อวานอยู่ที่นี่แหละ เสร็จแล้วก็กลับไปทำกับข้าวเถอะ”

  

กระต่ายขายได้เงินเยอะมาก ปีนี้พี่รองจ้าวเลี้ยงไว้ร้อยกว่าตัว จึงต้องตัดหญ้าในทุกๆ วันเป็นปริมาณเยอะมาก นอกจากพวกเด็ก ๆ ที่จะช่วยตัดหญ้าตอนเลิกเรียน ตอนที่พี่รองจ้าวและพี่สะใภ้จ้าวอยู่บนเขาก็ถือโอกาสตัดกลับมาด้วย เป็นเพราะรถคันเล็กต้องขนจานดอกทานตะวัน ไม่มีที่ไว้วางหญ้าแล้ว จึงต้องกลับไปอีกครั้ง

พี่รองจ้าวรีบขับเกวียนลาลาก ส่วนพี่สะใภ้รองจ้าวก็ถือส้อมพรวนดินพลิกจานดอกทานตะวันที่ขนกลับมาเมื่อวาน ระหว่างนั้นก็ครุ่นคิดถึงเรื่องที่ว่าน้องหกหาคนมาจากที่ไหน

“โห ปีนี้พวกเธอปลูกทานตะวันเยอะขนาดนี้เลยนะ!” หลี่เฟินถือตะกร้าและแบกถุงอยู่บนหลังเดินเข้ามา

พี่สะใภ้รองจ้าว “ปลูกทานตะวันไว้สิบหมู่น่ะ! เธอจะไปทำอะไรเนี่ย?”

หลี่เฟินเดินผ่านถนนลูกรังตรงเข้ามา ก่อนจะวางถุงลง “ที่ดินที่ปลูกข้าวโพดของฉันมีถั่วฝักยาวขึ้นมานิดหน่อย ว่าจะไปเก็บถั่วฝักยาวน่ะ!”

“แล้วเธอเอาอะไรมาด้วยล่ะเนี่ย?” พี่สะใภ้รองจ้าวพลิกฝักถั่วที่อยู่ในตะกร้า

“ถั่วแดง เห็นบอกว่าปีนี้ถั่วแดงราคาดีไม่ใช่เหรอ? ฉันก็เลยเก็บมาเยอะหน่อย ตอนแรกกะว่าจะเอามาจากที่ดินที่ปลูกทานตะวันอีกนิดด้วย แต่สามีบ้านั่นพูดยังไงก็ไม่ยอมเอามา!” หลี่เฟินโกรธจนทนไม่ไหว “บอกว่าถึงเวลานั้นก็มีแต่จะเกะกะ มันจะไปเกะกะเขาตรงไหนกัน! ไม่ได้บอกให้เขาเก็บให้สักหน่อย!”

“สามีผู้มีคุณธรรม เธอไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก สนใจแค่ขนกลับมาก็พอแล้ว” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ถึงเวลานั้นเอาไปขายจนได้เงินเขาก็ไม่พูดอะไรแล้ว”

 

หลี่เฟินกล่าว “สามีแบบนั้น ยังจะพูดด้วยเหตุผลอีกเหรอ? พอเถอะ! จริงสิ นี่เธอจัดการเสร็จไปกี่หมู่แล้วล่ะ?”

“สองหมู่กว่า ๆ ได้แล้วมั้ง” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว

“ทำไมได้แค่นี้เองล่ะ?” หลี่เฟินประหลาดใจ “ฉันเห็นพวกเธอตัดกันมาตั้งหลายวันแล้วนะ”

“เปล่าหรอก ยังมีถั่วเขียวกับถั่วเหลืองด้วย ไม่จัดการก็คงไม่ได้” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว

  

“พวกเธอปลูกทานตะวันต้นฤดูสินะ?” หลี่เฟินหยิบจานดอกทานตะวันขึ้นมา บิดนิดหน่อยแล้วแทะเมล็ดทานตะวัน “อืม เมล็ดทานตะวันนี้ดีมากเลย”

 

“ใช่ ทานตะวันต้นฤดู เขาเป็นกังวลว่าถ้าปลูกทานตะวันปลายฤดู ถึงเวลานั้นจะไม่มีเวลาเก็บเกี่ยว ปีนี้นอกจากข้าวโพดยังมีผักกาดขาวด้วย ผักกาดขาวก็ยังต้องขาย ใช้เวลาเดียวกันทั้งหมด ถ้าทำไม่ทันคงจบเห่!” พี่สะใภ้รองจ้าวถอนหายใจ “ช่วยไม่ได้จริง ๆ”

 

“บ้านของพวกฉันไม่ได้ปลูกทานตะวันเยอะขนาดนั้น เลยปลูกกันช่วงปลายฤดูหมด ถึงเวลานั้นฉันจะเรียกให้พวกพี่น้องที่บ้านมาช่วย” หลี่เฟินพูดแล้วก็พูดต่อไปว่า “จริงสิ ฉันได้ยินมาว่าน้องหกของเธอเก็บเสร็จหมดแล้ว?”

 

“ไม่ใช่ว่าเก็บเสร็จหมดแล้ว แต่เอาทานตะวันไปขายหมดแล้วต่างหากล่ะ” พี่สะใภ้รองจ้าวขึ้นเสียงสูง “เร็วใช่ไหมล่ะ?”

“ก็นั่นน่ะสิ” หลี่เฟินยิ้ม “น้องหกของเธอนี่สุดยอดจริง ๆ ไปหาแรงงานมากมายขนาดนั้นมาจากไหนเนี่ย!”

“เห็นบอกว่าเป็นคนจากในเมือง มาเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตในชนบท” พี่สะใภ้รองจ้าวพูดพลางบุ้ยปาก “ปีก่อน ๆ พวกปัญญาชนในชนบทต่างก็ไปอยู่ในเมืองเพื่อสัมผัสกับชีวิต ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไปกันหมด คิดจะรั้งก็รั้งไว้ไม่อยู่ ตอนนั้นวิ่งมาสัมผัสชีวิตกันอีกแล้ว ฉันว่านะ เป็นเพราะกินอิ่มจนไม่มีอะไรทำนั่นแหละ!”

“ยังต้องให้เธอพูดอีกเหรอ นี่ถ้าหิวก็คงไม่มีใครว่างมาทำเรื่องแบบนี้หรอก คนพวกนั้นมาสัมผัสแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับแล้ว นี่ถ้าเธอบอกให้พวกเขาอยู่นาน ๆ คงไม่มีใครอยู่หรอก!” หลี่เฟินกล่าว “เธอก็บอกให้น้องหกของเธอพาคนพวกนั้นให้มาสัมผัสชีวิตต่อสิ ดอกทานตะวันเธอเยอะแยะขนาดนี้ เพียงพอให้พวกเขาสัมผัสชีวิตกันพักใหญ่เลยแหละ!”

หลี่เฟินพูดไปพลางก็หัวเราะออกมา พี่สะใภ้รองจ้าวก็หัวเราะเช่นกัน

 

“เธอพูดง่ายนะ เรื่องแบบนั้นพวกเราจะเชิญมาได้เหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวส่ายหน้า “ฉันได้ยินน้องสะใภ้สามเล่าให้ฟังว่า น้องสามีสามของฉันไปถามมาแล้ว จะให้จ่ายเงินสักหน่อยก็ได้ ผลลัพธ์ที่ได้กลับถูกน้องหกปฏิเสธกลับไป”

 

“เรื่องจ่ายเงินน่ะอย่าเลย!” หลี่เฟินส่ายหน้า “ของแค่นี้ถ้าจ่ายเงินจ้างคนจะเหลือสักเท่าไรเชียว ถ้าให้ดูแลเรื่องอาหารการกินก็ว่าไปอย่าง”

“ก็นั่นน่ะสิ หนึ่งปีก็หวังกับการเก็บเกี่ยวเล็ก ๆ นี้แหละ ถ้าจ่ายเงินจ้างคนอีก ปีหน้าคงได้อดอยากปากแห้ง” พี่สะใภ้รองจ้าวกล่าว “ทำเองนั่นแหละ ถ้าไม่ได้มีเหมือนน้องหก พวกเราก็อย่าไปคิดเลย”

“อันที่จริงบอกให้น้องหกของเธอออกหน้าช่วยพูดให้ก็ได้นะ” หลี่เฟินพูดอย่างสบาย ๆ “ฉันได้ยินมาว่าน้องหกของเธอไม่ได้ใช้เงินด้วยซ้ำ เธอไปคุยกับน้องหกเธอดูสิ ไม่จ่ายเงินก็ไม่น่าเป็นอะไร สร้างมิตรภาพก็ให้น้องหกเธอสร้างไปสิ ถึงยังไงเขาก็ต้องตีสนิทอยู่แล้ว พวกเธอเป็นอะไรกันล่ะ เป็นพี่น้องแท้ ๆ นะ ช่วยเหลือกันและกันมันจะไปเหลือบ่ากว่าแรงอะไร”

………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มันอยู่ที่คอนเนคชั่นและการบริหารคนกับเวลาน่ะพี่สาม ใช้เวลาทำงานน้อยแต่ได้ประสิทธิภาพมาก

ไหหม่า(海馬)